รีวิว realme X2 Pro พลังเรือธง Snapdragon 855+ ในราคาเข้าถึงได้!! มาพร้อมจอใหญ่ 90Hz แรม 12GB กล้องหลัง 4 ตัว คมชัดสุด 64MP ซูมไฮบริดได้ 20 เท่า แบตอึด 4000 mAh ชาร์จไวเวอร์ 50W

รีวิว realme X2 Pro พลังเรือธง Snapdragon 855+ ในราคาเข้าถึงได้!! มาพร้อมจอใหญ่ 90Hz แรม 12GB กล้องหลัง 4 ตัว คมชัดสุด 64MP ซูมไฮบริดได้ 20 เท่า แบตอึด 4000 mAh ชาร์จไวเวอร์ 50W

สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ 🙂 ก็เปิดตัวออกมาแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ realme X2 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นท็อประดับเรือธงที่มาพร้อมความแรงเต็มพิกัดในราคาจับต้องได้ ชูจุดเด่นสเปคทรงพลังขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 855+ หน่วยความแรม 12GB คู่ความจุ 256GB

นำเทรนด์ด้วยหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว อัตรา refresh rate เร็ว 90Hz พร้อมรองรับ HDR10+ ด้านหลังติดตั้งกล้อง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP สามารถใช้งานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh สนับสนุนชาร์จไว SuperVOOC Flash Charge กำลังไฟ 50W และสเปคอื่นๆ ที่คุ้มค่า

realme X2 Pro ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Lunar White และ Neptune Blue เคาะราคาจำหน่ายอยู่ที่ 19,999 บาท แต่เพื่อนๆ สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 10,999 บาท เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจตามที่กำหนดกับผู้ให้บริการเครือข่าย AIS และ TrueMove H

โดย realme X2 Pro เปิดให้แฟนๆ ได้พรีออเดอร์กันแล้วตั้งแต่วันที่ 22 – 30 พฤศจิกายน 2562 ก่อนที่จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่พรีออเดอร์ รับฟรี realme Buds Wireless และ VIP Card ประกันหน้าจอนาน 1 ปี และประกันตัวเครื่องนานถึง 2 ปี รวมมูลค่ามากกว่า 15,999 บาท

สำหรับวันนี้ทาง ninethaiphone มีรีวิว realme X2 Pro ตัวเครื่องสี Lunar White มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน เป็นสีขาวนวลสวยละมุนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงจันทร์ ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปชมรายละเอียดรีวิวทั้งหมดกันเลยค่ะ

ข้อมูลสเปค realme X2 Pro

Features	realme X2 Pro
วันเปิดตัว :	– พฤศจิกายน 2562
ราคา :	– 19,999.- (ณ วันที่ 22 พ.ย. 62)
OS :	– Android 9.0 (Pie) ครอบทับ ColorOS 6.1
หน้าจอ :	– หน้าจอ Super AMOLED
	– ขนาด 6.5 นิ้ว
	– ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล
	– อัตรา refresh rate เร็ว 90Hz
	– รองรับ HDR10+
	– Corning Gorilla Glass 5
CPU :	– Snapdragon 855+ แบบ Octa Core ความเร็ว 2.96GHz
GPU :	– Adreno 640
RAM :	– 12GB
ROM :	– 256GB
ROM :	– ไม่รองรับ microSD Card
กล้องหลัง :	– 64MP + 13MP + 8MP + 2MP
	– Samsung GW1 + Telephoto + Ultra Wide + Depth Sensor
	– ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.5 + f/2.2 + f/2.4
	– Dual Tone LED flash
	– Hybrid Zoom 20x
	– Hybrid Optical Zoom 5x
	– Auto Focus
	– PDAF
	– Night Scape 2.0
	– Super Macro
	– HDR
	– Panorama
กล้องหน้า :	– 16MP
	– ค่ารูรับแสง f/2.0
	– AI beauty
	– HDR
	– Selfie Nightscape
Video :	– 2160p@30/60fps, 1080p@30/60/120fps, 720p@960fps
Battery :	– 4000 mAh สนับสนุน SuperVOOC Flash Charge 50W
ขนาด :	– 161×75.7×8.7 มม.
น้ำหนัก :	– 199 กรัม
รองรับซิม :	– Dual SIM
ระบบกันน้ำ :	–
ระบบเครือข่าย :	– 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz
	– 3G : HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz
	– 4G LTE
ระบบเชื่อมต่อ :	– Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4G, 5G
	– Bluetooth 5.0
	– USB Type-C
	– NFC
	– HyperBoost 2.0
	– ชิปเสียง Dolby Atmos
GPS :	– GPS
	– A-GPS
	– GLONASS
	– BDS
	– GALILEO
Sensor :	– Fingerprint Under Display
	– Acceleration
	– Gyroscope
	– Proximity
	– Light Sensor
	– Geomagnetic Sensor
	– Distance Sensor
	– Compass
สี :	– Neptune Blue
สี :	– Lunar White

แกะกล่อง realme X2 Pro

realme X2 Pro ถูกบรรจุมาในกล่องสีขาวขนาดกะทัดรัด หน้ากล่องมีตัวเครื่องสี Neptune Blue เผยให้เห็นดีไซน์ครบทุกสัดส่วนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านบนมีโลโก้แบรนด์ realme ชื่อรุ่นสมาร์ทโฟน และระบุฟีเจอร์ที่โดดเด่นเอาไว้ 2 ประการ คือ มาพร้อมขุมพลัง Snapdragon 855+ และมีกล้องหลังแบบ Quad Camera หรือกล้อง 4 ตัว เซ็นเซอร์ความละเอียดสูงสุด 64MP

ด้านหลังกล่องบรรจุมีการระบุเลข IMEI ตัวเครื่อง รุ่นความจุ และสีตัวเครื่อง เป็นต้น

อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย

– ตัวเครื่อง realme X2 Pro สี Lunar White
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ สนับสนุน SuperVOOC Flash Charge กำลังไฟ 50W
– สาย USB Type-C
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด (Ejection Pin)
– เคสกันรอยซิลิโคนแบบใสสีขุ่น

Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ของ realme X2 Pro สนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SuperVOOC Flash Charge กำลังไฟ 50W ผ่านพอร์ต USB Type-C

ส่วนเคสกันรอยที่แถมมาให้ เป็นเคสซิลิโคนแบบใสสีออกขุ่นๆ ค่ะ

ทำความรู้จัก realme X2 Pro

ด้านหน้า realme X2 Pro มาพร้อมจอแสดงผลที่ดีที่สุดคือ หน้าจอ Ultra Smooth Display แบบ Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ หรือ 2400×1080 พิกเซล อัตราส่วนจอ 20:9 สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 91.7% มีอัตราการ refresh rate เร็วสูงสุด 90Hz สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าเดิม แสดงผลได้อย่างรวดเร็ว ลื่นไหล ภาพกราฟฟิกคมชัด มองหน้าจอในที่สว่างจ้าหรือในที่มืดได้อย่างสบายตา แถมยังประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 5% พร้อมป้องกันรอยขีดข่วน และแรงตกกระแทกด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ดีไซน์แบบ 2.5D

นอกจากนี้หน้าจอของ realme X2 Pro ยังรองรับ HDR10+ และ DCI-P3 Color gamuts ซึ่งเป็นมาตรฐานภาพยนตร์ ที่มีการตรวจสอบและรองรับโดย TÜV Rheinland สถาบันรับรองความปลอดภัยในการใช้งานของผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากประเทศเยอรมันอีกด้วย

realme X2 Pro ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล Gen 3.0 ไวต่อการสแกน ที่ทางค่ายเคลมไว้ว่าสามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วเพียง 0.23 วินาที บนหน้าจอจะมีไอคอนสำหรับสแกนลายนิ้วมือปรากฏอยู่ด้วย

ด้านหน้าส่วนบน มีรอยบากทรงหยดน้ำแบบ Super Tiny Dewdrop โดยเป็นจุดติดตั้งของเลนส์กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16MP มาพร้อมโหมดถ่ายภาพ AI Beauty ที่สามารถจดจำได้มากกว่า 296 จุดบนใบหน้า และสามารถปรับแต่งความสวยงามตามเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล และรองรับ Selfie Nightscape ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวเราจะไปทำความรู้จักกันในส่วนของโหมดการใช้งานกล้องถ่ายภาพกันค่ะ

เหนือรอยบากทรงหยดน้ำมีลำโพงเสียงแถบยาวอยู่ด้านบน เป็นขอบลำโพงแบบอลูมิเนียมอัลลอย

ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

เหลือขอบด้านบนและด้านล่างไว้เล็กน้อย

ด้านหลัง realme X2 Pro มาพร้อมดีไซน์แบบกระจก 3D ใช้วัสดุกระจกและโลหะ ดีไซน์สวยทันสมัย ตัวเครื่องมีให้เลือกตามสไตล์ 2 สี ได้แก่ Neptune Blue สีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพื้นผิวน้ำทะเลที่โดนแสงจันทร์กระทบ มีเอกลักษณ์เข้ากันอย่างลงตัว และ Lunar White สีขาวนวลสวยละมุนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงจันทร์ ตัวเครื่องบาง มีน้ำหนักเบา รูปทรงถือจับกระชับมือ ขอบเครื่องอลูมิเนียมแบบ Double Layers ชุบผิวอลูมิเนียม ผิวสัมผัสงดงามเคลือบผิว 7 ชั้น กระจกติดเลนส์กล้อง กล้องใช้ขอบอลูมิเนียมอัลลอย

ด้านหลังส่วนบน ประกอบด้วย เลนส์กล้อง 4 ตัว จัดวางในกรอบสีเงินแนวตั้ง ถัดมาด้านข้างเป็น Dual Tone LED flash และโลโก้แบรนด์

ครั้งนี้ค่อนข้างแปลกตาเป็นพิเศษที่ทาง realme ได้ย้ายโลโก้ขึ้นมาไว้ข้างบน ด้านล่างเลนส์กล้องเยื้องไปทางขวา หรือมองจากหน้าตัวเครื่องโลโก้ถูกย้ายมาไว้ทางซ้ายนั่นเอง โดยทางค่ายได้ให้เหตุผลว่าตำแหน่งนี้สื่อถึงหัวใจของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ค่ะ

ลำดับเลนส์กล้องด้านหลังของ realme X2 Pro เริ่มจากเลนส์บนสุด มีดังนี้ค่ะ

• กล้องตัวที่ 1 : เซ็นเซอร์หลัก Samsung ISOCELL GW1 ความละเอียด 64MP ขนาด 1/1.72 นิ้ว ค่ารูรับแสงขนาด f/1.8 ขนาดพิกเซลใหญ่ถึง 1.6μm

• กล้องตัวที่ 2 : เลนส์ Telephoto ความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสง f/2.5 รองรับ PDAF โฟกัสได้เร็วกว่าเดิม พร้อมรองรับ Hybrid Zoom ได้ 20 เท่า และ Hybrid Optical Zoom ได้ 5 เท่า

• กล้องตัวที่ 3 : เลนส์ Macro / Ultra Wide ความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง f/2.2 รองรับการถ่ายภาพมุมกว้าง 115 องศา รองรับ Auto Focus แบบ PDAF โฟกัสได้ดีและเร็วกว่าเดิม ซึ่งเลนส์นี้รองรับการถ่ายภาพ Macro ในระยะใกล้ 2.5 ซม. อีกด้วย

• กล้องตัวที่ 4 : เลนส์ Depth Sensor หรือเลนส์ Portrait ความละเอียด 2MP ค่ารูรับแสง f/2.4 สำหรับวัดระยะการถ่ายภาพ Portrait

เลนส์กล้องนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อสวมใส่เคสจะพอดีกันเลยค่ะ

ด้านหลังส่วนล่าง ไม่มีฟังก์ชันการใช้งานใดๆ

ด้านบนตัวเครื่อง พบรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, รูไมโครโฟน, ช่องเสียบพอร์ต USB Type-C และลำโพงเสียง

โดย realme X2 Pro รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SuperVOOC Flash Charge กำลังไฟ 50W ผ่านพอร์ต USB Type-C การชาร์เพิ่มขึ้นมาตามวินาทีการชาร์จเลย ใช้เวลาชาร์จเพียงไม่นาน ชาร์จเร็วมากค่ะ

ด้านซ้ายตัวเครื่อง พบแค่เพียงปุ่มปรับระดับเพิ่ม-ลดเสียง

ด้านขวาตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องใส่ซิมการ์ด และปุ่มพาวเวอร์ สำหรับรีสตาร์ท, เปิด-ปิดการใช้งานตัวเครื่อง

โดยช่องใส่ซิมการ์ดจะอยู่เหนือปุ่มปรับระดับเสียงค่ะ

realme X2 Pro รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดค่ะ แต่จะไม่รองรับ microSD Card

การแคปภาพหน้าจอ กดไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ด้านข้างตัวเครื่อง

ทดสอบประสิทธิภาพ

เมื่อนำ realme X2 Pro ที่มาพร้อมขุมพลัง Snapdragon 855+ แบบ Octa Core ความเร็ว 2.96GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 640 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0 เวอร์ชันล่าสุด บนพื้นฐาน Android 9.0 (Pie) เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 476498 คะแนน ซึ่งทำคะแนนได้มากกว่า realme XT ที่มีคะแนน 183315 และเราได้รีวิวให้ชมกันไปแล้วก่อนหน้านี้ (คลิกชมรีวิว) จากข้อมูลการทดสอบ realme X2 Pro ทำคะแนนได้สูงมากที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนของ realme

ด้วยการที่ realme X2 Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 855+ จาก Qualcomm ผสานด้วยหน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 640 หากเปรียบเทียบกับ Snapdragon 855 รุ่นเก่า พบว่ารุ่น Plus รุ่นนี้ไวมากกว่า ประมวลผลเร็วกว่าเดิม 5% และประมวลผลกราฟิกเร็วกว่าเดิม 15% ชิป AI ประมวลผลได้เร็วกว่าเดิม 3 เท่า ทำให้เล่นเกมได้ลื่นไหล และสลับแอปฯ ได้ไวกว่าเดิมค่ะ

สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ realme X2 Pro ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล RMX1931 ภายใต้แบรนด์ realme, รันระบบปฏิบัติการ Android 9.0, ชิปเซ็ต Snapdragon 855+ แบบ 8 แกนสมอง, GPU Adreno 640, หน้าจอ 6.55 นิ้ว ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล, กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP, กล้องหน้า 16MP, แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 6147MB , ความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 220.13GB รองรับ NFC, GPS, Wi-Fi และ Bluetooth เป็นต้น

สำหรับประสิทธิภาพในการเล่นเกม ทางทีมงานได้ดาวน์โหลดเกม PUBG Mobile มาทดลองเล่นดูกันค่ะ

แรกเริ่มเมื่อเข้าสู่เกม PUBG Mobile ค่าเริ่มต้นตามสเปคของอุปกรณ์อยู่ที่ความละเอียดสูงสุดตามสเปคของเครื่อง สามารถเล่นเกมที่มีภาพกราฟิกคมชัดความละเอียดสูงได้แบบสบายๆ

ภาพกราฟิกสามารถปรับอยู่ในระดับ HDR HD และเฟรมเรทสูงสุด ซึ่งอาจทำให้ตัวเครื่องเกิดความร้อน หรือแบตเตอรี่หมดเร็ว แก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการปรับระดับลดลงเพื่อให้เหมาะสมได้ค่ะ

หน้าจอของ realme X2 Pro มีขนาดใหญ่ รับชมภาพได้อย่างเต็มตา ระบบเสียงดังฟังชัดด้วยลำโพงคู่

ระบบทัชสกรีนลื่นไหลดี ภาพสวยสดคมชัด กราฟิกสวยสมจริง

นอกจากนี้ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินไปกับเกมสุดโปรด หากปัดหน้าจอลงมาจะเจอกับแผงของ Game Space อีกด้วย

สำหรับการชมวิดีโอบน YouTube ภาพมาตรฐานบน YouTube ยังดูได้ไม่เต็มจอเหลือขอบดำด้านข้างไว้เล็กน้อย

แต่เราสามารถซูมขยายจนเต็มหน้าจอได้ค่ะ

Interface

หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องได้ด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน และเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนมุมขวาขึ้นค่ะ หรือหากใครที่ลงทะเบียนปลดล็อกด้วยใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแล้ว ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องเพื่อเป็นการปลุกหน้าจอขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ใช้สแกนใบหน้า หรือสแกนลายนิ้วมือบนจอแสดงผลได้เลย

หลังจากที่เราปลดล็อกหน้าจอเรียบร้อยแล้ว จะพาเข้าสู่หน้า Home Screen โดยมีมาให้จำนวน 3 หน้า สามารถเพิ่มหน้าใช้งานได้ภายหลัง สำหรับแอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องถูกจัดวางเป็นระเบียบไม่รก UI แบบใหม่จาก ColorOS 6.0 และหากปัดหน้าจอซ้ายสุดไปทางขวาจะพบกับหน้าผู้ช่วยอัจฉริยะ หรือการเปิดใช้งาน Smart Assistant แบบทันที

หากเลื่อนหน้าจอด้านบนลงจะพาเข้าสู่หน้า Quick Settings มีเมนูแถบแจ้งเตือนสามารถเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และถ้าปัดหน้าจอด้านล่างขึ้นจะเข้าสู่เมนูแอปฯ การใช้งานทั้งหมดภายในเครื่อง

เมื่อกดค้างไปยังบริเวณพื้นที่ว่างบนหน้าจอจะสามารถปรับแต่งวิดเจ็ตได้เอง รวมถึงเปลี่ยนภาพพื้นหลัง และตั้งค่าการใช้งานหน้าจออื่นๆ ได้ หรือหากต้องการลบแอปฯ ก็ให้กดค้างไปที่แอปฯ นั้นๆ แล้วจะปรากฏข้อความให้ลบค่ะ

ศูนย์รวมแอปฯ จาก Google มีให้ใช้งานครบครัน ไม่ว่าจะเป็นแผนที่, Google Chrome, Gmail, Play Music หรือ YouTube เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ที่ต้องการเพิ่มเติมได้จาก Google Play และ App Market

สำหรับ Hot Apps จะเป็นการแนะนำดาวน์โหลดแอปฯ ที่กำลังเป็นที่นิยม นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนธีมสวยๆ ได้ตามต้องการด้วย

รองรับนาฬิกาปลุก, แอปฯ O Roaming และ Game Center

เมนูหน้าโทรศัพท์, การรับส่งข้อความ

เครื่องมือการใช้งานก็มีให้ใช้งานครบเช่นกัน ได้แก่ เครื่องบันทึกเสียง, เข็มทิศ

รองรับการโคลนโทรศัพท์ที่สามารถย้ายข้อมูลทั้งหมดที่มีในเครื่องเก่าไปยังมือถือเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

ปฏิทิน, แอปฯ วัดสภาพอากาศ, เครื่องคิดเลข

Phone Manager หรือตัวจัดการโทรศัพท์ เป็นตัวช่วยจัดการไฟล์ต่างๆ บนสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำรองข้อมูล สแกนไวรัส ทำความสะอาดไฟล์ขยะในเครื่อง และคืนค่าได้อย่างสะดวกสบาย

หน้าแสดงข้อมูลการจัดการไฟล์ทั้งหมดในเครื่อง, หน้าอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่, หน้าแสดงข้อมูลเกี่ยวกับมือถือ

ในส่วนนี้เป็น Game Space ตัวช่วยดีๆ ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินขณะเล่นเกมสุดโปรด โดยสามารถตั้งค่าโหมดประสิทธิภาพแบบต่างๆ ระหว่างที่กำลังเล่นเกมได้

สามารถปิดแจ้งเตือน, กั้นการรบกวนต่างๆ, เร่งความเร็วกราฟิก, ค่าโหมดสมดุล, ใช้พลังงานต่ำ, เพิ่มประสิทธิภาพสูง และปิดการปรับแสงสว่างแบบอัตโนมัติ เป็นต้น

เมนูการตั้งค่าต่างๆ ภายในตัวเครื่อง

หน้าจอสามารถปรับโทนความสว่างและอุณหภูมิของหน้าจอได้เอง รวมถึงรองรับการปรับตั้งค่าตัวกรองแสงสีฟ้าได้ที่โหมดถนอมสายตาตอนกลางคืน เพื่อถนอมสายตาระหว่างใช้งานยามค่ำคืน

โดยหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล และเลือกปรับอุณหภูมิความเข้มของโทนสีเหลืองได้ โดยตั้งเป็นกำหนดเวลา หรือเปิดใช้งานทันที พร้อมปรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอได้สูงสุด 90Hz ส่วนระดับเริ่มต้นอยู่ที่ 60Hz

สามารถปรับโหมดสีของจอภาพได้เอง และมีฟังก์ชันใหม่ลูกเล่นภาพ OSIE ที่เหมือนกับการเพิ่มสีสันให้แก่ภาพถ่ายด้วย

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ realme X2 Pro รองรับทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนจอแสดงผล และระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าเลยค่ะ ลงทะเบียนได้อย่างง่ายๆ ส่วนระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการลงทะเบียนระบบการจดจำด้วยใบหน้า ควรถือเครื่องสมาร์ทโฟนให้ห่างจากใบหน้าราว 20-50 ซม. และควรหลีกเลี่ยงการบันทึกใบหน้าในที่ที่มีแสงสว่างมากเกินไป

รองรับบริการ Smart อย่างตัวช่วยระหว่างขับขี่รถ และมีตัวช่วยด้านความสะดวกสบายแบบชาญฉลาด อาทิ ปุ่มการนำทาง : นำทางด้วยปุ่มเสมือน หรือลากนิ้วขึ้น, ผู้ช่วยขับรถ : การเชื่อมต่อ Bluetooth ในรถแบบอัตโนมัติ, ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ระหว่างขับรถ, ลูกบอลช่วยเหลือ : ลักษณะจะคล้ายกับปุ่ม Assistive Touch ของ iPhone ใช้งานด้วยการแตะ ยกตัวอย่างเช่น แตะ 1 ครั้ง เพื่อย้อนกลับ หรือแตะค้างเพื่อไปยังหน้าจอหลัก, แถบด้านข้างอัจฉริยะ : เพื่อใช้คุณสมบัติอื่นๆ ได้, ท่าทางและการเคลื่อนไหว : การใช้ท่าทางต่างๆ ในการสั่งงาน เป็นต้น

รองรับโหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ โดยระบบจะปิดแอปฯ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อหยุดการทำงานอันเป็นเหตุให้แบตเตอรี่หมดอย่างรวดเร็ว, มีการลดความสว่างของหน้าจอลง, ปิดการสั่นสะเทือนเมื่อแตะไปที่ไอคอนต่างๆ สามารถเลือกการประหยัดพลังงานได้ด้วย

รองรับ Smart Lock ช่วยปลดล็อกเครื่องด้วยการจดจำสัญญาณต่างๆ ไม่ว่าตัวเครื่องจะอยู่กับตัวหรืออยู่ที่อื่น เป็นการตั้งค่าอุปกรณ์ Android ให้ปลดล็อกอัตโนมัติ

ในส่วนนี้เป็นไลฟ์สไตล์การใช้งานสื่อดิจิทัล ที่จะแสดงรายละเอียดในการใช้สื่อของผู้ใช้งานทั้งหมดในแต่ละวัน และการควบคุมโดยผู้ปกครองในกรณีที่ให้บุตรหลานใช้งาน แต่ทางผู้ปกครองต้องการที่จะปิดกันไม่ให้เด็กๆ เข้าถึงสื่อใดสื่อหนึ่ง

รองรับการโคลนแอปฯ ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานแอปฯ แชทได้พร้อมกัน 2 บัญชี ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการล็อกอินหลายบัญชี

ฟังก์ชัน Split Screen หรือโหมดการใช้งาน 2 หน้าจอ สามารถทำได้หลายรูปแบบ อาทิ ใช้ 3 นิ้วลากบนหน้าจอ และกดไปที่ปุ่ม Recent Apps เป็นต้น

สำหรับ realme Lab ผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้ฟังก์ชันต่างๆ ของระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเบต้าได้ อย่างเช่น โหมดกลางคืน ที่จะเปลี่ยนให้หน้าจอของมือถือนั้นเป็นสีมืดดำ

หากกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะขึ้นหน้าแอปฯ ที่ใช้งานไปแล้วทั้งหมด สามารถเคลียร์แอปฯ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดไปที่กากบาท หรือปัดขึ้นทีละแอปฯ ก็ได้ ซึ่งการเคลียร์แอปฯ จะช่วยเพิ่มหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง พร้อมรองรับฟังก์ชัน Split Screen และการล็อกแอปฯ ที่ใช้งานบ่อยๆ ค้างไว้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายโอนข้อมูลภายในเครื่องได้อย่างรวดเร็วเมื่อเสียบสายชาร์จ USB Type-C เข้ากับตัวเครื่องแล้วต่อเข้าคอมพิวเตอร์ หรือหากกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่อง จะปรากฎเมนูสำหรับการล็อกตัวเครื่องนิรภัย, รีสตาร์ท และปิดการใช้งานตัวเครื่อง ส่วนการชาร์จถือว่าทำได้ไวมากๆ

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Split Screen

โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ

มาเริ่มกันที่โหมดถ่ายภาพของกล้องหลัง โดย realme X2 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย 64MP (Samsung GW1) + 13MP (Telephoto) + 8MP (Ultra Wide) + 2MP (Depth Sensor) ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.5 + f/2.2 + f/2.4 พร้อม Dual Tone LED flash

โดยเลนส์ Ultra Wide รองรับการถ่ายภาพมุมกว้าง 115 องศา รองรับ Auto Focus แบบ PDAF โฟกัสได้ดีและเร็วกว่าเดิม ซึ่งเลนส์นี้รองรับการถ่ายภาพ Macro ในระยะใกล้ 2.5 ซม. ส่วนเซ็นเซอร์หลักใช้ Samsung ISOCELL GW1 ขนาด 1/1.72 นิ้ว พิกเซลใหญ่ถึง 1.6μm ด้านเลนส์ Telephoto รองรับ PDAF โฟกัสได้เร็วกว่าเดิม พร้อมรองรับ Hybrid Zoom ได้ 20 เท่า และ Hybrid Optical Zoom ได้ 5 เท่า และเลนส์ Depth Sensor วัดระยะการถ่ายภาพ Portrait ได้ดี

โหมดการใช้งานก็มีให้เลือกใช้งานมากมาย เริ่มที่ โหมดบันทึกวิดีโออัตราเฟรม 30 fps และ 60 fps ความละเอียดตั้งแต่ระดับ HD, Full HD และ 4K รองรับไฟแฟลช, เลนส์มุมกว้างพิเศษ, ถ่าย Portrait ปรับระดับความเบลอได้ และฟิลเตอร์สี

โหมดบันทึกวิดีโอรองรับการซูมสูงสุด 20 เท่า สามารถปรับโหมด AI Beauty ได้ถึง 100 ระดับ และรองรับกันสั่นพิเศษ

ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพออโต้ปกติ รองรับ Hybrid Zoom ได้ 20 เท่า และ Hybrid Optical Zoom ได้ 5 เท่า มีโหมด AI Beauty ปรับได้ 100 ระดับเช่นกัน

กล้อง AI ฉลาด รับรู้ว่าสิ่งที่เราถ่ายนั้นคืออะไร และควรใช้โหมดไหนในการถ่ายภาพ

กล้องหลังโหมดปกติรองรับ Ultra Wide สำหรับถ่ายภาพมุมกว้างยิ่งขึ้นกว่า 115 องศา รองรับ Chroma Boost สามารถบันทึกภาพที่สีสดคมชัดด้วยระบบอัจฉริยะ AI สมจริงในทุกรายละเอียด และฟิลเตอร์สีต่างๆ

ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพ Portrait หน้าชัดหลังเบลอ สามารถปรับระดับความเบลอได้เอง และมีฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้

มาดูกันที่โหมดการใช้งานพิเศษกันบ้าง เริ่มที่ Ultra 64MP ถ่ายภาพสุดคมชัดเลนส์ Samsung GW1 เพิ่มความคมชัดสดใสให้ภาพถ่าย รองรับการเปิดใช้งานควบคู่ไปกับ Chroma Boost, โหมด Nightscape เพิ่มความสว่างของแสงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดนอยส์ ใช้เวลาสั้นในการจับภาพ ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างคมชัด

โหมด Panorama ถ่ายภาพมุมมองแบบกว้าง, โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse และโหมด Expert หรือโหมดผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถปรับตั้งค่า White Balance, การควบคุมค่าแสง, ตั้งค่าขนาดรูรับแสง, ความไวชัตเตอร์ และ Auto Focus ได้เอง

โดยโหมด Expert มีให้เลือกใช้งานทั้งหมด 3 เลนส์ ได้แก่ เลนส์มาตรฐาน, เลนส์มุมกว้าง / มาโคร และเลนส์ถ่ายภาพในระยะไกล

ตัวอย่างภาพถ่าย Hybrid Zoom สูงสุด 20 เท่า :

ภาพถ่ายปกติ (บน) & ภาพถ่าย Hybrid Zoom สูงสุด 20 เท่า (ล่าง)

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Ultra Wide :

ภาพถ่ายปกติ (บน) & ภาพถ่ายโหมด Ultra Wide (ล่าง)

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Chroma Boost :

ภาพถ่ายปกติ (บน) & ภาพถ่ายโหมด Chroma Boost (ล่าง)

ตัวอย่างภาพถ่ายเลนส์ Macro

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Nightscape :

ลำดับต่อไปเราไปดูกันที่โหมดการใช้งานกล้องหน้าของ realme X2 Pro กันเลยค่ะ

มาต่อกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้า realme X2 Pro มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง f/2.0 ส่วนโหมดการใช้งานเริ่มต้นที่ โหมดบันทึกวิดีโอ ความละเอียดตั้งแต่ระดับ HD กับระดับสูงสุด Full HD รองรับการถ่าย Portrait ปรับระดับความเบลอได้เอง และมี AI Beauty ปรับได้ 100 ระดับ

โหมดถ่ายภาพออโต้ปกติ รองรับการเปิดใช้งานไฟแฟลช, HDR และฟิลเตอร์สี

รองรับ AI Beauty มาพร้อมจุดจดจำที่มากถึง 296 จุด สามารถปรับแต่งความสวยงามตามเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ปรับได้ 100 ระดับเช่นเดียวกัน แต่จะพิเศษตรงที่สามารถเลือกปรับบนใบหน้าได้อีกหลายแบบ เช่น ใบหน้าสวยเนียน, ใบหน้าเรียว, ใบหน้าเล็ก, ปรับรูปคาง, ปรับดวงตาให้กลมโต, ปรับรูปทรงจมูก, การเก็บรายละเอียดโดยรวม และการสร้างมิติภาพให้โดดเด่นแบบ 3 มิติ หรือจะรีเซ็ตตั้งค่าให้ระบบ AI ปรับแต่งแบบอัตโนมัติเลยก็ได้ โดยสังเกตเห็นได้ที่จุดวงกลมเล็กๆ

โหมดถ่ายภาพ Portrait ถ่ายภาพบุคคลหน้าชัดหลังเบลอ รองรับ AI Beauty เช่นกัน มีเอฟเฟ็กต์แสงให้เลือกใช้ และปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้เอง

โหมดถ่ายภาพพิเศษของกล้องหน้า ได้แก่ โหมด Selfie Nightscape ถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อย

โหมด Panorama ถ่ายภาพมุมมองมุมกว้าง และโหมดถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse ค่ะ

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก realme X2 Pro

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก realme X2 Pro

สำหรับกล้องหน้าของ realme X2 Pro มาพร้อมกล้อง AI ความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมฟีเจอร์ AI Beauty ปรับค่าผิวสวยเนียนแบบละเอียดได้ตามไลฟ์สไตล์ โดยมีให้เลือกปรับทั้ง ใบหน้าสวยเนียน, ใบหน้าเรียว, ใบหน้าเล็ก, ปรับรูปคาง, ปรับดวงตาให้กลมโต, ปรับรูปทรงจมูก, เก็บรายละเอียดโดยรวม และการสร้างมิติภาพให้โดดเด่นแบบ 3D เลือกปรับได้ถึง 100 ระดับ สังเกตได้ที่จุดวงกลมเล็กๆ บนหน้าจอ หรือจะรีเซ็ตตั้งค่าให้ระบบ AI ปรับแต่งแบบอัตโนมัติเลยก็ได้ค่ะ

สำหรับตัวอย่างภาพเซลฟี่ในส่วนของโหมดถ่ายภาพปกติไม่ปรับแต่ง ภาพที่ได้มีความคมชัดเห็นรายละเอียดครบ ส่วนโหมด AI Beauty ซึ่งเลือกใช้งานแบบ AI ปรับแต่งอัตโนมัติ ภาพดูขาวเนียนขึ้นแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ดูไม่หลอกตา ไม่เนียนวอกจนเกินไป และชอบตรงที่ยังสามารถเลือกปรับเพิ่ม-ลดในส่วนต่างๆ ได้เองแบบตามใจชอบได้อีก

รวมถึงฟิลเตอร์สีต่างๆ มีให้เลือกใช้เยอะ ขณะที่โหมดถ่ายภาพ Portrait ครั้งนี้สามารถปรับแต่งระดับความเบลอได้เอง ภาพถ่ายบุคคลดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปชมตัวอย่างภาพเซลฟี่กันเลยค่ะ

ภาพถ่ายปกติไม่ปรับแต่ง

ภาพถ่าย AI Beauty

ภาพถ่าย Portrait

ภาพถ่าย Filter

สรุป

เป็นสมาร์ทโฟนขุมพลัง Snapdragon 855+ ในราคาจับต้องได้

ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.1 ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ๆ บนพื้นฐาน Android 9.0 (Pie)

หน้าจอ Super AMOLED คุณภาพดีขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีอัตรา refresh rate เร็วสูงสุด 90Hz เรียกกันว่าเป็น Ultra Smooth Display ช่วยแสดงผลได้เร็ว และดีกว่าเดิม กราฟิกคมชัด มีอัตราการแสดงผล 91.7% รองรับ HDR10+ และ DCI-P3 Color gamuts ซึ่งเป็นมาตรฐานภาพยนตร์ พร้อมครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5

ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตระดับเรือธง Snapdragon 855+ ขนาด 7nm ที่กล่าวได้ว่าเป็นชิปเซ็ตที่เร็วที่สุดแห่งปี แบบ Octa Core ความเร็ว 2.96GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 640 ประมวลผลได้เร็ว มีประสิทธิภาพ เล่นเกมได้ลื่นไหล สามารถใช้งานได้หลายแอปฯ แบบไม่มีสะดุด

หน่วยความจำตอบโจทย์ RAM 12GB + ROM 256GB แบบ UFS 3.0 อ่านข้อมูลเร็วขึ้น 3 เท่า และลดการใช้พลังงาน

กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64MP (Samsung GW1) + 13MP (Telephoto) + 8MP (Ultra Wide) + 2MP (Depth Sensor) ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.5 + f/2.2 + f/2.4 พร้อม Dual Tone LED flash รองรับการถ่ายภาพมุมกว้าง 115 องศา ระบบ Auto Focus แบบ PDAF โฟกัสได้ดีและเร็วกว่าเดิม รองรับการถ่ายภาพ Macro ในระยะใกล้ 2.5 ซม. รองรับ Hybrid Zoom ได้ 20 เท่า และ Hybrid Optical Zoom ได้ 5 เท่า อีกทั้งยังรองรับโหมดถ่ายภาพพิเศษ อาทิ Ultra Wide, Chroma Boost, Portrait และ Nightscape เป็นต้น

รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K มีระบบกันสั่น EIS ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เลนส์ Ultra wide สามารถถ่ายวีดีโอได้แบบ 360 องศา และวีดีโอ slow-motion ที่ 960fps/720p

กล้องหน้าความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง f/2.0 รองรับ AI beauty และ Selfie Nightscape เซลฟี่ในที่แสงน้อยได้แบบสบายๆ

แบตเตอรี่ความจุสูง 4000 mAh สนับสนุนเทคโนโลยี SuperVOOC Flash Charge กำลังไฟ 50W ทำออกมาได้ดีมากๆ ใช้เวลาในการชาร์จไม่นาน มีระบบป้องกันความปลอดภัยดีเยี่ยม สามารถเล่นไปชาร์จไปด้วยได้โดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพในการชาร์จลดลง

เครื่องมีระบบระบายความร้อน Vapour Cooling Chamber กระจายความร้อนจากพื้นที่ถึง 1373 ตารางมิลลิเมตร

ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล และรองรับสแกนใบหน้า สามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้ภายในพริบตา

เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของ realme ที่มาพร้อมกับลำโพงคู่ ใช้ชิปเสียง Dolby Atmos คุณภาพเสียงแบบ Hi-Res

ตัวเครื่องสีสันสวยงาม ดีไซน์สวยทันสมัย มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Neptune Blue และ Lunar White

ข้อสังเกต

ภายในกล่องบรรจุไม่มีหูฟังแถมมาให้
ยังมีบางแอปฯ ที่ไม่สามารถใช้งานร่วมกับหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำได้
ไม่รองรับ microSD Card
ใช้พอร์ต USB Type-C แต่ยังคงมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน

– Huawei P30
– Huawei Mate 20
– OPPO Reno2
– Samsung Galaxy A80
– Vivo V15 Pro