
รีวิว ZTE Blade V7 Lite ดีไซน์พรีเมี่ยม ยอดเยี่ยมทุกด้าน เพียง 1,990 บาทพร้อมแพ็กเกจจาก AIS
ผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาประหยัดเครื่องใหม่ในงบไม่เกิน 5,000 บาท เน้นใช้งานยาว ๆ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย เครื่องสวย สเปคดี ไว้วางใจได้ในเสถียรภาพ อย่างแรกเลยที่จำให้ขึ้นใจในการเลือกซื้อ คือ สมาร์ทโฟนระดับราคาไม่เกิน 5,000 บาทในยุคนี้ บอดี้ตัวเครื่องต้องเป็นโลหะเท่านั้น ดีไซน์ต้องสวย ทนทาน ดูแลรักษาง่าย หน้าจอต้องสีสวยสดใส สเปคโดยรวมต้องดีเพียงพอสำหรับใช้งานได้อย่างน้อย 1 ปี กล้องต้องดีในระดับที่น่าพอใจทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เพราะยุคนี้ ใคร ๆ ก็เน้นถ่ายภาพแชร์บน Social Network กันมากมาย เพราะฉะนั้นลืมสมาร์ทโฟนตัวเครื่องพลาสติกราคาถูกแบบย้อนยุคไปได้เลย ยุคนี้ต้องโลหะเท่านั้น และไม่ต้องไปสรรหาเคสพลาสติกบดบังความหรูหราของตัวเครื่อง ของสวย ๆ งาม ๆ มีดีต้องโชว์กันหน่อย
ราคาสุด Shock! ทำเอา Surprise ไปทั้งวงการ เมื่อ ZTE จับมือ AIS ร่วมโปรโมชั่น Smart Deal ซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจในราคาเพียง 1,990 บาท เมื่อสมัครแพ็กเกจ 4G Smart Deal เดือนละ 399 บาท หรือ Non-stop เดือนละ 599 บาท ใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งไม่แพงเลย เพราะทุกวันนี้ผู้คนในตัวเมืองส่วนใหญ่ก็เสียเงินค่าโทรกับค่าเน็ตเดือนละ 3-4 ร้อยบาทกันอยู่แล้ว หรือถ้าใช้แบบเติมเงินอยู่ ก็สามารถซื้อเครื่องเปล่าได้ในราคาเต็ม 4,990 บาท ก็ยังถือว่าคุ้ม
ปีนี้ ZTE ต้องการผลักดันยอดขายเต็มที่ ให้ขึ้นอยู่ในอันดับ Top 5 ของไทย ซึ่ง ZTE Blade V7 Lite จะเป็นรุ่นหลักที่เน้นทำตลาดครึ่งปีหลังนี้ ด้วยกลยุทธ์ราคาและคุณสมบัติของรุ่นนี้ที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งทั้งหมดในตลาดสมาร์ทโฟนต่ำกว่า 5,000 บาท ก็มีความเป็นไปได้ว่า ZTE Blade V7 Lite จะได้รับความนิยมในไทย
ล่าสุด ZTE ได้แจก Central Voucher มูลค่า 2,000 บาทให้กับลูกค้าที่ซื้อ ZTE Blade V7 Lite ล็อตแรก ได้รับความสนใจดีมาก ลูกค้าต่อแถวเข้าซื้อกันยาวล้นออกมานอกร้าน อย่างที่เห็นในภาพ
สเปคของ ZTE Blade V7 Lite
4G : LTE 800/850/900/1800/2100/2300/2600
3G : WCDMA 850 / 900 / 2100
2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900
GPS, A-GPS
Wi-Fi 802.11 b/g/n
Bluetooth 4.0, A2DP
microUSB 2.0
ช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
Accelerometer, Proximity, Light, Gyrometer
สีที่มีให้เลือก : เงินและทอง
จุดเด่นของ ZTE Blade V7 Lite
แกะกล่อง ยลโฉมดีไซน์
ZTE Blade V7 Lite เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นประหยัด กล่องบรรจุภัณฑ์ไม่หรูเท่ารุ่นระดับบน ๆ อย่างที่เคยรีวิวกันมา ดูแล้วค่อนข้างหยาบ ไม่แข็งแรง กล่องกระดาษอ่อนไปหน่อย
ผิดกับตัวเครื่อง ที่สวยทันสมัย วัสดุดีเยี่ยม น่าเสียดายที่ ZTE มองข้ามเรื่องบรรจุภัณฑ์รุ่นนี้ไป ทั้งที่รุ่นอื่นอย่าง AXON หรือ Blade S7 สร้างความประทับใจตั้งแต่แกะกล่อง
Blade V7 Lite ดีไซน์สวย จับถนัดมือ ขนาดกำลังดี ดูเหมือนขอบจอบางเฉียบ ล้ำสมัย แต่ความจริงแล้วขอบจอยังหนาประมาณ 3-4 mm.
ตัวเครื่องด้านข้างและด้านหลัง เป็นอะลูมิเนียม ผิวสัมผัสเหมือนกับ MacBook ทุกประการ ตัดขอบแบบ Diamond Cut ดูหรูหราเงางามเป็นประกายแสง งานชิ้นอะลูมิเนียมนี้ สุดเนี๊ยบจริง ยอมรับในความพิถีพิถัน
ยกให้ ZTE Blade V7 Lite เป็นสมาร์ทโฟนระดับราคาต่ำกว่า 5,000 บาทที่ให้คุณภาพสีสันของหน้าจอดีที่สุดในขณะนี้ สีสันสดใสสวยงามมาก ภาพสีดำในโทนมืด ทำได้ดีเยี่ยม ดำลึกพอสมควร ดำจริง ตัดแสงสะท้อนภายนอก ไม่มีเงาสะท้อนภายในชั้นจอ ท้าพิสูจน์ให้ทดสอบใช้งานจริง เปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในระดับราคาเดียวกัน เป็นหน้าจอ IPS ที่คัดเกรดสูงพิเศษ แม้ว่าความละเอียดจะไม่สูงเท่า Full HD และสีไม่จัดจ้านหรือดำลึกเท่าจอ AMOLED แต่ก็ยอดเยี่ยมมากสำหรับราคาระดับนี้
ขอบกล้องนูนเล็กน้อย หลุมสแกนนิ้วอยู่ในตำแหน่งที่พอดีกับปลายนิ้วชี้ ไฟแฟลช LED หนึ่งดวง และช่องลำโพงด้านหลังที่มีการตัดขอบเฉียงเล่นมุมให้เงางามประกายแสงทุกส่วน ดูหรูหรากว่าสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังเครื่องละ 2-3 หมื่นบาทอย่างไม่น่าเชื่อ
ด้านข้างตัวเครื่องในฝั่งขวา มีปุ่ม Power และถาด microSD / Nano-SIM
ช่องต่อหูฟัง
แยกปุ่ม Volume อยู่ที่ฝั่งซ้าย ไม่สับสนกับปุ่ม Power
พอร์ต microUSB อยู่ตรงกลาง เสียบแท่นชาร์จหรือลำโพง Docking ได้พอดี
มีไฟแฟลชสำหรับกล้องหน้าด้วย
ปุ่ม Buttom Key เป็นจุดสองจุดซ้ายขวา สามารถกำหนดได้เองว่าปุ่มไหนคืออะไร ระหว่าง Back กับ Recent Apps
ตัวเครื่องไม่มีเหลี่ยมมุมหรือขอบคมให้รำคาญอุ้งมือในขณะถือ
หน้าจอเป็นกระจกโค้งนูน 2.5D ตามยุคสมัย
สวยงามด้วยไฟเรืองแสงสีฟ้า
อุปกรณ์ในกล่องที่มีให้
Adapter 5V 1A จ่ายกระแสน้อย แต่ก็ไม่ได้ชาร์จช้าอย่างที่คิด
หูฟังแบบ In-ear
สาย USB และเข็มจิ้มถาดแบบ Hybrid
รองรับ microSD + Nano-SIM หรือใส่เป็น Nano-SIM ทั้งสองเลยก็ได้หากไม่ใช้ microSD
ทดสอบประสิทธิภาพ
ZTE Blade V7 Lite ทำคะแนนทดสอบได้ 23617 เมื่อเทียบกับราคาจำหน่าย ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ในการใช้งานทั่วไป ตอบสนองได้เร็วลื่นดี ไม่มีอาการหน่วงอืดแม้ว่าเปิดแอปพลิเคชั่นซ้อนกันมากมาย แต่ไม่เหมาะกับการเล่นเกม 3D เพราะประสิทธิภาพด้านการประมวลผลภาพถือว่าต่ำ ส่วนการเล่นเกมทั่วไป เกมปริศนา เกมพื้นฐาน เล่นได้ไม่มีปัญหา
ซอฟต์แวร์
Lock screen และ Home screen สไตล์เดียวกันกับ Blade V series และ S series
แอปพลิเคชั่นส่วนใหญ่ติดมากับเครื่อง บางแอปฯ ติดตั้งเพิ่มเข้าไปตามการใช้งานจริง
Quick settings ในสไตล์ของ ZTE และ ปุ่มโทรออกตามมาตรฐาน Android
เมนูตั้งค่าหลัก สไตล์เดิม ๆ กับ Pure Android
มีเมนูบางอย่างที่ ZTE เพิ่มเข้ามา เช่น การรองรับเคสหนังฝาฟลิป กับการสแกนลายนิ้วมือ
มาพร้อมกับ Android 6.0 | ตั้งเวลาเปิดและปิดเครื่องอัตโนมัติได้
ระดับราคานี้ แต่มีฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ ถือว่าคุ้ม
มอนิเตอร์ดูการใช้ RAM และ Battery โดยเฉพาะ Battery ที่มีเหลืออยู่ 77% แต่ตัวเครื่องแจ้งว่าสามารถใช้งานได้อีก 1 วันกับอีก 22 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าหากแบตเตอรี่ชาร์จเต็ม ก็น่าจะใช้งานได้ 2 วันพอดี หรือ 2 วันนิด ๆ
ROM 16GB ระบบใช้งานไป 5.32GB เหลือ 10.68GB ติดตั้งแอปพลิเคชั่น ถ่ายรูปนิดหน่อย ก็ถูกใช้ไปจนเหลือ 4.02GB แล้ว ถ้าถ่ายรูปเยอะ แนะนำให้ Back up ลงคอมพิวเตอร์บ่อย ๆ จะดีกว่าการใช้ microSD card
Bottom key สามารถเปลี่ยนเองได้ว่าจะให้ปุ่ม Back อยู่ด้านซ้ายตามมาตรฐานหรือไม่ แต่บางคนอาจคุ้นเคยกับยี่ห้ออื่นที่ปุ่ม Back อยู่ด้านขวา ก็สามารถสลับเองได้ | ลูกเล่น Gesture กับ Motion ก็มีให้มากมาย หลายคนชอบลูกเล่นเคาะหน้าจอสองครั้งแล้วหน้าจอติดสว่างแทนการกดปุ่ม Power
ปรับความเข้มของสีหน้าจอได้ แต่มาตรฐานก็ถือว่าสีเข้มจัดจ้านอยู่แล้ว | มาดูกันต่อที่เมนูกล้อง
มีให้เลือกถ่ายภาพได้ 5 โหมด คือ Normal, HDR, Panorama, Beautify, Smile มีระบบตรวจจับใบหน้า-รอยยิ้ม
โดยความละเอียดสูงสุดของภาพถ่ายอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซลในสัดส่วนภาพ 4:3 สว่นวิดีโอบันทึกได้ความละเอียดสูงสุด 720p
ปิดเสียงชัตเตอร์ได้ ใช้ปุ่ม Volume เป็นปุ่มชัตเตอร์ได้
ปรับลูกเล่นสีได้ มีโหมด Pro ให้เลือกใช้
กำหนดสปีดชัตเตอร์ได้เล็กน้อย กำหนดจุดวัดแสงในภาพได้
ปรับค่าความไวแสงและชดเชยแสงได้พอประมาณ
ตั้งค่า White Balance ให้ตรงกับลักษณะแสงได้ ในส่วนของโหมด Beautify ปรับได้ 5 ระดับ โดยมีการตรวจจับใบหน้าและปรับผิวให้อัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายในสภาวะแสงค่อนข้างน้อย
ถ่ายภาพกลางแจ้งในสภาวะแดดจัด สมาร์ทโฟนทั่วไปก็ถ่ายได้สวยทุกรุ่น แต่ในการทดสอบของเรา จะแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพในการถ่ายภาพเป็นอย่างไร เมื่อเจอสภาวะแสงน้อย แสงในอาคารที่ไม่เปิดไฟ และแสงจากหลอดไฟหลายแบบที่ทำให้กล้องสับสนจนทำงานผิดพลาด
โดยรวมถือว่า ถ้ามีแสงมากพอและเป็นแสงธรรมชาติ กล้องของ ZTE Blade V7 Lite สามารถถ่ายทอดสีสันออกมาได้สวยสมจริง ชัดเจนใช้ได้ แต่เมื่อมีแสงน้อยลงหรือเจอแสงที่แปลกไปจากสถานการณ์ปกติ เช่น ไฟ LED ในงาน Event หรือแสงจากหลอดไฟหลายแบบผสมผสานกัน ทำให้ Auto White Balance ทำงานผิดพลาด ต้องเลือกตั้งค่าเองจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า Auto ดังที่เห็นในภาพว่าอาหารญี่ปุ่นมีสีที่ผิดเพี้ยนไป แต่ภาพอื่นที่มีแสงไม่ซับซ้อนหรือแสงธรรมชาติ ก็ถ่ายภาพได้ดีน่าพอใจ ทั้งนี้มือต้องค่อนข้างนิ่ง เพราะบางภาพมีอาการสั่นไหวให้เห็น ในสภาวะค่อนข้างมืด
ภาพถ่ายจากกล้องหน้าในโหมด Beautify เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มีการปรับความสว่างในส่วนของใบหน้าให้โดยอัตโนมัติ ปรับใบหน้าให้ผิวเนียนขาวอมชมพูในแบบฟุ้ง ๆ ภาพอาจจะไม่ได้คม แต่สว่างขาวกระจ่างค่อนข้างมาก ปรับได้หลายระดับ น่าจะถูกใจคนชอบถ่ายภาพ Selfie กัน
สรุป
ZTE Blade V7 Lite เป็นสมาร์ทโฟนราคาไม่แพง แต่ให้ลูกเล่นเยอะมากเกินคาด รวมทั้งวัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะคุณภาพดีกว่าคู่แข่ง ดูแลรักษาง่าย ทนทานดีเยี่ยม เป็นรอยขีดข่วนได้ยากกว่าของคู่แข่งที่ใช้ฝาหลังโลหะอีกแบบหนึ่ง ถือว่าคุ้มที่สุด เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วในขณะนี้สำหรับสมาร์ทโฟนที่มีราคาไม่กิน 5,000 บาท
7 สิ่งที่ประทับใจใน Blade V7 Lite
ข้อสังเกต
คู่แข่งโดยตรง
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาไม่เกิน 5,000 บาท
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว ZTE Blade V7 Lite ดีไซน์พรีเมี่ยม ยอดเยี่ยมทุกด้าน เพียง 1,990 บาทพร้อมแพ็กเกจจาก AIS "