รีวิว Vivo X50 Pro 5G กล้องกันสั่น Gimbal ฟีเจอร์เพียบ! จอลื่น 90Hz ดีไซน์ระดับ X-Class พร้อมแบตอึดชาร์จไว 33W
สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ ใครที่กำลังมองหาสุดยอดสมาร์ตโฟน 5G กล้องสวยขั้นเทพ พร้อมสเปกการใช้งานต่าง ๆ ที่จัดเต็ม วันนี้เรามีบทความรีวิว Vivo X50 Pro 5G สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของ X Series ที่มาพร้อมสโลแกน “Photography Redefined” หรือนิยามใหม่แห่งการถ่ายภาพ มาฝากให้ได้ชมกัน
Vivo X50 Pro 5G จัดเต็มสเปกการใช้งานขั้นสุด ชูหน้าจอ Refresh Rate 90Hz ขนาด 6.56 นิ้ว ฝังสแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 765G หน่วยความจำแรม 8GB คู่ความจุ 256GB พร้อมรัน Android 10 ครอบทับ Funtouch OS 10.5
เอาใจคนรักการถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง 4 ตัวระดับมืออาชีพ กล้อง Gimbal เซ็นเซอร์หลักคมชัดสุด 48MP มาครบทั้งเลนส์ Portrait, Super Wide-Angle และ Periscope พร้อมกันสั่น Gimbal ซูมไกล 60 เท่า กล้องหน้าสุดคมชัดเซลฟี่สวย 32MP ใช้งานต่อเนื่องยาวนานด้วยแบตเตอรี่ความจุสูง 4315mAh ที่สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จไว 33W FlashCharge 2.0
มีชิปเสียง AK4377A คุณภาพระดับ Hi-Fi ครบอรรถรสความบันเทิง พร้อมรองรับ 5G มอบความเร็วในการสื่อสารที่เร็วขึ้น ลดความหน่วงของเครือข่าย ใช้งานได้อย่างราบรื่นมากกว่าที่เคย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความพร้อมของผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ด้วย
Vivo X50 Pro 5G ใช้ดีไซน์ระดับ X-Class สวยงามโดดเด่น บอดี้สี่เหลี่ยมโค้งมนของตัวเครื่องแบบ 3D สุดบางเบา และหน้าจอที่มีเลนส์กล้องขนาดเล็กพิเศษเพียง 3.96 มม. ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่ทันสมัย มาพร้อมตัวเครื่องสี Alpha Grey (เทา) ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 24,999 บาท
พิเศษ! รับฟรีเครื่องดูดฝุ่น มูลค่า 1,999 บาท Gift Voucher สำหรับหูฟัง TWS Neo และ VIP Card ประกันหน้าจอแตก และขยายประกันเครื่องเพิ่มอีก 1 ปี (ตั้งแต่วันนี้ – 30 ก.ย. 63) โดยสามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา, ช้อปผู้ให้บริการเครือข่าย AIS กับ TrueMove H และร้านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศเลยค่ะ
ข้อมูลสเปก Vivo X50 Pro 5G
Features | Vivo X50 Pro 5G |
วันเปิดตัว : | – กันยายน 2563 |
ราคา : | – 24,999.- (ณ วันที่ 16 ก.ย. 63) |
OS : | – Android 10 ครอบทับ Funtouch OS 10.5 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ AMOLED |
– ขนาด 6.56 นิ้ว | |
– ความละเอียด 2376×1080 พิกเซล (Full HD+) | |
– รองรับ HDR10+ | |
– อัตรา Refresh Rate 90Hz | |
CPU : | – Snapdragon 765G แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.4GHz |
GPU : | – Adreno 620 |
RAM : | – 8GB |
ROM : | – 256GB |
– ไม่รองรับ microSD Card | |
กล้องหลัง : | – 48MP + 13MP + 8MP + 8MP |
– ค่ารูรับแสง f/1.6 + f/2.46 + f/2.2 + f/3.4 | |
– dual tone LED flash | |
– Gimbal | |
– PDAF | |
– กันสั่น OIS | |
– 60x Hyper Zoom | |
– 5x Optical Zoom | |
– HDR | |
– Panorama | |
กล้องหน้า : | – 32MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.45 | |
Video : | – 4K@30fps, 1080p@30fps |
Battery : | – 4315mAh สนับสนุน 33W FlashCharge 2.0 |
ขนาด : | – 158.46×72.80×8.04 มม. |
น้ำหนัก : | – 181.5 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 4G LTE |
– 5G SA/NSA | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4GHz + 5GHz |
– Bluetooth 5.1 | |
– USB Type-C | |
– ชิปเสียง Hi-Fi AK4377A | |
– OTG | |
– NFC | |
GPS : | – GPS |
– A-GPS | |
– BeiDou | |
– Galileo | |
– GLONASS | |
Sensor : | – Fingerprint Under Display |
– Accelerometer | |
– Gyroscope | |
– Proximity | |
– Compass | |
สี : | – Alpha Grey (เทา) |
แกะกล่อง Vivo X50 Pro 5G
อุปกรณ์ต่าง ๆ ประกอบไปด้วย
– Vivo X50 Pro 5G ตัวเครื่องสี Alpha Grey
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่สนับสนุน 33W FlashCharge 2.0
– สายชาร์จ USB Type-C
– หูฟังขนาด 3.5 มม.
– ตัวแปลงพอร์ตจาก 3.5 มม. เป็น Type-C
– เคสซิลิโคนกันรอยแบบใส
– ฟิล์มกันรอย (ติดมาแล้วกับตัวเครื่อง)
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น + ใบรับประกัน
เคสกันรอยที่แถมมาให้ภายในกล่อง เป็นเคสซิลิโคนแบบใส โชว์ดีไซน์ฝาหลังสวยงามกันแบบชัด ๆ
Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ที่แถมมาให้ภายในกล่องรองรับเทคโนโลยี FlashCharge 2.0 กำลังไฟ 33W ชาร์จแบตเตอรี่เต็มไวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง
ทำความรู้จัก Vivo X50 Pro 5G
ด้านหน้า มาพร้อมหน้าจอ Ultra O Screen โดยใช้จอ AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2376×1080 พิกเซล) รองรับ HDR10+ และมีอัตรา Refresh Rate สูง 90Hz และอัตราการตอบสนองสูงถึง 180Hz ตอบสนองเร็วขึ้น 2 เท่า และรีเฟรชได้เร็วขึ้น ทำให้ใช้งานได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมฝังสแกนลายนิ้วมือไว้บนจอแสดงผล AMOLED การสแกนทำได้รวดเร็วมาก
จอโค้งแบบ 3D สุดบางเบา พื้นที่บนจอแสดงผลกว้างมากขึ้น เนื่องจากไม่มีรอยบาก หรือรอยหยดน้ำมาบังรายละเอียดบนหน้าจอเลย รวมถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานผ่านเทคโนโลยี VEG ทำให้เหมาะสมกับการเล่นเกมเพื่อช่วยลดความร้อนภายในเครื่องอีกด้วย
ด้านหน้าส่วนบน มุมซ้ายบนของหน้าจอมีเลนส์กล้องขนาดเล็กพิเศษเพียง 3.96 มิลลิเมตร ทำให้สะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่ทันสมัย ไร้รอยบาก หรือรอยหยดน้ำใด ๆ
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen เริ่มจากทางฝั่งซ้าย คือ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
ด้านหลัง ใช้ดีไซน์ระดับ X-Class สวยงามโดดเด่น ตัวเครื่องสี่เหลี่ยมโค้งมนของตัวเครื่องแบบ 3D ขนาดบางเบา โดยตัวเครื่องมีความบางเพียง 8.04 มม. และน้ำหนักเบากำลังดีพกพาสะดวก 181.5 กรัม มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูด กรอบตัวเครื่องใช้วัสดุแบบโลหะ มาพร้อมกับสี Alpha Grey ที่กล่าวว่าเป็นสีเวทย์มนต์แห่งความฝัน มีการผสมผสานอันยอดเยี่ยมของเทคโนโลยี และศิลปะที่ทันสมัย
ฝาหลังผิวด้านสุดงาม จับแล้วเรียบเนียน ใช้ดีไซน์สุดล้ำแบบ Dual Tone เปลี่ยนสีตามแสงที่ตกกระทบ พื้นผิวตัวเครื่องเปลี่ยนสีสันได้อย่างนุ่มนวลเสมือนชั้นของเมฆ ผสานกับกล้อง Gimbal อย่างลงตัว ดูพรีเมียมมากเลยค่ะ
ด้านหลังส่วนบน ติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว จัดวางเรียงกันในโมดูลสี่เหลี่ยมแนวตั้งกรอบสีเงินมุมมีความโค้งมน พร้อมไฟแฟลชแบบ dual tone LED flash
ซึ่งตัวแรกเป็นเลนส์ Gimbal เซ็นเซอร์หลักใช้ของ Sony IMX598 คมชัดสูง 48MP โดยกล้อง Gimbal มีขนาดใหญ่กว่าเลนส์อื่น ๆ ตามมาด้วยเลนส์ Portrait ความละเอียด 13MP กับเลนส์ Super Wide-Angle ถ่ายภาพมุมกว้าง 120 องศา พร้อมรองรับถ่ายภาพ Macro โฟกัสใกล้สุด 2.5 ซม. และสุดท้ายล่างสุดเลนส์ Periscope ซูมได้ไกล 60 เท่า
ด้านหลังส่วนล่าง มีเพียงโลโก้ Vivo สีเงินสกรีนไว้
ด้านบนตัวเครื่อง พบแค่เพียงรูไมโครโฟน และข้อความสกรีนไว้โดยระบุว่า “5G Professional Photography”
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องถาดใส่ซิมการ์ด, รูไมโครโฟน, ช่องเสียบพอร์ต USB Type-C และลำโพงชิปเสียง AK4377A คุณภาพระดับ Hi-Fi
โดย Vivo X50 Pro 5G รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แต่ไม่รองรับ microSD Card มีถาดใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง สำหรับ SIM 1 + SIM 2 ค่ะ
ด้านซ้ายตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มการใช้งานใด ๆ
ด้านขวาตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์
Performance
เมื่อนำ Vivo X50 Pro 5G ที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 765G แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.4GHz ที่มีประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยม ลดลงการใช้พลังงาน ใช้งานแอปพลิเคชันหลายตัวได้อย่างราบรื่น และเล่นเกมได้อย่างไม่มีสะดุด ผสานหน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 620 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 10.5 บนพื้นฐาน Android 10 เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานบางส่วนผ่านแอปพลิเคชัน Geekbench 5 และ CPU-Z พบว่าสามารถทำคะแนนด้าน Single-Core อยู่ที่ 635 คะแนน และด้าน Multi-Core อยู่ที่ 1956 คะแนน
ส่วนข้อมูลตามแอปฯ CPU-Z ระบุว่าหน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมดเหลือ 3521MB และความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมดเหลือ 223.91GB ใช้ชิปแบบ 8 คอร์ จีพียู Adreno 620 หน้าจอระดับ Full HD+ และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 10 เป็นต้น
สำหรับประสิทธิภาพการเล่นเกม ทางเราได้ลองดาวน์โหลดเกมยอดนิยมอย่าง Legacy of Discord และ PUBG MOBILE มาทดสอบความลื่นไหลกันดูค่ะ
เริ่มกันที่ Legacy of Discord เกมต่อสู้แบบเรียลไทม์บนโลกแฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่ ภาพกราฟิก 3D สวยงาม มีสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่สมจริง ภาพคมชัด ตัวเกมมีความลื่นไหลดี การต่อสู้ระหว่างกิลด์คือเดือดมาก ระบบภาพและเสียงทำให้เพลิดเพลินไปกับการเล่นมากยิ่งขึ้น
ถัดมาเป็น PUBG MOBILE เกมแนว Survival สุดฮิต เล่นได้แบบลื่น ๆ ภาพกราฟิกสวยสมจริง ระบบทัชสกรีนคือดีมาก ไม่หน่วง ไม่สะดุดเลยค่ะ
Interface
เริ่มกันที่หน้าจอ Lock Screen สามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้ด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน (หากไม่ได้ลงทะเบียนลายนิ้วมือ, สแกนใบหน้า หรือรหัสผ่าน) หรือหากใครที่ลงทะเบียนสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้าแล้ว บนหน้าจอจะแสดงไอคอนขึ้นมา 2 แบบ สามารถสแกนลายนิ้วมือลงบนหน้าจอตรงไอคอนได้เลย หรือหากจะสแกนใบหน้าก็ปลุกหน้าจอขึ้นมาก่อนแล้วปัดขึ้นค่ะ พร้อมเข้าถึงเมนูโทรศัพท์ที่มุมล่างซ้าย (โทรได้เฉพาะฉุกเฉิน) หรือกล้องถ่ายภาพที่มุมขวาล่าง
หลังจากปลดล็อกหน้าจอมาแล้วจะพาเข้าสู่หน้า Home Screen ที่มีมาให้ 3 หน้า สามารถเพิ่มหน้าได้เองในภายหลัง แอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องจัดวางเป็นระเบียบไม่รกตา และหากปัดหน้าจอขึ้นจะพาเข้าสู่หน้ารวมแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในเครื่อง
เมื่อกดค้างไปบนหน้า Home Screen จะมีให้เลือกเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, ตกแต่งวิดเจ็ตภายในเครื่อง, เปลี่ยนเอฟเฟ็กต์การเลื่อน และตั้งค่าหน้าจอในส่วนต่าง ๆ
สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ที่ต้องการเพิ่มเติมได้ที่ Play Store, V-Appstore หรือ Game Center
รองรับแอปฯ ต่าง ๆ จาก Google ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Google Chrome, Gmail, GPS, YouTube หรือ Play Movies เป็นต้น พร้อมมี Hot Apps และ Hot Games แนะนำเกมหรือแอปฯ ยอดนิยมให้อีกด้วย
รองรับ iManager ผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับผู้ใช้งาน Vivo ที่จะช่วยตั้งค่าดูแลระบบต่าง ๆ เช่น ทำความสะอาดไฟล์ขยะบนสมาร์ตโฟน หรือสแกนหาปัญหาในเวลากลางคืน ทำให้สมาร์ตโฟนดูเหมือนเครื่องใหม่อยู่ตลอดเวลา
รองรับ Google Assistant สามารถสั่งการค้นหาหรืออื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายด้วยเสียง
หน้าเมนูการโทรศัพท์, การรับส่งข้อความ และหากเลื่อนหน้าจอลงจะพาเข้าสู่หน้าแจ้งเตือน พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ อาทิ การเปิด Wi-Fi, Internet 4G, ไฟฉาย, โหมดเครื่องบิน, โหมดประหยัดพลังงาน, โหมดถนอมสายตา, Dark Mode, การบันทึกภาพหน้าจอพิเศษ เป็นต้น
รองรับปฏิทิน, นาฬิกาปลุก และแอปฯ วัดสภาพอากาศ
สมุดโน๊ต, แอปฯ Vivo.com และ Vivo Cloud
รองรับ EasyShare สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างง่ายดาย และมีประสิทธิภาพ
มีโหมดสำหรับเด็ก สามารถจำกัดแอปฯ ที่ใช้งานได้ รวมถึงจำกัดเวลาในการใช้งานด้วย
เมนูการตั้งค่าต่าง ๆ ภายในเครื่อง
รองรับการปรับตั้งค่าความสว่างแบบอัตโนมัติ, มีโหมดถนอมสายตากรองแสงสีฟ้า ช่วยถนอมสายตาระหว่างใช้งานยามค่ำคืน โดยหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล พร้อมปรับความเข้มของโทนสีเหลืองนี้ได้เอง และรองรับ Dark Mode เปลี่ยนภาพพื้นหลังเป็นโทนสีมืด ช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ในเครื่อง และใช้งานได้สบายตามากกว่าเดิม
สามารถปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอง่าย ๆ เลือกใช้งานอัตราการรีเฟรชของหน้าจอ และขนาดตัวอักษรได้เอง
รองรับการตั้งค่าเอฟเฟ็กต์แสงเมื่อมีสายเรียกเข้าได้ โดยจะเป็นแสงขึ้นที่ขอบจอทั้ง 2 ด้านเลย รวมไปถึงการตั้งค่ารูปแบบภาพเคลื่อนไหวของไอคอนต่าง ๆ ด้วย
มี Jovi Vision ตัวจดจำรูปภาพ พร้อมสถานการณ์อัจฉริยะ เช่น การแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ หรือช่วยวางแผนการออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน เป็นต้น โดยระบบจะแนะนำให้ตามข้อมูลอายุ, ส่วนสูง และน้ำหนักของผู้ใช้งาน
ในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล และมีสแกนใบหน้า ซึ่งก่อนใช้งานจะต้องกำหนดรหัสผ่านหรือรูปแบบก่อนค่ะ
รองรับ Ultra Game Mode 8.0 เล่นเกม E-Sport ระดับมืออาชีพ พร้อมด้วย 4D Game Vibration 2.0 พาผู้ใช้งานเข้าสู่สนามรบที่สมจริง มีโหมดห้ามรบกวน, ปัดการแจ้งเตือน, สายเรียกเข้า และการรบกวนอื่น ๆ เล่นเกมได้เพลินขึ้น รองรับการบันทึกหน้าจอ สามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการทัชเพียง 1 ครั้ง บนแถบเลื่อนด้านข้าง และรองรับ Game Countdown โหมดนับเวลาถอยหลังของเกม จะอัปเดตโซเชียลก่อนเข้าเกมก็ทำได้แบบสบาย ๆ สามารถสลับกลับไปที่เกมได้เพียงคลิกเดียวอีกด้วย
การแคปภาพหน้าจอ สามารถทำได้ 2 วิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ 3 นิ้ว รูดไปบนหน้าจอ หรือแม้แต่การกดปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่อง
รองรับการเปิดใช้งาน 2 หน้าจอ ฟังก์ชันนี้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แอปฯ ได้หลายแอพฯ เช่น Facebook, LINE, YouTube ได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว (แต่ใช้ได้แค่ 2 แอปฯ พร้อมกันเท่านั้นนะ) เพียงใช้ 3 นิ้ว ลากลงมาที่หน้าจอ ก็สามารถแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ส่วนได้แล้ว
รองรับ Easy Touch , รองรับการโทรวิดีโอแบบใบหน้าสวยผ่านแอปฯ ต่าง ๆ อาทิ Messenger Facebook หรือ LINE เป็นต้น และสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนด้วยแสงแฟลชได้
รองรับ Easy Share ส่งไฟล์ภาพหรือวิดีโอได้ง่าย ๆ รองรับทั้งสมาร์ตโฟน Android และ iPhone เลยค่ะ
ไลฟ์สไตล์การใช้งานสื่อดิจิทัล ที่จะแสดงรายละเอียดในการใช้สื่อของผู้ใช้งานทั้งหมดในแต่ละวัน และการควบคุมโดยผู้ปกครองในกรณีที่ให้บุตรหลานใช้งาน แต่ทางผู้ปกครองต้องการจะปิดกั้นไม่ให้เด็ก ๆ เข้าถึงสื่อใดสื่อหนึ่งที่ไม่เหมาะสม
ในส่วนนี้เป็นหน้าแสดงข้อมูลของมือถือและความจุหน่วยความจำ พร้อมรองรับ Multi-Turbo 3.0 กับ Center Turbo ช่วยให้การเรียกใช้งานแอปฯ ได้ไวยิ่งขึ้น และ AI Turbo ที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาด วิเคราะห์ปัญหาของระบบที่เกิดจากแอปฯ มอบประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีขึ้น ช่วยระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ไปจนถึงฟังก์ชัน AI ที่ช่วยให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นกว่าเดิม
มี AI จัดการพลังงานแบตเตอรี่ สามารถเปิดใช้งานโหมดสิ้นเปลืองพลังงานเพื่อช่วยเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่เหลือน้อยได้ และโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงที่เปิดใช้งานเฉพาะรายชื่อ โทรศัพท์ ข้อความ และนาฬิกาปลุกเท่านั้น
หากกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะขึ้นหน้าแอปฯ ที่ใช้งานไปแล้วทั้งหมด สามารถเคลียร์แอปฯ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดไปที่กากบาท หรือปัดขึ้นทีละแอปฯ ก็ได้ โดยจะช่วยเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำ RAM ภายในตัวเครื่องได้ นอกจากนี้ยังสามารถล็อกแอปฯ ที่ใช้งานบ่อย ๆ ได้ด้วยการกดไปที่มุมขวาบน แล้วเลือกปิดล็อก หรือจะใช้งาน 2 หน้าจอก็ให้กดไปที่ไอคอนแยกหน้าจอ
สามารถถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลและรูปภาพลงคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วด้วยการเสียบสายชาร์จ USB Type-C แล้วต่อเข้าเครื่อง PC, ภาพถัดมาเป็นมุมมองขณะชาร์จแบตเตอรี่ จะแสดงไอคอนการชาร์จเร็วขึ้นมา นอกจากนี้ยังสามารถเปิด-ปิด หรือรีสตาร์ทตัวเครื่องได้ด้วยการกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องค่ะ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
เริ่มกันที่โหมดถ่ายภาพของกล้องหลังก่อนเลยค่ะ โดย Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก Gimbal คมชัด 48MP (Sony IMX598) + 13MP (Portrait) + 8MP (Super Wide-Angle) + 8MP (Periscope) ค่ารูรับแสง f/1.6 + f/2.46 + f/2.2 + f/3.4 พร้อม dual tone LED flash
โดย Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลัก Gimbal มีระบบกันสั่นแบบ Double-ball ที่ออกแบบมาได้อย่างชาญฉลาด สามารถหมุนตามวัตถุที่เคลื่อนไหว พร้อมติดตามภาพเคลื่อนไหวได้ ใช้หลักชดเชยการสั่นไหวจากการใช้งาน
สร้างภาพถ่าย 3 มิติแบบยืดหยุ่น กันสั่นได้มากกว่า OIS ถึง 300% ทำให้ภาพถ่ายและวิดีโอนิ่ง มีความเสถียร ชัดเจน ไม่สั่นเบลอ โดยกล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX598 ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ มีตัวกรองสีที่ปรับให้เหมาะสม ค่ารูรับแสงใหญ่ f/1.6 ช่วยเพิ่มระดับแสงให้สว่างมากยิ่งขึ้น
มีเลนส์ Portrait ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอทั้งกลางวันและกลางคืนได้อย่างมืออาชีพ มีการแยกภาพบุคคลและภาพพื้นหลังแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ภาพทั้งคู่สวยงามมากขึ้น โดยทาง Vivo ได้ออกแบบเลนส์ถ่ายภาพบุคคลมาตรฐาน DSLR ขนาด 50 มม. ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 ซึ่งมีมุมมองใกล้เคียงกับดวงตาของมนุษย์มากที่สุด ทำให้ได้ภาพถ่ายสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติเสมือนมองด้วยตาเปล่าเลยค่ะ
ถัดมาเป็นเลนส์ Super Wide-Angle มุมมองภาพกว้างถึง 120 องศา เก็บภาพได้กว้างเต็มตา และสามารถถ่ายภาพ Macro ได้ในระยะใกล้ 2.5 ซม. ถ่ายใกล้แค่ไหนก็คมชัด สุดท้ายเป็นเลนส์ Periscope รองรับการซูมแบบ Optical Zoom สูง 5x และ Hyper Zoom ซูมไกลสุดสายตาถึง 60x กันเลยทีเดียว เห็นสิ่งที่อยู่ไกลตาได้ใกล้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังมาพร้อมโหมดถ่ายภาพมากมายถูกใจคนที่รักในการถ่ายภาพแน่นอน เดี๋ยวเราไปชมโหมดการใช้งานทั้งหมดกันเลยค่ะ
เริ่มกันที่ Super Night Mode เวอร์ชันล่าสุด ช่วยถ่ายภาพในช่วงเวลากลางคืนให้มีความสว่างมากยิ่งขึ้น และเหมือนจริงด้วยเซ็นเซอร์ Sony IMX598 พร้อมความไวแสงเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งหากถ่ายภาพในสถานการณ์ที่มืดมาก ๆ Vivo X50 Pro 5G จะปรับค่าความสว่าง 0 Lux ด้วยระบบกล้อง Gimbal มองเห็นภาพในช่วงเวลากลางคืนที่เหนือกว่าสายตามนุษย์
โดยโหมดถ่ายภาพกลางคืนรองรับ Tripod Mode หรือโหมดขาตั้ง ช่วยให้ถ่ายภาพได้นิ่งขึ้น ซึ่งการถ่ายภาพในโหมดนี้อาจต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการถือกล้องเพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่คมชัด พร้อมรองรับการถ่ายภาพกลางคืนแบบ Super Wide-Angle พร้อมมีฟิลเตอร์ Style โทนสีสวย ๆ ให้เลือกใช้งาน 4 แบบ ได้แก่ โทนดำ-ทอง, บลูไอซ์, ส้มเขียว และไซเบอร์พังก์
ตัวอย่างภาพถ่าย Super Night Mode
ถัดมาเป็น Portrait Mode ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอทั้งกลางวันและกลางคืนได้อย่างสวยงามเป็นมืออาชีพ โดยโหมดนี้มีการแยกภาพบุคคลและภาพพื้นหลังแบบอัตโนมัติ มาตรฐานระดับกล้อง DSLR ขนาด 50 มม. พร้อมค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 มุมมองใกล้เคียงกับดวงตาของมนุษย์มากที่สุด ทำให้ได้ภาพถ่ายสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
โหมดนี้รองรับการซูมแบบ Optical Zoom 5x สามารถปรับค่า Bokeh หน้าชัดหลังเบลอได้เอง เริ่มตั้งแต่ f/0.95 – f/16 เลยค่ะ ซึ่งค่ายิ่งน้อยฉากหลังจะยิ่งเบลอ และหากถ่ายภาพ Night Portrait จะมีเอฟเฟกต์ Bokeh เพิ่มลูกเล่นเก๋ ๆ ให้กับภาพถ่ายได้ โดยสามารถเพิ่มลูกเล่นเปลี่ยนดวงไฟให้เป็นดีไซน์อื่น ๆ ได้ด้วยนะ อาทิ รูปหัวใจ, สามเหลี่ยม, ดวงดาว หรือแบบห้าเหลี่ยม เป็นต้น
ตัวอย่างภาพถ่าย Night Portrait Mode
รองรับ AI Beauty ปรับค่าผิวเนียน, โทนสีผิว, ปรับผิวขาว, ใบหน้าเรียว, ปรับรูปหน้า, แก้มเรียว, กราม, ดวงตากลมโต, ปรับรูปจมูก, ความเรียวของจมูก, รูปปาก, ช่วงตา และหน้าผาก สามารถปรับได้เองตามใจชอบ มี Pose Master ช่วยคิดท่าทางในการถ่ายภาพเซลฟี่แบบชิค ๆ มาให้ ไม่ว่าจะเซลฟี่เดี่ยว เซลฟี่คู่ หรือเซลฟี่กลุ่มก็มีให้เลือกใช้งาน
ทั้งยังมีฟิลเตอร์ Style โทนสีสวย ๆ ให้เลือกใช้งานถึง 9 แบบ อาทิ โทนธรรมชาติ, วินเทจ, แฟชั่น, ขาวดำ หรือโทนสดใสฤดูร้อน เป็นต้น เปลี่ยนภาพถ่ายแบบเดิม ๆ ให้ดู Art มากยิ่งขึ้น พร้อมรองรับฟิลเตอร์สีหลากหลาย และเอฟเฟกต์แสงสำหรับถ่ายภาพบุคคล ที่ทำให้ตัวคนนั้นดูโดดเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait Mode
ตัวอย่างภาพถ่ายสไตล์สี
ตัวอย่างภาพถ่ายเอฟเฟกต์แสง
โหมดถ่ายภาพปกติ รองรับ Hyper Zoom สูงสุดถึง 60 เท่า มีโหมดถ่ายภาพ Super Wide-Angle ถ่ายภาพมุมกว้าง 120 องศา (เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์จะเก็บภาพที่มุมมอง 108 องศา), โหมด Bokeh ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอสวยงามเป็นธรรมชาติ และโหมด Super Macro ถ่ายภาพระยะใกล้สุดเพียง 2.5 ซม. ได้ภาพถ่ายในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
พร้อมรองรับฟิลเตอร์สีสวย ๆ กับเอฟเฟกต์แสงสำหรับถ่ายภาพบุคคล และสามารถเปิดไฟแฟลชเพิ่มความสว่างให้แก่ภาพถ่ายได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย Hyper Zoom
ตัวอย่างภาพถ่าย Super Wide-Angle
ตัวอย่างภาพถ่าย Super Macro
ต่อกันที่โหมดบันทึกวิดีโอ บันทึกที่ความละเอียด HD 720p, Full HD 1080p และ 4K อัตราเฟรม 30fps และ 60 fps ซูมได้ 15 เท่า พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Super Wide-Angle
รองรับฟีเจอร์ AI Face Beauty สามารถปรับรายละเอียดโทนสีผิวได้หลากหลาย อาทิ ผิวนวล, โทนสีผิว, หน้าบางเรียว, กระชับผิว และรองรับการปรับรูปร่าง ที่มีให้เลือกปรับแบบทั้งตัว, ศรีษะ, ไหล่, เอว และต้นขา เป็นต้น พร้อมรองรับฟิลเตอร์สีสวย ๆ ที่มีให้เลือกใช้งานมากมาย
มีฟิลเตอร์สีสำหรับถ่ายภาพยนตร์ นอกจากนี้ระหว่างถ่ายวิดีโอยังสามารถเปิดกันสั่นพิเศษ ถ่ายวิดีโอได้นิ่งมาก และใช้กล้องบันทึกวิดีโอแนวถ่ายหนังได้อีกด้วย ทำให้สามารถถ่าย Vlogs ทั้งภาพ ทั้งเสียง ได้อย่างมืออาชีพ เพียงแค่แตะโฟกัสที่ดวงตา ใบหน้า หรือร่างกายของบุคคล ก็สามารถโฟกัสภาพได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยประสิทธิภาพด้าน AF ชั้นนำของอุตสาหกรรมที่ให้การโฟกัสที่แม่นยำ
ตัวอย่างวิดีโอกล้อง Gimbal
ตัวอย่างวิดีโอ Movie
ต่อมาเป็นโหมดถ่ายภาพพิเศษ กล้องหลังรองรับทุกฟังก์ชันเลยค่ะ เริ่มที่ 48MP Mode ถ่ายภาพด้วยความคมชัดสูงสุด เก็บรายละเอียดได้อย่างชัดเจน, Panorama Mode เก็บภาพในแนวกว้างเต็มสายตา
ตัวอย่างภาพถ่าย 48MP Mode
Live Photo Mode สร้างภาพถ่ายที่เคลื่อนไหวได้ในจังหวะสั้น ๆ, Slo-Mo Mode บันทึกวิดีโอสโลวโมชั่น เก็บภาพวิดีโอได้อย่างช้า ๆ และชัดเจน, Time-Lapse Mode ถ่ายวิดีโอแบบเร่งความเร็ว ที่สามารถปรับค่าความเร็วได้เองอีกด้วย
ตัวอย่างวิดีโอ Slo-Mo
Mode Pro สามารถปรับตั้งค่า White Balance, ควบคุมค่าแสง, ตั้งค่าขนาดรูรับแสง, ความไวชัตเตอร์ หรือ Auto Focus ได้เอง, AR Stickers Mode มีสติ๊กเกอร์สวย ๆ ให้ดาวน์โหลดใช้งานมากมาย เพิ่มความน่ารักให้กับภาพถ่ายได้ดีทีเดียว
ตัวอย่างภาพ AR Stickers
Jovi Vision Mode ด้วยความชาญฉลาดทำให้ผู้ใช้งานสามารถสแกนเพื่อวิเคราะห์หาสินค้าที่ต้องการจากฐานข้อมูลสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยระบบจะแสดงข้อมูลสินค้า ราคา ข้อมูลที่น่าสนใจต่าง ๆ ให้ผู้ใช้ได้สนุกไปกับยุคของการช้อปปิ้งออนไลน์แบบเต็มประสิทธิภาพ มีความแม่นยำพอสมควรเลย
Mode Supermoon เป็นโหมดถ่ายภาพใหม่ของ Vivo โหมดนี้ใช้ถ่ายภาพดวงจันทร์ยามค่ำคืนให้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ สามารถจับภาพดวงจันทร์โดยซูมได้ไกลสูงสุดถึง 60x ระบบ AI จะประมวลผลพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพอย่างดีเยี่ยมเพื่อเก็บภาพดวงจันทร์ที่สวยที่สุดในคืนนั้น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่าย Mode Supermoon
ถัดมาเป็น Pro Sport Mode จับทุกการเคลื่อนไหวของภาพด้วยกล้อง Gimbal พร้อมปรับแต่งเซ็นเซอร์เอง ช่วยลดระยะเวลาในการเปิดรับแสง เพื่อจับภาพเคลื่อนไหวให้ดีเลย์ใกล้เคียงกับ 0 ทำให้สามารถถ่ายภาพการเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายเป็น Astro Mode ใช้เก็บภาพดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างชัดเจนและสวยงาม
ตัวอย่างภาพถ่าย Astro Mode
ตัวอย่างภาพถ่าย Pro Sports Mode
ลำดับถัดไปเดี๋ยวมาชมภาพถ่ายปกติแบบไม่ปรับแต่งกันต่อเลยนะคะ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก Vivo X50 Pro 5G
ลำดับถัดไปเดี๋ยวเราไปดูโหมดการใช้งานกล้องหน้ากันต่อเลย
มาต่อกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้าเลย โดย Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูง 32MP ค่ารูรับแสง f/2.45 และมีโหมดการใช้งานมากมาย
เริ่มที่ Selfie Night Mode ระบบ AI จะสร้างภาพถ่ายที่สวยงามแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยหรือในที่มืด โดยสามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ได้ภาพถ่ายเซลฟี่สุดคมชัด พร้อมรองรับ AI Face Beauty ปรับค่าความงามได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ค่าผิวนวล, โทนสีผิว, ปรับความขาว, หน้าเรียว, ปรับรูปหน้า, กราม, ดวงตากลมโต, ช่วงตา, หน้าผาก, ปรับรูปจมูก, ความเรียวของจมูก, รูปปาก รวมถึงรองรับการเปิดไฟแฟลชเพิ่มความสว่างให้ภาพถ่าย และปรับอัตราส่วนของภาพถ่ายได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย Selfie Night Mode
ถัดมาเป็น Portrait Mode รองรับ Selfie Softlight Flash, HDR, ปรับอัตราส่วนของภาพถ่าย, ซูมได้ 2x และสามารถปรับค่า Bokeh ความเบลอของฉากหลังได้เอง เริ่มตั้งแต่ f/1.0 – f/16 ซึ่งหากค่ายิ่งน้อยฉากหลังจะยิ่งเบลอ
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait Mode
พร้อมรองรับฟีเจอร์ AI Face Beauty ปรับค่าใบหน้าสวยได้หลากหลาย จากนั้นเป็นโหมด Make Up มีให้เลือกหลายโทนเลยค่ะ ทั้งส้ม, แดง หรือชมพู บอกเลยงานนี้หน้าสดก็รอด เอาใจสาว ๆ ที่ชอบเซลฟี่ขนานแท้ ถัดมาเป็น Pose Master ที่ช่วยคิดท่าทางในการถ่ายภาพเซลฟี่แบบชิค ๆ มาให้เรียบร้อย ใครที่ชอบถ่ายเซลฟี่ แต่คิดท่าโพสต์ไม่ออก ให้เลือกฟังก์ชันท่าทางแล้วกดชัตเตอร์ก็จะได้ภาพถ่ายที่สวยงามแล้วค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่าย Make Up
ตัวอย่างภาพถ่าย Pose Master
นอกจากนี้ยังรองรับฟิลเตอร์สีสวย ๆ พร้อมเอฟเฟ็กต์แสงหลายโทน และสไตล์สี ให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลายอีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายฟิลเตอร์
ตัวอย่างภาพถ่ายเอฟเฟ็กต์แสง
ตัวอย่างภาพถ่ายสไตล์สี
โหมดถ่ายภาพปกติ รองรับฟิลเตอร์สี และเอฟเฟ็กต์แสงให้เลือกใช้งานหลายโทน แต่โหมดนี้จะไม่มี AI Face Beauty นะคะ
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ปกติ
ถัดมาเป็นโหมดบันทึกวิดีโอ บันทึกที่ความละเอียด HD 720p และ Full HD 1080p รองรับฟีเจอร์ AI Face Beauty ปรับค่าสวยงามของผิว
รองรับการปรับรูปร่าง สามารถเลือกปรับได้แบบทั้งตัว, ศรีษะ, ไหล่ หรือเอว เป็นต้น มีฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้งาน และรองรับฟิลเตอร์สีภาพยนตร์แบบเก๋ ๆ
ต่อมาเป็นโหมดถ่ายภาพพิเศษ โดยกล้องหน้ารองรับ Panorama Selfie และ Live Photo สร้างภาพถ่ายที่เคลื่อนไหวได้ในจังหวะสั้น ๆ
สุดท้ายเป็น AR Stickers Mode มีสติ๊กเกอร์น่ารัก ๆ ไว้ให้ใช้งานมากมาย และหากต้องการบันทึกเป็นวิดีโอก็ให้กดค้างไปที่ปุ่มชัตเตอร์ค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่าย AR Stickers
สรุป
- จอใหญ่เต็มตา ใช้จอคมชัด AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ พร้อมอัตรา Refresh Rate สูง 90Hz จะดูหนัง เล่นเกม หรือรับชมความบันเทิงต่าง ๆ ก็เต็มอรรถรส สีสันคมชัด ภาพสวยงาม มีการตอบสนองในการสัมผัสมากถึง 180Hz พร้อมฝังสแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผลอันฉับไวอีกด้วย
- ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 765G ผสานชิปกราฟิก Adreno 620 เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความลื่นไหลดี เล่นเกมสามารถปรับค่ากราฟิกและเฟรมเรทได้ในระดับสูง พร้อมหน่วยความจำ RAM 8GB + ROM 256GB
- รันระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 10.5 บนพื้นฐาน Android 10 มีลูกเล่นใหม่ ๆ สามารถปรับแต่งหลากหลายมากขึ้น UI มีความเรียบง่ายสวยงาม
- กล้องหลังคือแจ่มมาก เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX598 คมชัด 48MP + เลนส์ Portrait คมชัด 13MP + เลนส์ Super Wide-Angle คมชัด 8MP + เลนส์ Periscope คมชัด 8MP กล้องหลัก Gimbal มีระบบกันสั่นแบบ Double-ball ช่วยถ่ายภาพและวิดีโอนิ่งสุด ๆ ซูมได้ไกลสุดตา 60x
- มาพร้อมโหมดถ่ายภาพมากมาย อาทิ Super Night Mode ถ่ายภาพช่วงกลางคืนหรือแสงน้อยออกมาได้สวยคมชัด, Astro Mode ถ่ายภาพดวงดาวในค่ำคืนสุดพิเศษ, Pro Sport Mode จับภาพเคลื่อนไหวด้วยกล้อง Gimbal, Portrait Mode ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอทั้งกลางวันและกลางคืนได้อย่างมืออาชีพ เป็นต้น
- กล้องหน้าเซลฟี่สวยคมชัด 32MP พร้อม AI Beauty และมีโหมดการใช้งานเด่น ๆ เพียบ
- รองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่อง มอบความเร็วในการสื่อสารที่เร็วขึ้น ลดความหน่วงของเครือข่าย ใช้งานได้อย่างราบรื่นมากกว่าที่เคย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความพร้อมของผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ด้วย
- ดีไซน์ระดับ X-Class สวยงามโดดเด่น ตัวเครื่องสี่เหลี่ยมโค้งมนของตัวเครื่องแบบ 3D ขนาดบางเบา รูปลักษณ์น่าดึงดูด กรอบตัวเครื่องใช้วัสดุแบบโลหะ ฝาหลังผิวด้านสุดงาม จับแล้วเรียบเนียน ใช้ดีไซน์สุดล้ำแบบ Dual Tone เปลี่ยนสีตามแสงที่ตกกระทบ
- มาพร้อม Ultra Game Mode เอาใจคอเกม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น สามารถปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้
- แบตเตอรี่ความจุสูง 4315mAh สนับสนุนชาร์จไว 33W FlashCharge 2.0 ผ่านพอร์ต USB Type-C แม้แบตเตอรี่จะมีความจุสูง แต่ยังคงมีดีไซน์ที่เบาบาง ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่หรือหนาเทอะทะ พร้อมมีเทคโนโลยี VEG แอปพลิเคชันทำงานได้ราบรื่นขึ้น ลดการใช้พลังงาน มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องทั้งหมด
- ถึงแม้ว่าจะมีลำโพงเสียงแค่ตัวเดียว แต่ก็ใช้ชิปเสียง AK4377A ทำให้เพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียง Hi-Fi ที่เหนือระดับ
- ราคาจำหน่ายสมเหตุสมผล ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป อยู่ในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ และความสามารถของกล้อง สมกับสโลแกน Photography Redefined ก็ถือว่าคุ้มค่าดี และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับ microSD Card
- ไม่มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ใช้เป็นพอร์ต USB Type-C แทนค่ะ
- น่าจะใช้ชิปเซ็ตระดับเรือธงไปเลย
- ตัวเครื่องมีให้เลือกเพียง 1 สี คือ Alpha Grey (เทา)
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
ขอขอบคุณ Vivo Service (Thailand) Co.Ltd
Leave a Reply