Tim Cook ซีอีโอ Apple ยอมรับ!! iPhone แพงขึ้นทำให้ยอดขายหล่นลงจริง เตรียมลดราคาในหลายๆ ประเทศ
เมื่อปลายเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมา Apple ได้ประกาศผลรายงานทางการเงินประจำไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2019 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2018 โดยบริษัทประกาศรายได้ประจำไตรมาสที่ 84.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน พร้อมรายได้สุทธิประจำไตรมาส 4.18 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นปรับลด ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.5% ยอดขายในต่างประเทศถือเป็น 62% ของรายได้ประจำไตรมาส
รายได้จาก iPhone ลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์อื่นๆ และธุรกิจบริการเติบโตขึ้น 19% รายได้จากธุรกิจบริการสูงสุดเป็นประวัติการที่ 10.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้จาก Mac และอุปกรณ์สวมใส่, อุปกรณ์ที่ใช้ภายในบ้าน และอุปกรณ์เสริมเพิ่มขึ้น 9% และ 33% ตามลำดับ ซึ่งทำสถิติใหม่และรายได้จาก iPad เพิ่มขึ้น 17%
“ถึงแม้ว่ารายได้จะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่เราบริหาร Apple เพื่อผลประโยชน์ในระยะยาว และผลประกอบการในไตรมาสนี้แสดงให้เห็นถึงจุดแข็งซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเรา” Tim Cook CEO ของ Apple กล่าว
“จำนวนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.4 พันล้านในไตรมาสแรก เติบโตขึ้นในทุกภูมิภาค ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า ส่งเสริมให้ธุรกิจบริการทำสถิติใหม่ ต้องขอบคุณระบบนิเวศขนาดใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็วของเรา”
“เรามีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งที่ 26.7 พันล้านเหรียฐสหรัฐในไตรมาสประจำเดือนธันวาคม และรายได้สุทธิต่อหุ้นปรับลดทำสถิติใหม่ที่ 4.18%” Luca Maestri CFO ของ Apple กล่าว “เราได้จ่ายคืนเงินลงทุนให้แก่นักลงทุน 13 พันล้านเหรียญสหรัฐในระหว่างไตรมาสในรูปแบบเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เรามีเงินสด 30 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อสิ้นสุดไตรมาส และยังคงตั้งเป้าที่จะรักษาจำนวนเงินสดในระดับนี้ต่อไป ”
Apple ได้ประเมินผลประกอบการประจำไตรมาสที่สอง ประจำปีงบประมาณ 2019 ดังนี้
• รายได้อยู่ระหว่าง 55 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 59 พันล้านเหรียญสหรัฐ
• กำไรขั้นต้นอยู่ระหว่าง 37% ถึง 38%
• ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ระหว่าง 8.5 พันล้านเหรียญสหรัฐถึง 8.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
• รายได้/(รายจ่ายอื่นๆ) 300 ล้านเหรียญสหรัฐ
• อัตราภาษี 17%
และจากคำกล่าวของ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ก็ได้ชี้แจงว่าแม้ผลประกอบการจะค่อนข้างน่าผิดหวังแต่ก็เป็นเพียงปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เพราะอย่างน้อยสินค้าและบริการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ iPhone ก็ยังทำยอดได้ดี ซึ่งเขายอมรับด้วยว่าราคาของ iPhone ในปีล่าสุดส่งผลกระทบต่อยอดขายจริง
เนื่องจากมีราคาจำหน่ายที่สูงและยังมีปัญหาในเรื่องของปัจจัยค่าเงินมาเกี่ยวข้องด้วย นั่นทำให้ราคา iPhone ในหลายประเทศแพงขึ้นจนเป็นเหตุให้ยอดหล่นลงไปอีก นอกจากนี้ทาง Apple มีแผนที่จะปรับลดราคา iPhone ในหลายประเทศเพื่อกระตุ้นยอดขายให้ดียิ่งขึ้น ส่วนจะเป็นไปในทิศทางใดต่อนั้น เราคงต้องมาจับตาดูกันต่อไปค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.apple.com
Leave a Reply