รีวิว realme C11 แบตใหญ่ 5000 mAh กล้องคู่ AI ดีไซน์สวยสะกด พร้อมสแกนใบหน้า ในราคาสุดปัง!
สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนสเปกครบ จอใหญ่ แบตอึดใช้งานได้ยาวนาน และที่สำคัญราคาสบายกระเป๋า วันนี้เรามีบทความรีวิว realme C11 สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวไปแบบสด ๆ ร้อน ๆ มาฝากให้ได้ชมกัน
realme C11 มาพร้อมสเปกครบครัน ใช้หน้าจอแบบ Mini-drop Full Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ระดับ HD+ สัดส่วนต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 88.7% ใช้โปรเซสเซอร์สำหรับเล่นเกมได้ลื่นไหลยิ่งขึ้นด้วยชิป Helio G35 ความเร็วสูง 2.3GHz กล้องคู่ AI คมชัด 13MP + 2MP พร้อมโหมด Super Nightscape สำหรับถ่ายภาพช่วงเวลากลางคืนโดยเฉพาะ
ทำงานลื่นไหลบน Android 10 ครอบทับ realme UI พร้อมถาดใส่ซิม 3 ช่อง รองรับ microSD Card สูงสุด 256GB มีฟีเจอร์ Face Unlock ปลดล็อกด้วยใบหน้าอันฉับไว แบตเตอรี่ขนาดใหญ่จุใจ 5000mAh สแตนด์บายได้ยาวนานกว่า 40 วัน พร้อมรองรับฟีเจอร์ Reverse Charging ที่สามารถใช้ถ่ายโอนความจุแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์เครื่องอื่นผ่านสายชาร์จ USB ได้อีกด้วย
realme C11 มาพร้อมดีไซน์รูปทรงเรขาคณิต มีให้เลือก 2 สีนำเทรนด์ คือ Mint Green และ Pepper Grey ราคาจำหน่ายเพียง 3,499 บาท โดยวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศ 17 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อน ๆ สามารถหาซื้อได้ที่ realme Brand Shop, BaNANA, BKK, KingKongPhone, TG FONE, Jaymart, IT City และ CSC
พิเศษสุดสำหรับลูกค้า AIS และ dtac สามารถเป็นเจ้าของ realme C11 ราคาเริ่มต้นเพียง 1,489 บาท เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจรายเดือนตามที่กำหนด ส่วนช่องทางออนไลน์สามารถหาซื้อได้ที่ realme Official Store ใน Lazada, Shopee, Thisshop
และสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านช่องทาง Lazada รับ Lazada Wallet Cashback สำหรับทุกคำสั่งซื้อ ส่วน Shopee รับ 280 Shopee coins สำหรับทุกคำสั่งซื้อ โปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 17-31 กรกฎาคม 2563 เท่านั้น
สำหรับวันนี้ ninethaiphone มีตัวเครื่อง realme C11 สี Mint Green มารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้รับชมกัน ส่วนจะมีรายละเอียดใดน่าสนใจบ้างนั้นเราไปติดตามกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปก realme C11
Features | realme C11 |
วันเปิดตัว : | – กรกฎาคม 2563 |
ราคา : | – 3,499.- (ณ วันที่ 17 ก.ค. 63) |
OS : | – Android 10 ครอบทับ realme UI |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS LCD |
– ขนาด 6.5 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1600×720 พิกเซล (HD+) | |
CPU : | – Helio G35 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz |
GPU : | – PowerVR GE8320 |
RAM : | – 2GB |
ROM : | – 32GB |
– microSD Card สูงสุด 256GB | |
กล้องหลัง : | – 13MP + 2MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.2 + f/2.4 | |
– LED flash | |
– PDAF | |
– HDR | |
– Chroma Boost | |
– Portrait | |
– Panorama | |
– Nightscape AI | |
กล้องหน้า : | – 5MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.4 | |
Video : | – 1080p@30fps |
Battery : | – 5000 mAh |
– Reverse Charging | |
– Charging 10W | |
ขนาด : | – 164.4×75.9×9.1 มม. |
น้ำหนัก : | – 196 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 3G : HSDPA 850/900/2100 MHz |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 b/g/n |
– Bluetooth 5.0 | |
– microUSB 2.0 | |
– OTG | |
– 3.5mm jack | |
GPS : | – GPS |
– A-GPS | |
– Glonass | |
– Beidou | |
Sensor : | – Face Unlock |
– Accelerometer | |
– Proximity | |
– Compass | |
– Light Sensor | |
สี : | – Mint Green |
– Pepper Grey |
แกะกล่อง realme C11
realme C11 บรรจุมาในกล่องสีเหลืองขนาดกะทัดรัด ตรงกลางระบุชื่อรุ่น C11 ไว้เด่นชัด ส่วนด้านล่างเป็นชื่อแบรนด์ realme
ด้านหลังกล่องบรรจุ มีข้อมูลโมเดลรุ่น, สีตัวเครื่อง, รุ่นความจุ RAM และ ROM, เลข IMEI เครื่อง พร้อมฟีเจอร์เด่น ๆ ระบุเอาไว้
โดยฟีเจอร์เด่นที่ชูเป็นจุดขาย ได้แก่ แบตเตอรี่ความจุสูง 5000mAh, หน้าจอ Full Screen ขนาด 6.5 นิ้ว, กล้องหลัง AI เลนส์คู่ คมชัด 13MP และมาพร้อมขุมพลัง Helio G35 สำหรับสายเกม
อุปกรณ์ต่าง ๆ ประกอบไปด้วย
– realme C11 ตัวเครื่องสี Mint Green
– สายชาร์จ microUSB 2.0
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– ฟิล์มกันรอย (ติดมาแล้วกับตัวเครื่อง)
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น + ใบรับประกัน
realme C11 มาพร้อมแบตเตอรี่ไซส์ยักษ์ 5000 mAh ที่สามารถ Standby ได้นาน 40 วัน จากการทดสอบของ realme Lab ถือว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนเลยก็ว่าได้ ภายในกล่องแถม Adapter ชาร์จแบตเตอรี่กำลังไฟ 10W ผ่านพอร์ต microUSB 2.0 รองรับ Reverse Charging สามารถถ่ายโอนแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์เครื่องอื่นได้โดยใช้สายชาร์จ
ทำความรู้จัก realme C11
ด้านหน้า realme C11 ใช้จอแสดงผล IPS LCD แบบ Full Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 1600×720 พิกเซล หรือระดับ HD+
อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 88.7%
มอบประสบการณ์การรับชมวิดีโอ ชมคอนเท้นต่าง ๆ ดูหนัง เล่นเกมได้อย่างเต็มตา
ด้านหน้าส่วนบน มีรอยบากทรงหยดน้ำขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 30.9% เพื่อเพิ่มพื้นที่อัตราส่วนบนหน้าจอ ซึ่งบริเวณนี้เป็นตำแหน่งติดตั้งของเลนส์กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 5MP
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen เริ่มจากทางซ้ายสุด ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับค่ะ
ด้านหลัง realme C11 มาพร้อมบอดี้ Geometric Art Design หรือดีไซน์การออกแบบรูปทรงเรขาคณิต ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดศิลปะเรขาคณิตของ Mondrian
ฝาหลังใช้เอฟเฟกต์แสงสะท้อนสวยงาม ขั้นตอนการผลิตจะแตกต่างกับสมาร์ตโฟนในตระกูล C Series รุ่นก่อน ๆ
มีการใช้เครื่องแกะสลักเรเดียม ที่แม่นยำแบบห้าแกนจากประเทศเยอรมนี พร้อมการขัดอีก 300 นาที มีการแกะสลักออกมาเป็นเส้นโค้งสุดบางเพียง 0.1 มม. กว่า 450 เส้น จนเกิดเป็นเอฟเฟกต์แสงสะท้อนสวยงาม
ตัวเครื่องป้องกันรอยขีดข่วน และรอยนิ้วมือได้อย่างชัดเจน สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องสวมใส่เคสเลยค่ะ
ตัวเครื่องขนาดกำลังดี ถือจับกระชับมือ พกพาง่าย จะใส่กระเป๋ากางเกงก็สบาย ๆ
มีให้เลือก 2 สี ตามสไตล์ของผู้ใช้แต่ละคน ได้แก่ Mint Green และ Pepper Grey สำหรับรีวิวนี้เราได้เครื่องสี Mint Green ค่ะ เป็นสีเขียวมิ้นท์ออกพาสเทลสวยงาม
ด้านหลังส่วนบน เป็นกล้องหลัง AI เลนส์คู่ความละเอียด 13MP + 2MP ที่ดีไซน์มาในตำแหน่งสี่เหลี่ยมจตุรัส
ฝั่งซ้ายเป็นตำแหน่งเลนส์กล้อง ส่วนฝั่งขวาเป็นไฟแฟลช LED พร้อมสกรีนข้อความ AI Camera
ด้านหลังส่วนล่าง มีแถบแนวขวางพาดอยู่ด้านหลังเครื่อง ซึ่งด้านล่างสกรีนชื่อแบรนด์ realme แบบหนาลงไปด้วย ช่วยสร้างความโดดเด่นให้ตัวเครื่องมากยิ่งขึ้น
ด้านบนตัวเครื่อง ไม่มีฟังก์ชันการใช้งานใด
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, รูไมโครโฟน, ช่องเสียบพอร์ต microUSB 2.0 และลำโพงเสียง
ด้านซ้ายตัวเครื่อง พบแค่เพียงช่องถาดใส่ซิมการ์ดค่ะ
โดย realme C11 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Nano SIM มีช่องใส่ซิมแบบ Triple Slot กล่าวคือสามารถใช้งานได้แบบ SIM + SIM + microSD Card ที่รองรับสูงสุด 256GB เลยค่ะ
ด้านขวาตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์สำหรับเปิด-ปิด และรีสตาร์ทตัวเครื่อง
การแคปภาพหน้าจอ กดไปที่ปุ่มพาวเวอร์ + ปุ่มลดเสียง
ประสิทธิภาพ
เมื่อนำ realme C11 ที่มาพร้อมขุมพลัง Helio G35 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก PowerVR GE8320 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ realme UI บนพื้นฐาน Android 10 เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานบางส่วนผ่านแอปพลิเคชั่น GPU Mark – Benchmark และ CPU-Z ก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีในระดับสมาร์ตโฟนราคา 3 พันนิด ๆ
ข้อมูลตามแอปฯ CPU-Z ระบุว่าหน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมดเหลือ 578MB และความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมดเหลือ 14.38GB ถึงแม้ว่าจะดูน้อยไปหน่อย แต่ก็สามารถเพิ่มการ์ดความจำได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB เลยทีเดียว
โดยชิป Helio G35 ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 12 นาโนเมตร แบบ FinFET ใช้ซีพียู ARM Cortex-A53 จำนวน 8 แกน ความเร็วอยู่ที่ 2.3GHz ชิปกราฟิก IMG PowerVR GE8320 ความเร็วสัญญาณ 680MHz ใช้เล่นเกมปรับกราฟิกสูง ๆ ได้ พร้อมมีเทคโนโลยี HyperEngine เพิ่มประสิทธิภาพ CPU และ GPU ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
รองรับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR4X ที่มีประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นเมื่อเทียบกับ LPDDR3 ถึง 20% และประสิทธิภาพของ RAM เพิ่มขึ้น 100% ส่วน ROM ใช้แบบ eMMC 5.1 ความถี่ 1600 MHz ใช้โมเด็มแบบ 4G ในตัว พร้อมรองรับ Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0, Dual SIM แบบ Dual 4G, วิทยุ FM รองรับการดาวน์โหลดสูงสุด 300Mbps และการอัปโหลด 150Mbps
มาถึงการทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกม และความบันเทิงกันบ้างนะคะ เราได้ลองดาวน์โหลดเกมยอดนิยมอย่าง PUBG MOBILE และ Garena Speed Drifters มาทดสอบความลื่นไหลกันค่ะ การถือจับตัวเครื่องกระชับมือ ลำโพงเสียงดังฟังชัด เล่นได้แบบเพลิน ๆ เลย
เริ่มที่เกมแข่งรถออนไลน์ Garena Speed Drifters กันก่อนเลย พบว่ามีความลื่นไหลดี แม้ว่าจะมาพร้อมหน้าจอระดับ HD+ ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าน้อย แต่พบว่าภาพบนจอสีสันคมชัดในระดับนึงเลยนะ ไม่ซีด มองได้แบบเพลิน ๆ เลย ส่วนระบบทัชสกรีนก็ตอบสนองได้ไว
ขณะที่เกม PUBG MOBILE เกมเล่นได้ไม่กระตุกเลยนะ ทัชสกรีนได้ลื่น ๆ กดไอคอนบนจอต่าง ๆ ได้ไว แบตเตอรี่ลดน้อยมาก ทำให้เพลินเพลินต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
และในส่วนของความบันเทิง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการรับชมวิดีโอ, YouTube, ดูหนัง, ดูซีรีย์ต่าง ๆ ด้วยขนาดหน้าจอที่กว้าง 6.5 นิ้ว มีรอยบากทรงหยดน้ำที่เล็กมาก และอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 88.7% สามารถรับชมได้แบบเต็มตาเลย กว้างสะใจดี ไม่มีอะไรมาบดบังรายละเอียดบนหน้าจอค่ะ
Interface
เริ่มที่หน้าจอ Lock Screen สามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้ด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน และเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนมุมขวาขึ้น แต่สำหรับใครที่ลงทะเบียนฟีเจอร์ Face Unlock แล้ว ก็จะปรากฏไอคอนบนหน้าจอค่ะ
หลังจากที่เราปลดล็อกหน้าจอแล้ว ก็จะพาเข้าสู่หน้า Home Screen โดยมีมาให้จำนวน 3 หน้า สามารถเพิ่มหน้าใช้งานได้ภายหลัง แอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องถูกจัดวางเป็นระเบียบไม่รก และ UI แบบใหม่จาก realme ภายใต้ระบบปฏิบัติการ Android 10 ให้สีสันที่สดใสมากยิ่งขึ้น สามารถปรับแต่งไอคอนได้เอง หากปัดหน้าจอขึ้นด้านบนจะพบกับหน้ารวมเมนูการใช้งานทั้งหมดในเครื่อง
แต่หากเลื่อนหน้าจอด้านบนลงจะพาเข้าสู่หน้า Quick Settings มีเมนูแถบแจ้งเตือนสามารถเข้าถึงการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อกดค้างไปยังพื้นที่ว่างบนหน้าจอจะสามารถปรับแต่งวิดเจ็ตได้เอง รวมถึงเปลี่ยนภาพพื้นหลัง และตั้งค่าการใช้งานหน้าจออื่น ๆ ได้ หรือหากต้องการลบแอปฯ ก็ให้กดค้างไปที่แอปฯ นั้น ๆ แล้วจะปรากฏข้อความให้ลบค่ะ
ศูนย์รวมแอปฯ จาก Google มีให้ใช้งานครบครัน อาทิ แผนที่, Google Chrome, Gmail, YT Music หรือ YouTube เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ที่ต้องการเพิ่มเติมได้จาก Google Play หรือ App Market
ถ้าอยากได้ธีม ภาพวอลเปเปอร์ หรือพื้นหลังใหม่ ก็แวะเข้าไปเลือกได้ที่ร้านขายธีม มีทั้งแบบให้ดาวน์โหลดฟรี และแบบเสียเงินเลยค่ะ ถัดมาเอาใจคอเกมด้วยแหล่งรวมเกมยอดฮิตที่ Game Center หรือ Hot Games
หากกดค้างไปที่ปุ่ม Home บนหน้าจอ จะปรากฏหน้า Google Assistant สามารถค้นหาสิ่งต่าง ๆ ด้วยเสียงได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็ว
ในส่วนนี้เป็นเครื่องมือการใช้งานมีให้ใช้งานครบเลย อาทิ เครื่องบันทึกเสียง, เข็มทิศ
เครื่องคิดเลข, วิทยุ FM , แอปฯ วัดสภาพอากาศ
นาฬิกาปลุก, แอปฯ Cloud, หน้าแสดงหน่วยความจำในเครื่อง
ปฏิทิน, หน้าอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ ๆ, สมุดโน๊ต
รองรับการโคลนโทรศัพท์ที่สามารถย้ายข้อมูลทั้งหมดที่มีในเครื่องเก่าไปยังมือถือเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็วทำง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน
เมนูหน้าโทรศัพท์, การรับส่งข้อความ
เมนูการตั้งค่าต่าง ๆ ภายในตัวเครื่อง
หน้าจอสามารถปรับโทนความสว่าง และอุณหภูมิสีของหน้าจอได้เอง มีโหมดกลางคืนใช้งานหน้าจอโทนสีมืด และรองรับการปรับตั้งค่าตัวกรองแสงสีฟ้าได้ที่โหมดถนอมสายตาตอนกลางคืนเพื่อถนอมสายตาระหว่างใช้งาน
Game Space ใช้ตั้งค่าต่าง ๆ ขณะเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็น ปิดกั้นการแจ้งเตือน, ปฏิเสธสายเรียกเข้า, ตั้งค่าโหมดเกม, ตั้งค่าแบตเตอรี่ เป็นต้น
Phone Manager หรือตัวจัดการโทรศัพท์ ช่วยจัดการไฟล์ต่าง ๆ บนสมาร์ตโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำรองข้อมูล สแกนไวรัส และทำความสะอาดไฟล์ขยะในเครื่อง เป็นต้น
ส่วนนี้เป็นไลฟ์สไตล์การใช้งานสื่อดิจิทัล ที่จะแสดงรายละเอียดในการใช้สื่อของผู้ใช้งานทั้งหมดในแต่ละวัน และการควบคุมโดยผู้ปกครองในกรณีที่ให้บุตรหลานใช้งาน แต่ทางผู้ปกครองต้องการที่จะปิดกันไม่ให้เด็ก ๆ เข้าถึงสื่อใดสื่อหนึ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
realme C11 มีระบบรักษาความปลอดภัยได้แก่ การตั้งค่ารหัสผ่าน และฟีเจอร์ Face Unlock ค่ะ แต่จะไม่มีสแกนลายนิ้วมือนะ
หน้าแสดงข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสมาร์ตโฟน ถัดมาเป็น realme Lab ผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ของระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเบต้าได้ และ realme Share แชร์ไฟล์ได้อย่างรวดเร็วเพียงปลายนิ้ว
รองรับโหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ โดยระบบจะปิดแอปฯ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อหยุดการทำงานอันเป็นเหตุให้แบตเตอรี่หมดอย่างรวดเร็ว, มีการลดความสว่างของหน้าจอลง, ปิดการสั่นสะเทือนเมื่อแตะไปที่ไอคอนต่าง ๆ สามารถเลือกการประหยัดพลังงานได้ และการใช้โหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง เป็นต้น
มีตัวช่วยด้านความสะดวกสบายแบบชาญฉลาด อาทิ ปุ่มการนำทาง : นำทางด้วยปุ่มเสมือน หรือลากนิ้วขึ้น และท่าทางการเคลื่อนไหว : การใช้ท่าทางต่าง ๆ ในการสั่งงาน เป็นต้น
รองรับการโคลนแอปฯ ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานแอปฯ แชทได้พร้อมกัน 2 บัญชี ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการล็อกอินหลายบัญชี ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
รองรับฟังก์ชัน Split Screen หรือโหมดการใช้งาน 2 หน้าจอ สามารถทำได้หลายรูปแบบ อาทิ ใช้ 3 นิ้วลากบนหน้าจอ และกดไปที่ปุ่ม Recent Apps เป็นต้น
หรือหากกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะปรากฎหน้าแอปฯ ที่ใช้งานไปแล้วทั้งหมด สามารถเคลียร์แอปฯ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดไปที่กากบาท หรือปัดขึ้นทีละแอปฯ ก็ได้ การเคลียร์แอปฯ จะช่วยเพิ่มหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง พร้อมรองรับฟังก์ชัน Split Screen และการล็อกแอปฯ ที่ใช้งานบ่อย ๆ ค้างไว้อีกด้วย
สามารถถ่ายโอนข้อมูลภายในเครื่องได้อย่างรวดเร็วเมื่อเสียบสายชาร์จ USB เข้ากับตัวเครื่องแล้วต่อเข้าคอมพิวเตอร์ หรือหากกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ก็จะมีเมนูให้ปิดเครื่อง และรีสตาร์ทการใช้งานใหม่ค่ะ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
เริ่มที่โหมดถ่ายภาพของกล้องหน้ากันก่อนเลยค่ะ โดย realme C11 มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง f/2.4 มีโหมด HDR และ Panoramic View
ปรับค่าสวยเนียนทันใจด้วย AI Beauty และโหมดการใช้งานอื่น ๆ อีกมากมาย เดี๋ยวเราไปชมกันเลย
เริ่มที่โหมดบันทึกวิดีโอ รองรับฟิลเตอร์สีสวย ๆ ตามสไตล์ บันทึกวีดีโอได้ในระดับ 1080p@30fps และ 720p@30fps
โหมดถ่ายภาพปกติ รองรับการเปิดใช้งานไฟแฟลช และ HDR ให้ภาพสวยคมชัดมากยิ่งขึ้น พร้อมสามารถปรับค่าสวยเนียนทันใจด้วย AI Beauty ได้มากถึง 100 ระดับ และรองรับฟิลเตอร์สีเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายปกติไม่ปรับแต่ง
ตัวอย่างภาพถ่าย AI Beauty Mode
ปรับ Beauty ระดับ 50
ตัวอย่างภาพถ่าย Filter Mode
ถัดมาเป็นโหมด Portrait ถ่ายภาพบุคคลหน้าชัดหลังละลาย หรือ Bokeh นั่นเอง รองรับการปรับความเบลอได้เอง จะเอาเบลอมาก เบลอน้อยได้หมดเลย และรองรับการปรับค่าผิวสวย AI Beauty ได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait Mode
ปรับเบลอระดับ 50
ปรับเบลอระดับ 100
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait ปรับ Filter
ส่วนโหมดถ่ายภาพพิเศษของกล้องหน้า มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ เซลฟี่แบบ Panorama มุมมองกว้างขึ้น และถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse ค่ะ
มาต่อกันที่โหมดถ่ายภาพของกล้องหลัง โดย realme C11 มาพร้อมกล้องหลังคู่ AI ความละเอียด 13MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/2.2 + f/2.4 พร้อม LED flash สามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยคมชัด รองรับ PDAF โฟกัสได้รวดเร็ว และแม่นยำ ซูมได้สูงสุด 4 เท่า เก็บภาพระยะไกลได้คมชัด พร้อมมีโหมดการใช้งานมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น Chroma Boost ช่วยปรับให้ภาพสีสันสดใสมากขึ้นแบบอัตโนมัติ, Portrait Mode ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลออย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้บุคคล หรือวัตถุโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และโหมด Super NightScape สำหรับถ่ายภาพช่วงกลางคืน หรือแสงน้อยโดยเฉพาะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในเรทราคาเดียวกันที่มาพร้อมโหมดนี้เลยก็ว่าได้
มาดูที่โหมด Super Nightscape กันก่อนเลย รองรับการปรับอัตราส่วนของภาพ, การตั้งเวลาในการถ่าย และซูมได้ 4 เท่า โหมดนี้จะถ่ายภาพหลายภาพในระดับแสงที่แตกต่างกัน จากนั้นจะรวมเข้าเป็นภาพเดียว โดยรวบรวมส่วนที่ดีที่สุดในแต่ละภาพ ทำให้ภาพมีความคมชัด และสว่างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่างภาพถ่าย Super Night Scape : ปกติ (บน) & Super Night Scape (ล่าง)
ถัดมาเป็นโหมดบันทึกวิดีโอ อัตราเฟรมบันทึกวีดีโอระดับ 1080p@30fps และ 720p@30 fps รองรับการเปิดไฟแฟลช, ปรับฟิลเตอร์สีต่าง ๆ และซูมได้ 4 เท่า
โหมดถ่ายภาพปกติ รองรับการเปิดไฟแฟลชช่วยเพิ่มความสว่าง, HDR ภาพสวยคมชัดขึ้น และรองรับการซูม 4 เท่า
สามารถปรับค่าผิวสวยเนียนได้เหมือนกล้องหน้า ปรับได้มากถึง 100 ระดับ รองรับ Chroma Boost เพิ่มสีสดให้กับภาพถ่าย และมีฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้งานเพียบ
ตัวอย่างภาพถ่าย AI Beauty Mode
ตัวอย่างภาพถ่าย Chroma Boost : ปกติ (บน) & Chroma Boost (ล่าง)
ตัวอย่างภาพถ่าย Filter Mode
โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ทำให้บุคคล หรือวัตถุดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น หน้าชัดหลังละลายแบบเป็นธรรมชาติ สามารถปรับระดับความเบลอได้เองถึง 100 ระดับ
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait Mode
ปรับเบลอระดับ 50
ปรับเบลอระดับ 100
มาดูที่โหมดการใช้งานพิเศษกันบ้าง เริ่มที่ โหมดถ่ายวิดีโอ Time Lapse ซูมได้ 4 เท่า, โหมดบันทึกวิดีโอ Slo-Mo
ตัวอย่างวิดีโอ Slo-Mo
Google Lens เป็นเทคโนโลยีการจดจำภาพที่พัฒนาโดย Google ออกแบบมาเพื่อนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องกับวัตถุที่ระบุ โดยใช้การวิเคราะห์ภาพตามเครือข่าย
โหมด Expert หรือโหมดผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถปรับตั้งค่า White Balance, การควบคุมค่าแสง, ตั้งค่าขนาดรูรับแสง, ความไวชัตเตอร์ และ Auto Focus ได้เอง, โหมด Panorama ถ่ายภาพมุมมองแบบกว้าง
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก realme C11
สรุป
- ราคาจำหน่ายไม่แพง เมื่อเทียบกับสเปกที่ได้ จอใหญ่ เล่นเกมไม่กระตุก ถ่ายภาพสวย เซลฟี่สวย ถือว่าคุ้มนะ แถมยังมีโปรโมชั่นร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าย AIS และ dtac ทำให้สามารถเป็นเจ้าของ realme C11 ได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,489 บาท เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจที่กำหนด
- แบตเตอรี่ความจุสูง 5000mAh พร้อมรองรับฟีเจอร์ Reverse Charging สามารถใช้ถ่ายโอนความจุแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์เครื่องอื่นผ่านสายชาร์จ USB ได้
- หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว รอยบากทรงหยดน้ำขนาดเล็ก อัตราส่วนต่อตัวเครื่องสูง 88.7% รับชมได้อย่างกว้างเต็มตา ไม่มีอะไรมาบดบังรายละเอียดบนหน้าจอขณะใช้งาน
- เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมขุมพลัง Helio G35 ขนาด 12 นาโนเมตร แบบ Octa-Core ความเร็วสูง 2.3GHz
- กล้องหลังคู่ AI คมชัด 13MP + 2MP ถ่ายภาพออกมาได้สวยคมชัด ถือว่าทำออกมาได้ดีนะ สำหรับเรทราคานี้
- กล้องหลังมีโหมดการใช้งานเด่น ๆ อาทิ Super NightScape สำหรับถ่ายภาพช่วงเวลากลางคืนโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในเรทราคาเดียวกันที่มาพร้อมโหมดนี้เลยก็ว่าได้, มีโหมด Chroma Boost ช่วยปรับให้ภาพสีสันสดใสมากขึ้นแบบอัตโนมัติ และโหมด Portrait ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลออย่างเป็นธรรมชาติ เป็นต้น
- มาพร้อมบอดี้ Geometric Art Design หรือดีไซน์การออกแบบรูปทรงเรขาคณิต ฝาหลังใช้เอฟเฟกต์แสงสะท้อนสวยงาม มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Mint Green และ Pepper Grey
ข้อสังเกต
- ภายในกล่องไม่แถมเคส และหูฟังมาให้
- หน่วยความจำ RAM และ ROM น้อยไปหน่อย อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งานของผู้ใช้บางคน แต่ยังดีที่สามารถเพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB
- กล้องหน้าความละเอียดน้อยไปนิด แต่ก็สามารถเซลฟี่ออกมาได้สวยงามอยู่นะ
- แบตเตอรี่ความจุสูงก็จริง แต่ไม่รองรับชาร์จเร็ว
- ใช้พอร์ต microUSB 2.0 ไม่ใช่ USB Type-C
- ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
ขอขอบคุณ realme Thailand
Leave a Reply