
รีวิว realme Watch S Pro ใหม่! จอสีสัมผัสขนาดใหญ่ ดีไซน์พรีเมียม กันน้ำ 50 เมตร แบตอึด พร้อมฟีเจอร์เด็ด ๆ เพียบ ใช้งานได้ทั้ง Android และ iOS
สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ วันนี้เรามีบทความรีวิว realme Watch S Pro สมาร์ทวอทช์สุดอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด ครบเครื่องทั้งเรื่องฟีเจอร์ และฟังก์ชันการใช้งานเด็ด ๆ มาฝากให้ได้ชมกัน
realme Watch S Pro มาพร้อมสโลแกน “มือโปรอย่างมีสไตล์” ล่าสุดเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในไทย มาพร้อมหน้าจอสัมผัส AMOLED ขนาดใหญ่ 1.39 นิ้ว ตัวเรือนใช้วัสดุสแตนเลสสตีลระดับพรีเมียม สายนาฬิกาสามารถเปลี่ยนถอดได้ และกันน้ำได้ตามมาตรฐาน 5ATM โดยป้องกันแรงดันน้ำที่ระดับ 50 เมตร
รองรับ Bluetooth 5.0 ใช้งานง่ายทั้งบนมือถือ Android และ iOS โดยทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน realme Link เพื่อเปิดใช้งานหรือตั้งค่าฟีเจอร์ทั้งหมด พร้อมสนับสนุน Dual-Satellite GPS ที่มีความแม่นยำ ใช้ชิปเซ็ตคู่ประสิทธิภาพสูง และประหยัดพลังงาน
นอกจากนี้ realme Watch S Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 14 วันเลยทีเดียว โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ผ่านฐานชาร์จแม่เหล็กที่แถมมาให้ภายในกล่อง ซึ่งใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
และมีฟีเจอร์การใช้งานเด็ด ๆ อีกเพียบ อาทิ รองรับการวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2), วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบเรียลไทม์, มีโหมดกีฬามากถึง 15 ประเภท, ใหม่ล่าสุดกับโหมดว่ายน้ำ, หน้าปัดมีให้เลือกมากกว่า 100 แบบ
มีฟังก์ชันแจ้งเตือนด้านสุขภาพที่ครอบคลุม, ใช้ควบคุมฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ และแจ้งเตือนทุกแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนผ่านจอหน้าปัดขนาดใหญ่ เป็นต้น
realme Watch S Pro ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,999 บาท พิเศษ! เฉพาะวันที่ 11, 16 และ 19 กุมภาพันธ์ 2564 พบกับโปรโมชั่น Flash Sale ราคาพิเศษเพียง 3,999 บาท ผ่าน realme Official Store ทาง Lazada, Shopee และ Thisshop เท่านั้น พร้อมวางจำหน่ายพร้อมกันในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ที่ realme Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เดี๋ยวเราไปชมรายละเอียดรีวิวทั้งหมดกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปก realme Watch S Pro
Features | realme Watch S Pro |
วันเปิดตัว : | – กุมภาพันธ์ 2564 |
ราคา : | – 4,999.- (ข้อมูล ณ เดือน ก.พ. 64) |
หน้าจอ : | – หน้าจอ AMOLED |
– ขนาด 1.39 นิ้ว | |
– ความละเอียด 454×454 พิกเซล | |
– 326 PPI | |
– ความสว่าง 450nits | |
– ฟีเจอร์ Always-On Display | |
– รองรับ Touch Screen | |
– กระจก Corning Gorilla Glass | |
ตัวเรือน : | – ใช้วัสดุสแตนเลสสตีล ระดับพรีเมียม |
สายนาฬิกา : | – สายนาฬิกาแบบถอดได้ |
– ความกว้าง 22 มม. | |
– ความยาว 152-223 มม. | |
ชิปเซ็ต : | – ใช้ชิปเซ็ตคู่ มีประสิทธิภาพสูง และประหยัดพลังงาน |
การเชื่อมต่อ : | – รองรับ Bluetooth 5.0 |
– ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน realme Link | |
– ใช้งานได้ทั้งมือถือ Android และ iOS | |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 5.0+ |
– iOS 9.0+ | |
โหมดกีฬา : | – วิ่งกลางแจ้ง, วิ่งในร่ม |
– เดินกลางแจ้ง, เดินในร่ม | |
– ขี่จักรยานกลางแจ้ง, ปั่นจักรยานในร่ม | |
– เดินเขา | |
– ว่ายน้ำ | |
– บาสเกตบอล | |
– โยคะ | |
– พายเรือ | |
– เครื่องเดินวงรี | |
– คริกเกต | |
– ฝึกฝนกล้ามเนื้อ | |
– ออกกำลังกายอื่น ๆ | |
โหมดสุขภาพ : | – ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง |
– ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบปกติ, แบบผิดปกติ และขณะออกกำลังกาย | |
– วัดระดับออกซิเจนในเลือด | |
– รายงานสถานะการนอนหลับ | |
– นับจำนวนก้าวเดินต่อวัน | |
– นับแคลอรี่ | |
– นับระยะทาง | |
– แจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ | |
– แจ้งเตือนให้ขยับร่างกาย | |
– บันทึกกิจกรรมต่าง ๆ | |
ฟังก์ชันอื่น ๆ : | – ควบคุมเพลง เล่น/หยุด/ข้าม เพลง |
– ควบคุมกล้อง กดชัตเตอร์ถ่ายภาพ | |
– รองรับ Dual-Satellite GPS แม่นยำสูง | |
– ค้นหาโทรศัพท์มือถือ | |
– การทำสมาธิ | |
– นาฬิกาจับเวลา | |
– พยากรณ์อากาศในแต่ละวัน | |
– แสดงวันที่, การโทร, การแจ้งเตือนต่าง ๆ | |
– ปรับแต่งหน้าปัดนาฬิกาตามไลฟ์สไตล์ได้มากกว่า 100 แบบ | |
– การอัปเกรดผ่าน OTA | |
– UI Interface หลากหลายภาษา | |
– ตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ | |
– แจ้งเตือนสายเรียกเข้า และข้อความ | |
– แจ้งเตือนเป้าหมายการก้าวเดินแต่ละวัน | |
– แจ้งเตือนการเชื่อมต่อ | |
– แจ้งเตือนเปอร์เซ็นแบตเตอรี่ต่ำ | |
– ปรับระดับความสว่างของหน้าจอ | |
– ปรับระดับการสั่น | |
– ยกมือหรือสะบัดหน้าจอเพื่อปลุกหน้าจอ | |
– มีโหมดประหยัดพลังงาน | |
– เปิด-ปิดโหมดห้ามรบกวน | |
– ฯลฯ | |
กันน้ำ : | – Water Resistance |
– มาตรฐาน 5ATM | |
– ป้องกันแรงดันน้ำที่ 50 เมตร | |
เซ็นเซอร์ : | – ตรวจจับการเคลื่อนไหว (6-axis Accelerometer) |
– ตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Geomagnetic) | |
– ตรวจจับการหมุน (Gyroscope) | |
– ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) | |
– ตรวจจับการสวมใส่ (Wearing Monitoring) | |
แบตเตอรี่ : | – 420mAh |
– ใช้งานได้นาน 14 วัน | |
– ฐานชาร์จแม่เหล็ก | |
ขนาด : | – 257.6x46x11.1 มม. (รวมสายนาฬิกา) |
น้ำหนัก : | – 63.5 กรัม (รวมสายนาฬิกา) |
สี : | – ดำ |
แกะกล่อง realme Watch S Pro
อุปกรณ์ต่าง ๆ ประกอบไปด้วย
ด้านหลังกล่องบรรจุภัณฑ์ มีการระบุคุณสมบัติเด่น ๆ ของ realme Watch S Pro ไว้หลายประการ ได้แก่ หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว, รองรับการวัดระดับออกซิเจนในเลือด และการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, รองรับ GPS และการติดตามเส้นทาง, มีมาตรฐานกันน้ำที่ระดับ 50 เมตร, มีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน และรองรับโหมดกีฬามากถึง 15 ประเภท
ส่วนฐานชาร์จแม่เหล็กที่แถมมาให้ในกล่องนั้นมีขนาดกะทัดรัดมาก จะพกพาไปได้ก็สะดวกไม่กินพื้นที่กระเป๋า
หัวเชื่อมต่อเป็น USB ใช้งานได้สบาย ๆ ด้านหน้ามีขั้วแม่เหล็กสำหรับชาร์จแบตเตอรี่
ตรงกลางมีส่วนเว้าลงเล็กน้อย เพื่อรับกับสรีระของ realme Watch S Pro
ด้านหลังฐานชาร์จแม่เหล็กมีโลโก้แบรนด์ realme พื้นผิวเรียบวางกับโต๊ะหรือพื้นได้อย่างสะดวก
แบตเตอรี่ และการชาร์จ
realme Watch S Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 420mAh ที่สามารถใช้งานได้นาน 14 วัน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ถือว่าอึดใช้ได้เลย หมดห่วงเรื่องแบตจะหมดระหว่างใช้งานแต่ละวัน แต่หากใครใช้งานหนัก ๆ อย่างออกกำลังกายทุกวัน ใช้งานหลาย ๆ ฟีเจอร์ระหว่างวัน ระยะเวลาก็อาจจะลดลงมานิดหน่อย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ
ส่วนเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่ เพียงแนบด้านหลังของ realme Watch S Pro เข้ากับตำแหน่งของขั้วแม่เหล็กสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ ก็จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง
ดีไซน์การออกแบบ
realme Watch S Pro มาพร้อมหน้าจอสัมผัส AMOLED ขนาดใหญ่ 1.39 นิ้ว จอหน้าปัดมีความละเอียดสูง 454×454 พิกเซล หรือ 326 PPI ให้คุณภาพหน้าจอที่สว่างสดใสเสมือนจริง มีค่าความคมชัดสูงถึง 100,000:1 ทำให้ภาพบนหน้าปัดมีความคมชัดระดับพรีเมียม และด้วยความที่มาพร้อมหน้าปัดขนาดใหญ่ก็ทำให้ง่ายต่อการอ่านมาก ๆ เลยค่ะ
มีเซ็นเซอร์ตรวจจับความสว่าง ที่สามารถปรับค่าความสว่างได้อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมรอบตัวของเรา โดยค่าความสว่างของหน้าจอนั้นอยู่ที่ 450 nits ปรับระดับความสว่างได้ 5 ระดับ มองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้อยู่ในที่มืดหรือที่แสงน้อย
ตัวหน้าปัดนาฬิกาเป็นแบบทรงกลม 2.5D ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass ป้องกันรอยขีดข่วนและรอยขนแมวได้เป็นอย่างดี
พร้อมรองรับการ Touch Screen ที่สามารถตอบสนองการสัมผัสได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Always-On Display สามารถอ่านข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาแบบไม่ต้องเปิดไฟหน้าจอ ทำให้ประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี และสามารถเปิด-ปิดฟังก์ชันนี้ได้เอง
ดีไซน์ตัวเรือนของ realme Watch S Pro ใช้วัสดุสแตนเลสสตีลระดับพรีเมียม มีความสวยงาม หรูหรามากขึ้น และมีความทนทานต่อการใช้งาน โดยพื้นผิวนั้นถูกขัดเงาที่ด้านหน้า ส่วนด้านข้างจะเป็นการขัดแบบด้าน จบท้ายด้วยการเคลือบแบบ PVD + AF เพื่อให้เกิดภาพเอฟเฟ็กต์ระดับพรีเมียมขึ้นมา
ด้านข้างฝั่งซ้ายนั้นจะไม่มีปุ่มกดใช้งานใด ๆ เป็นเพียงผิวเรียบขัดด้านค่ะ
ด้านข้างตัวเรือนฝั่งขวามีปุ่มกดสำหรับสั่งงานมาให้ 2 ปุ่ม โดยปุ่มบนใช้กดเปิด-ปิดตัวเรือน, กดเปิด-ปิดหน้าจอ, กดเปิดเมนูหลัก ส่วนปุ่มล่างใช้กดเปิดโหมดกีฬาต่าง ๆ และใช้เป็นปุ่มกดกลับไปที่หน้าปัดนาฬิกา
ส่วนการกดใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ใช้วิธีการเลื่อนสัมผัส การแตะ หรือปัดขึ้น-ปัดลงได้เลยค่ะ
ขณะที่ด้านหลังตัวเรือนจะมีพวกเซ็นเซอร์วัดค่าต่าง ๆ อาทิ เซ็นเซอร์ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์ SpO2 หรือเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ และมีตำแหน่งของขั้วแม่เหล็กสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ เป็นต้น
ด้านสายนาฬิกาที่เรานำมารีวิวกันนั้นเป็นสายซิลิโคนสีดำ ที่มีความยืดหยุ่นสูงและมีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับใช้งานขณะออกกำลังกาย หรือใช้งานในชีวิตประจำวันเลยค่ะ
ด้านในมีตัวล็อกสายแน่นหนา ไม่หลุดง่าย ๆ อย่างแน่นอน
สำหรับตัวเรือนนั้นมีขนาดอยู่ที่ 257.6x46x11.1 มม. และมีน้ำหนัก 63.5 กรัม (ขนาดและน้ำหนักรวมสายนาฬิกา)
สายนาฬิกาสามารถเปลี่ยนถอดได้ โดยมีตัวล็อกถอดหรือใส่ได้ง่าย ๆ เลย
สายนาฬิกาที่มีมาให้นั้นมีความกว้างอยู่ที่ 22 มม. และความยาว 152-223 มม. จะเป็นคนข้อมือใหญ่หรือข้อมือเล็กก็สามารถใช้งานได้ค่ะ
นอกจากนี้ realme Watch S Pro ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ 5ATM ป้องกันแรงดันน้ำที่ 50 เมตร สามารถใส่ว่ายน้ำและใช้งานคู่กับโหมดว่ายน้ำใหม่ล่าสุดได้แบบสบาย ๆ อีกด้วย
ขั้นตอนการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน
Interface realme Link
คราวนี้เราจะมาดูกันที่ Interface บนแอปฯ realme Link หลังจากที่เราเชื่อมต่อแอปฯ กับอุปกรณ์ realme Watch S Pro เสร็จแล้วกันบ้างนะคะ โดยหน้าแรกจะโชว์การก้าวเดินในแต่ละวันขึ้นมา และยังสามารถติดตามผลขณะนอนหลับ, อัตราการเต้นของหัวใจ, อัตราระดับออกซิเจนในเลือด และบันทึกประวัติการออกกำลังกายทั้งหมดได้ทันที และเมื่อกดไปที่รูปของ realme Watch S Pro จะปรากฏเมนูการตั้งค่าใช้งานสมาร์ทวอทช์ทั้งหมดขึ้นมาค่ะ
ส่วนเมนูการตั้งค่าใช้งานของ realme Watch S Pro ก็มีมาให้หลายส่วนเลย ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
หน้าปัดนาฬิกาสามารถเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ตามความชอบของผู้ใช้งาน โดยมีมาให้เลือกมากถึง 100 แบบ ซึ่งทางผู้ใช้งานและนักออกแบบที่มีชื่อเสียงได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์หน้าปัดที่ทันสมัยขึ้นมาสำหรับ realme Watch S Pro สามารถเลือกใช้งานได้นานถึง 3 เดือน โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่เลย และยังใช้ภาพถ่ายจากอัลบั้มในเครื่องสมาร์ตโฟนมาตั้งเป็นภาพพื้นหลังของหน้าปัดนาฬิกาได้อีกด้วย
มาพร้อมการแจ้งเตือนอัจฉริยะ ที่รองรับการแจ้งเตือนทุกแอปพลิเคชัน และแสดงไอคอนที่เกี่ยวข้องเช่น แสดงการโทร, SMS มือถือ, สายเรียกเข้า, ข้อความจากแอปฯ ต่าง ๆ ทั้ง Facebook, Instagram และแอปฯ อื่น ๆ โดยจะแสดงผ่านหน้าปัดนาฬิกาขนาดใหญ่ ทำให้อ่านข้อความต่าง ๆ ได้ง่ายสบายตา
รองรับการตั้งค่าแจ้งเตือนให้ลุกขึ้นขยับร่างกาย, แจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ
หรือจะใช้เป็นตัวควบคุมกล้อง ใช้ถ่ายรูประยะไกลขณะอยู่คนเดียวก็ได้นะ
รองรับการตั้งนาฬิกาปลุก, การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถแจ้งเตือนได้ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจที่อยู่ในระดับสูงหรือต่ำเกินไป
ใช้ค้นหามือถือสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อกับ realme Watch S Pro, เปิดตั้งค่าสภาพภูมิอากาศ, ตั้งค่าแจ้งเตือนเป้าหมายการก้าวเดินในแต่ละวัน
มีคู่มือการใช้งานมาให้ และสามารถตรวจสอบได้ว่า realme Watch S Pro ที่ใช้งานอยู่นั้นอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดแล้วหรือไม่
Performance
realme Watch S Pro มาพร้อมชิปเซ็ตคู่ที่มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน รองรับ Bluetooth 5.0 และ Dual-Satellite GPS (หรือการเปิดใช้งาน GPS กับ Glonass ในเวลาเดียวกัน) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ realme Watch นั้นใช้เซ็นเซอร์ GPS ที่มีความแม่นยำสูง อีกทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชันบันทึกเส้นทางได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะวิ่ง, จ๊อกกิ้ง, ขี่จักรยาน หรือการเดินอีกด้วย
รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนทั้ง Android และ iOS เลยค่ะ โดยรองรับตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 ขึ้นไป และ iOS 9.0 ขึ้นไป
ฟีเจอร์การใช้งาน
เริ่มกันที่หน้าแรกของ realme Watch S Pro จะเป็นหน้าปัดบอกเวลา โดยหน้าปัดนาฬิกามีมาให้เลือกมากถึง 100 แบบ สามารถเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์เลย
หากปัดหน้าจอลงจะเป็นกล่องแจ้งเตือนข้อความต่าง ๆ ทั้งจากแอปพลิเคชัน และข้อความ SMS เบอร์มือถือค่ะ
สามารถเช็กเปอร์เซ็นแบตเตอรี่ได้ง่าย ๆ ผ่านหน้าปัดของ realme Watch S Pro โดยปัดหน้าจอไปด้านข้าง หรือจะเช็กผ่านแอปฯ realme Link ก็ได้ตามแต่สะดวก รวมถึงการเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน, เปิดใช้งานไฟฉาย, ปรับระดับความสว่างของหน้าจอ, เปิดใช้งานโหมดกลางคืน และเปิดใช้งานการยกมือหรือสะบัดเพื่อทำให้หน้าปัดสว่างอัตโนมัติ
หรือปัดหน้าจอขึ้นจะเป็นหน้ารวมเมนูการใช้งานทั้งหมดของ realme Watch S Pro
เริ่มที่นาฬิกาปลุก
เมนูการตั้งค่าใช้งานต่าง ๆ อาทิ ชนิดหน้าปัดนาฬิกา, โหมดปิดหน้าจอ, การยกมือหรือสะบัดเพื่อทำให้หน้าปัดสว่างอัตโนมัติ, ปรับระดับการสั่นสะเทือน, โหมดห้ามรบกวน, การปิดตัวเรือน, รีสตาร์ทการใช้งาน หรือรีเซ็ต เป็นต้น
รองรับเข็มทิศ
รองรับโหมดกีฬามากถึง 15 ประเภท ได้แก่ วิ่งกลางแจ้ง, วิ่งในร่ม, เดินเท้ากลางแจ้ง, เดินเท้าในร่ม, ขี่จักรยานกลางแจ้ง, ปั่นจักรยานในร่ม, เดินเขา, ว่ายน้ำในสระ, บาสเกตบอล, โยคะ, พายเรือ, เครื่องเดินวงรี, คริกเกต, การฝึกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และออกกำลังกายอื่น ๆ โดยสามารถระบุได้ว่าเรากำลังวิ่งหรือเดิน พร้อมมีระบบอัลกอริธึมการนับก้าวที่แม่นยำ
ใหม่ล่าสุดกับโหมดว่ายน้ำที่เพิ่มเข้ามาใหม่ โดยสามารถบันทึกข้อมูลการว่ายน้ำได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงการนับแคลอรี่, ระยะทาง หรือประเภท พร้อมแชร์ข้อมูลหรือบันทึกการว่ายน้ำได้อย่างง่ายดาย
หน้าแสดงสภาพอากาศ และสามารถพยากรณ์อากาศได้ในแต่ละวัน
รองรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยตัวเรือนจะใช้เซ็นเซอร์ PPG ที่มีความแม่นยำสูงในตัว สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำตลอด 24 ชั่วโมง
โดยจะขึ้นแจ้งเตือนเลยทันทีว่าอัตรานั้นสูงหรือต่ำเกินไป ทำให้เราทราบว่าสุขภาพยังปกติอยู่หรือไม่ ซึ่งหากพบความผิดปกติจะมีการส่งสัญญาณแจ้งเตือนขึ้นมา
ส่วนการวัดอัตราการเต้นของหัวใจจะทำได้โดยปล่อยแสงสีเขียวที่มีความยาวเคลื่อนเฉพาะไปที่ผิวหนัง แล้วจับแสงสะท้อนของแสง ซึ่งเซ็นเซอร์สามารถทำงานได้ดีในหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ความแม่นยำ สีผิวของผู้ใช้งาน หรือการใช้พลังงานค่ะ
การฝึกลมหายใจ หรือโหมดทำสมาธิเพื่อผ่อนคลาย ที่สามารถตั้งเวลาได้ตั้งแต่ 1-5 นาที และจังหวะในการฝึกที่มีทั้งแบบรวดเร็วหรือแบบช้า
รองรับการควบคุมการปิด-เปิด, ปรับระดับเสียงเพลง, สลับเพลง หรือข้ามเพลง แม้จะวางสมาร์ตโฟนไว้ไกลตัว ยกตัวอย่างเช่น ใช้ควบคุมเพลงขณะออกกำลังกาย เป็นต้น
ถัดมาเป็นการวัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ซึ่งถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะเจ้าออกซิเจนในเลือดนั้นเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของสุขภาพ หากออกซิเจนในเลือดต่ำเกินไป เซลล์ในร่างกายจะไม่สามารถรับออกซิเจนได้เพียงพอ และอาจนำไปสู่อาการต่าง ๆ ได้
โดยเราสามารถวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้ตลอดเวลา ส่วนความแม่นยำนั้นค่อนข้างสูงเทียบเท่ากับเครื่องตรวจทางการแพทย์เลยค่ะ
ติดตามสถานะการนอนหลับในแต่ละวัน
รองรับนาฬิกาจับเวลา
มีเครื่องจับเวลาที่ตั้งค่าได้เอง ตั้งแต่ 1 นาที – 2 ชั่วโมง หรือจะกำหนดเวลาเองก็ได้ค่ะ
ใช้ค้นหาโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อกับ realme Watch S Pro ได้แบบง่าย ๆ โดยที่เครื่องมือถือนั้นจะแจ้งเตือนเป็นเสียงขึ้นมา ทำให้หามือถือได้ง่าย เหมาะสำหรับคนขี้ลืมไม่น้อยเลย โดยเสียงจะไม่เงียบหากเราไม่กดยืนยันที่ตัวมือถือ
หรือจะใช้เป็นตัวควบคุมกล้อง ใช้กดชัตเตอร์ถ่ายรูประยะไกลก็ได้ แต่ต้องเชื่อมต่อ Bluetooth ก่อนใช้งานด้วยนะคะ
รองรับหน้าบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายของเราในแต่ละวัน
และยังมาพร้อมฟังก์ชันด้านสุขภาพที่ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง อาทิ การนับจำนวนก้าวเดินต่อวัน, การแจ้งเตือนให้ขยับร่างกาย และการแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ เป็นต้น
นอกจากนี้ realme Watch S Pro ยังสามารถปลดล็อกสมาร์ตโฟนได้อัตโนมัติเมื่ออยู่ใกล้กับสมาร์ทวอทช์ และยิ่งในสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาด้วยแล้ว ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และรองรับการปฏิเสธสายเรียกเข้า เมื่อมีคนโทรเข้าเครื่องสมาร์ตโฟนที่เราเชื่อมต่อกับ realme Watch S Pro โดยจะมีปุ่มปฏิเสธหรือยอมรับขึ้นมาบนหน้าปัดนาฬิกาอีกด้วย
รวมถึงเมื่ออัปเดตผ่าน OTA ในอนาคต realme Watch S Pro จะรองรับอุปกรณ์ AloT หลากหลายเครื่องได้แม้อยู่ในระยะไกล เพื่อใช้งานได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเปิดสมาร์ตโฟนขึ้นมา ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ realme AloT โดยเจ้า realme Watch S Pro จะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ศูนย์กลางของระบบ realme AloT ค่ะ
สรุป
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
ขอขอบคุณ realme Thailand
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " รีวิว realme Watch S Pro ใหม่! จอสีสัมผัสขนาดใหญ่ ดีไซน์พรีเมียม กันน้ำ 50 เมตร แบตอึด พร้อมฟีเจอร์เด็ด ๆ เพียบ ใช้งานได้ทั้ง Android และ iOS "