เปรียบเทียบ realme C12 และ Vivo Y11 และ Samsung Galaxy A11 สเปกครบเครื่อง! จอใหญ่ แบตอึด ราคาเบา ๆ รุ่นไหนดี มาเช็กกันเลย
สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้เรามีบทความรีวิวเปรียบเทียบ realme C12, Vivo Y11 และ Samsung Galaxy A11 มาฝากให้ได้ชมกัน ซึ่งเป็นบทความเปรียบเทียบในส่วนของ ข้อมูลสเปกการใช้งานเด่น ๆ หลายส่วนเลย ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ตัวเครื่อง, จอแสดงผล, ชิปเซ็ต, ความละเอียดกล้องทั้งหน้าและหลัง, ระบบปฏิบัติการ, ความจุแบตเตอรี่ และราคาวางจำหน่าย เป็นต้น
โดยทั้ง realme C12, Vivo Y11 และ Samsung Galaxy A11 มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ กล้องหลังหลายเลนส์ แบตเตอรี่สุดอึด และสเปกการใช้งานต่าง ๆ ที่ครบครัน ใครที่กำลังเล็ง ๆ สมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่นนี้อยู่ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยตัดสินใจก่อนซื้อมาใช้งานอีกทางนะคะ เดี๋ยวเราไปดูกันเลยว่าสมาร์ตโฟนรุ่นไหน จากแบรนด์ไหนจะน่าสนใจ และตอบโจทย์การใช้งานของเพื่อน ๆ กันบ้างนั้น เราไปดูเปรียบเทียบนี้กันเลยค่ะ
จอแสดงผล
เริ่มกันที่ realme C12 มาพร้อมหน้าจอ Mini-drop แบบ Fullscreen ขนาด 6.5 นิ้ว ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 อัตราส่วนหน้าจอจุใจ 20:9 โดยมีการเพิ่มขนาดหน้าจอและลดขนาดรอยหยดน้ำลงถึง 30.9% เมื่อเทียบกับรอยหยดน้ำแบบปกติทั่วไป เพื่อการใช้งานที่กว้างเต็มตา และใกล้ชิดกว่า พร้อมเพิ่มสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 88.7%
ของรุ่น Vivo Y11 ใช้หน้าจอ Halo FullView ชนิด IPS LCD เช่นเดียวกัน แต่มีขนาดเล็กกว่านิดหน่อยอยู่ที่ 6.35 นิ้ว ความละเอียด HD+ พื้นที่ขอบหน้าจอแคบลง แต่มุมมองกว้างขึ้น และครอบด้วยกระจกนิรภัยทั่วไป
ขณะที่ Galaxy A11 มาพร้อมหน้าจอดีไซน์ Infinity-O ขนาดใหญ่ 6.4 นิ้ว โดยใช้เป็นหน้าจอ TFT แสดงผลเต็มพื้นที่จรดขอบจอ ความละเอียดระดับ HD+ หน้าจอครอบด้วยกระจกนิรภัยทั่วไปเช่นกัน
เมื่อดูจากภาพรวมทั้งหมดดูเหมือนว่าหน้าจอของ realme C12 จะเด่นสุด โดยมีขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว ตามมาด้วย Galaxy A11 ขนาด 6.4 นิ้ว ตบท้ายด้วย Vivo Y11 ที่มีขนาดอยู่ที่ 6.35 นิ้ว โดยทุกรุ่นมาพร้อมหน้าจอความละเอียด HD+ เท่ากัน ขณะที่ชนิดของจอแสดงผล realme C12 และ Vivo Y11 ใช้จอ IPS LCD แต่ Galaxy A11 ใช้จอ TFT LCD ค่ะ
ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัย
realme C12 มาพร้อมฟีเจอร์ Face Unlock หรือการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า
และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultra Fast ด้านหลังตัวเครื่อง สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วเพียงปลายนิ้ว ปลอดภัย และสะดวกสบาย
ส่วน Vivo Y11 มาพร้อมทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และการสแกนใบหน้าเช่นกันค่ะ
เช่นเดียวกันกับ Galaxy A11 ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และเทคโนโลยีจดจำใบหน้า
รูปลักษณ์ดีไซน์
realme C12 มาพร้อมดีไซน์การออกแบบฝาหลังไล่เฉดสีรูปทรงเรขาคณิต เหมือนกับที่เคยถูกนำไปใช้ครั้งแรกกับ realme C11 แล้วนำมาต่อยอดในรุ่น C12 ที่ได้รับแรงบันดาลใจเดิม ฝาหลังเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ถูกไล่ระดับเป็น 3 เฉดสี ด้วยมุมกับเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เกิดเอฟเฟ็กต์สีและแสงที่แตกต่างกันในแต่ละมุมมอง
ฝาหลังผ่านกระบวนการเคลือบและขัดพื้นผิวอย่างแม่นยำถึง 300 นาที โดยใช้เครื่องแกะสลักเรเดียม 5 แกนชั้นนำจากเยอรมัน เพื่อให้ได้เส้นแกะสลักที่มีความโค้งมนและเอฟเฟ็กต์แสงสะท้อนพิเศษ สีสันมีความสวยงามน่าสัมผัส พร้อมป้องกันรอยขีดข่วนและรอยนิ้วมืออีกด้วย
โดยตัวเครื่อง realme C12 ที่วางจำหน่ายในไทยมีให้เลือก 2 สีค่ะ ได้แก่ Coral Red และ Marine Blue ตัวเครื่องขนาดกำลังดี ถือจับกระชับมือ พกพาสะดวก
ขณะที่ Vivo Y11 ฝาหลังใช้เทคนิคการผลิตสีระดับพรีเมียม ได้แรงบันดาลใจมาจากสีของอัญมณี มีความเงางาม ไล่เฉดสีอย่างมีระดับสวยงามเมื่อกระทบกับแสงในมุมมองต่าง ๆ เป็นความงดงามที่ดูมีชีวิตชีวา โดยตัวเครื่องของ Vivo Y11 มีให้เลือก 2 สีเช่นกัน ได้แก่ Mineral Blue และ Agate Red
Galaxy A11 ตัวเครื่องใช้วัสดุมันเงาสวยงาม ตัวเครื่องโค้งมนจับได้ถนัดมือ โดยตัวเครื่องที่วางจำหน่ายในไทยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Prism Black และ Blue Coral
ข้อแตกต่างของสมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่น คือ realme C12 มาพร้อมฝาหลังที่ผ่านกระบวนการเคลือบและขัดพื้นผิว เพื่อป้องกันรอยนิ้วมือหรือรอยขีดข่วนใด ๆ ขณะที่ Vivo Y11 และ Galaxy A11 บอดี้ฝาหลังมันเงา ทำให้เกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย ควรสวมใส่เคสขณะใช้งานค่ะ
ชิปประมวลผล
realme C12 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Helio G35 จาก MediaTek แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz นวัตกรรมการผลิตระดับ 12 นาโนเมตร มาพร้อม Cortex A53 ที่เร็วและใหม่ล่าสุดในระดับราคาเดียวกัน สามารถรองรับแอปพลิเคชั่นเกมระดับกลางได้สบาย ๆ ส่วนของ Vivo Y11 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 439 จาก Qualcomm แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.95GHz นวัตกรรมการผลิตระดับ 12 นาโนเมตรเช่นกัน
ขณะที่ Galaxy A11 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 450 จาก Qualcomm แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.8GHz เทคโนโลยีการผลิตระดับ 14 นาโนเมตร ซึ่งเมื่อดูจากภาพรวมในส่วนของชิปประมวลผลแล้วพบว่า realme C12 จะมาพร้อมชิปเซ็ตที่มีความเร็วมากกว่า Vivo Y11 และ Galaxy A11 อยู่ที่ 2.3GHz นั่นเอง
สำหรับ Helio G35 ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 12 นาโนเมตร แบบ FinFET ใช้ซีพียู ARM Cortex-A53 จำนวน 8 แกน ความเร็วอยู่ที่ 2.3GHz ชิปกราฟิก IMG PowerVR GE8320 ความเร็วสัญญาณ 680MHz ใช้เล่นเกมปรับกราฟิกสูง ๆ ได้ พร้อมมีเทคโนโลยี HyperEngine เพิ่มประสิทธิภาพ CPU และ GPU ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ใช้โมเด็มแบบ 4G ในตัว พร้อมรองรับ Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0, Dual SIM แบบ Dual 4G, วิทยุ FM รองรับการดาวน์โหลดสูงสุด 300Mbps และการอัปโหลด 150Mbps
ส่วน Snapdragon 439 เป็นชิปเซ็ตสมาร์ตโฟนระดับล่าง ใช้สถาปัตยกรรมระดับ 12 นาโนเมตร แบบ FinFET จำนวน 8 แกน ความเร็วอยู่ที่ 2.0GHz เร็วขึ้น 25% และกินพลังงานน้อยลง ซีพียู ARM Cortex A53 โมเด็ม X6 LTE มีชิปกราฟิก Adreno 505 รองรับ Dual SIM แบบ Dual 4G, Bluetooth 5.0, RAM แบบ LPDDR3, Wi-Fi 5 รองรับการดาวน์โหลดสูงสุด 150Mbps และการอัปโหลด 75Mbps
สำหรับ Snapdragon 450 ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 14 นาโนเมตร มาพร้อมชิป Cortex-A53 จำนวน 8 แกน สามารถทำความเร็วได้มากกว่า Snapdragon 435 ถึง 25% ผสานการทำงานร่วมกับ Adreno 506 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม 25% และประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น 30%
RAM และ ROM
โดยทั้ง realme C12, Vivo Y11 และ Galaxy A11 มาพร้อมหน่วยความจำ RAM 3GB + ROM 32GB เท่ากันเลยค่ะ พร้อมรองรับ microSD Card ได้สูงสุด 256GB อีกด้วย
ระบบปฏิบัติการ
realme C12 รันระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับ realme UI พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพียบ อาทิ Dark Mode, Dual Mode Music Share และ Focus Mode เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 10% ลดการใช้พลังงานเมื่อเปิดสแตนด์บายข้ามคืน ลดการดีเลย์ของระบบสัมผัส และเพิ่มความลื่นไหลเพิ่มขึ้นถึง 20%
ส่วนของ Vivo Y11 มาพร้อมระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเก่ากว่าคือ Android 9 ครอบทับ Funtouch OS 9.1 และ Galaxy A11 รันระบบปฏิบัติการ Android 10 ค่ะ
กล้องหลัง
สำหรับ realme C12 ติดตั้งกล้องหลัง AI 3 ตัว ประกอบด้วย 13MP (Main Sensor) + 2MP (Macro) + 2MP (Portrait B&W) ค่ารูรับแสง f/2.2 + f/2.4 + f/2.4 พร้อมไฟแฟลช LED โมดูลกล้องหลังตอบรับกับมุมและองศา ทำให้เกิดความสมดุลและลงตัว
โดยเซ็นเซอร์หลักความละเอียด 13MP ถ่ายภาพได้คมชัดยิ่งขึ้น พร้อมรองรับ PDAF โฟกัสได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ มีการเพิ่มการซูมเป็น 4 เท่า ถัดมาเป็นเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP ถ่ายวัตถุใกล้ในระยะ 4 ซม. และสุดท้ายเป็นเลนส์ B&W Portrait ความละเอียด 2MP ถ่ายภาพบุคคลหน้าชัดหลังเบลอได้สวยงามเป็นธรรมชาติ
มีการเพิ่มเอฟเฟ็กต์ภาพขาวดำ ในโหมดจะมีการปรับค่าแสงอุณหภูมิสี เฉดสี และพารามิเตอร์อื่น ๆ ช่วยเพิ่มความโดดเด่น และความแตกต่างให้กับภาพ Portrait พร้อมรองรับ Nightscape Mode สำหรับถ่ายภาพยามค่ำคืนได้อย่างสวยงาม
ขณะที่ Vivo Y11 มาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 13MP (Main Sensor) + 2MP (Depth) ดีไซน์กล้องหลังวงรีแนวตั้ง รองรับ PDAF เช่นกัน ส่วนโหมดการใช้งานก็มีให้เลือกใช้มากมาย อาทิ Portrait Bokeh ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ, Panorama ถ่ายภาพแนวกว้าง, AI Face Beauty ปรับค่าความสวยเนียนทันใจ และฟิลเตอร์สีหลากสไตล์ เป็นต้น
ส่วนของ Galaxy A11 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย 13MP (Main Sensor) + 5MP (Ultra-Wide) + 2MP (Depth) ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.4 + f/2.2 พร้อม LED Flash โดยเลนส์มุมกว้างพิเศษมุมมองอยู่ที่ 115 องศา เลนส์ Depth สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลาย
ข้อแตกต่างของทั้ง 3 รุ่น คือ realme C12 และ Galaxy A11 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว แต่รุ่น realme C12 ไม่มีเลนส์ Ultra-Wide ส่วนของ Galaxy A11 จะไม่มีเลนส์ Macro ขณะที่รุ่น Vivo Y11 มาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ ใช้เซ็นเซอร์หลัก + เลนส์ Depth ไม่มีทั้งเลนส์ Ultra-Wide กับ Macro และ realme C12 รองรับ Nightscape Mode หรือโหมดถ่ายภาพกลางคืน แต่อีก 2 รุ่นที่เหลือไม่รองรับค่ะ
กล้องหน้า
ในส่วนของกล้องหน้าสมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมกล้องเซลฟี่เลนส์เดี่ยว ซึ่ง realme C12 และ Vivo Y11 จัดวางในตำแหน่งกึ่งกลางด้านบนบริเวณรอยหยดน้ำขนาดเล็ก ขณะที่รุ่น Galaxy A11 ฝังไว้ใต้จอแสดงผลที่มุมซ้ายบน
เริ่มที่รุ่น realme C12 มาพร้อมกล้องเซลฟี่มีความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง f/2.4 รองรับ AI Face Beauty ปรับค่าสวยเนียนทันใจ
ขณะที่ Vivo Y11 มาพร้อมกล้องเซลฟี่ที่มีความละเอียดมากกว่าอยู่ที่ 8MP ค่ารูรับแสง f/1.8 และรองรับ AI Face Beauty ปรับค่าสวยเนียนเช่นเดียวกัน
และ Galaxy A11 มาพร้อมกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อมระบบ Selfie Focus
แบตเตอรี่
realme C12 อัดแบตเตอรี่ความจุไซส์ยักษ์ 6000mAh ใช้งานได้อย่างยาวนานต่อเนื่องยิ่งขึ้น ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกำลังไฟ 10W (5V, 2A)
นอกจากนี้ realme C12 สามารถสแตนด์บายได้นาน 57 วัน พร้อมสามารถถ่ายโอนแบตเตอรี่ของ realme C12 ไปยังอุปกรณ์เครื่องอื่น ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านสาย USB ทำหน้าที่เป็น Power Bank ขนาดย่อม ๆ เลยก็ว่าได้
Vivo Y11 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ชาร์จ 10w เช่นกัน แต่จะไม่มีฟีเจอร์ถ่ายโอนแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์เครื่องอื่นเหมือนกับของ realme C12 นะคะ
ขณะที่ Galaxy A11 แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 15W
ซึ่งจากภาพรวมทั้งหมดคือ realme C12 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงสุดอยู่ที่ 6000mAh ตามมาด้วย Vivo Y11 และ Galaxy A11 ที่มีแบตเตอรี่ความจุ 5000mAh และ 4000mAh ตามลำดับ แต่ทว่ารุ่น Galaxy A11 มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 15W ขณะที่อีก 2 รุ่น รองรับการชาร์จกำลังไฟ 10W
ราคาวางจำหน่าย
สุดท้ายเป็นในส่วนของราคาวางจำหน่าย โดยทั้ง realme C12, Vivo Y11 และ Galaxy A11 ราคาวางจำหน่ายเท่ากันอยู่ที่ 3,999 บาท แต่รุ่น realme C12 มาพร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายในราคาที่ถูกกว่า หากซื้อผ่าน AIS Shop เป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 889 บาท เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจตามที่กำหนด
ตารางสรุปเปรียบเทียบ realme C12, Vivo Y11 และ Samsung Galaxy A11
Features | realme C12 | Vivo Y11 | Samsung Galaxy A11 |
วันเปิดตัว : | – ตุลาคม 2563 | – พฤศจิกายน 2562 | – พฤษภาคม 2563 |
ราคา : | – 889.- ราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจ (จากปกติ 3,999.-) | – 3,999.- | – 3,999.- |
OS : | – Android 10 ครอบทับ realme UI | – Android 9.0 Pie ครอบทับ Funtouch OS 9.1 | – Android 10 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS LCD | – หน้าจอ IPS LCD | – หน้าจอ TFT LCD |
– ขนาด 6.5 นิ้ว | – ขนาด 6.35 นิ้ว | – ขนาด 6.4 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1600×720 พิกเซล | – ความละเอียด 1544×720 พิกเซล | – ความละเอียด 1560×720 พิกเซล | |
– กระจก Corning Gorilla Glass 3 | – กระจกนิรภัยทั่วไป | – กระจกนิรภัยทั่วไป | |
CPU : | – Helio G35 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz | – Snapdragon 439 แบบ Octa Core ความเร็ว 1.95GHz | – Snapdragon 450 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.8GHz |
GPU : | – PowerVR GE8320 | – Adreno 505 | – Adreno 506 |
RAM : | – 3GB | – 3GB | – 3GB |
ROM : | – 32GB | – 32GB | – 32GB |
– รองรับ microSD Card | – รองรับ microSD Card | – รองรับ microSD Card | |
กล้องหลัง : | – 13MP + 2MP + 2MP | – 13MP + 2MP | – 13MP + 5MP+ 2MP |
– Main Sensor + Macro + Depth | – Main Sensor + Depth | – Main Sensor + Ultra-Wide + Depth | |
– ค่ารูรับแสง f/2.2 + f/2.4 + f/2.4 | – ค่ารูรับแสง f/2.2 + f/2.4 | – ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.4 + f/2.2 | |
– Nightscape Mode | – ไม่รองรับ Nightscape Mode | – ไม่รองรับ Nightscape Mode | |
– LED flash | – LED flash | – LED flash | |
– PDAF | – PDAF | – PDAF | |
– HDR | – HDR | – HDR | |
– Panorama | – Panorama | – Panorama | |
กล้องหน้า : | – 5MP | – 8MP | – 8MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.4 | – ค่ารูรับแสง f/1.8 | – ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
Video : | – 1080p@30fps | – 1080p@30fps | – 1080p@30fps |
Battery : | – 6000mAh (10W) | – 5000mAh (10W) | – 4000mAh (15W) |
ขนาด : | – 164.5×75.9×9.8 มม. | – 159.43×76.77×8.92 มม. | – 161.4×76.3×8.0 มม. |
น้ำหนัก : | – 209 กรัม | – 190.5 กรัม | – 177 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM | – Dual SIM | – Dual SIM |
ระบบเครือข่าย : | – 3G : HSDPA 850/900/2100 MHz | – 3G : HSDPA 850/900/1900/2100 MHz | – 3G : HSDPA 850/900/1900/2100 MHz |
– 4G LTE | – 4G LTE | – 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac |
– Bluetooth 5.0 | – Bluetooth 4.0 | – Bluetooth 4.2 | |
– microUSB 2.0 | – microUSB 2.0 | – microUSB 2.0 | |
– 3.5mm jack | – 3.5mm jack | – 3.5mm jack | |
GPS : | – GPS | – GPS | – GPS |
– A-GPS | – A-GPS | – A-GPS | |
– Beidou | – Beidou | – Beidou | |
– Glonass | – Glonass | – Glonass | |
Sensor : | – Fingerprint | – Fingerprint | – Fingerprint |
– Accelerometer | – Accelerometer | – Accelerometer | |
– Proximity | – Proximity | – Proximity | |
– Compass | – Compass | – Compass | |
สี : | – Coral Red | – Agate Red | – Prism Black |
– Marine Blue | – Mineral Blue | – Blue Coral |
จุดเด่นของ realme C12 เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับ realme UI ใช้งานได้อย่างลื่นไหล หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ กระจก Corning Gorilla Glass 3 พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Helio G35 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz
ด้านหลังติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย 13MP (Main Sensor) + 2MP (Macro) + 2MP (Depth) มาพร้อมโหมด Nightscape สำหรับถ่ายภาพช่วงกลางคืนหรือช่วงแสงน้อยโดยเฉพาะ อัดแบตเตอรี่ไซส์ยักษ์มาให้ 6000mAh และสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 899 บาท เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจตามที่กำหนด
จุดเด่นของ Vivo Y11 ที่ดูเหมือนว่า Vivo Y11 จะเด่นกว่า realme C12 คงจะเป็นในส่วนของความละเอียดกล้องหน้า ที่มาพร้อมกล้องเซลฟี่คมชัด 8MP ค่ารูรับแสง f/1.8 ขณะที่ของ realme C12 จะมีความละเอียด 5MP
จุดเด่นของ Samsung Galaxy A11 มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ 13MP (Main Sensor) + 5MP (Ultra-Wide) + 2MP (Depth) กล้องหน้า 8MP รองรับชาร์จเร็ว 15W และมีขนาดที่บางเบากว่าเล็กน้อย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับบทความเปรียบเทียบ realme C12, Vivo Y11 และ Samsung Galaxy A11 ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ โดยสมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมสเปกการใช้งานที่ตอบโจทย์ และเมื่อดูจากสเปกข้างต้นก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าฝั่ง realme C12 จะมีจุดเด่นมากกว่าหลายอย่าง
อาทิ ขนาดหน้าจอ ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3, กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมเลนส์ Macro (แต่จะไม่มีเลนส์ Ultra-Wide เหมือนกับ Galaxy A11) และรองรับ Nightscape Mode, ความเร็วของชิปประมวลผล, แบตเตอรี่ความจุสูง และมีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่า เป็นต้น
ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่ที่ความชื่นชอบของเพื่อน ๆ แต่ละคนด้วย ว่าชอบรุ่นไหน จากแบรนด์ไหน และรุ่นไหนตอบโจทย์การใช้งานมากกว่ากัน เนื่องจากความชื่นชอบของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกัน แล้วเพื่อน ๆ ล่ะคะคิดว่ารุ่นไหนดูน่าซื้อใช้งาน พร้อมตอบโจทย์ตนเองมากกว่ากัน สามารถร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้เลยค่ะ 🙂
[realme-price]
[mobile-price]
Leave a Reply