พรีวิว realme 7 Pro ดีไซน์โฉมใหม่! ชาร์จเร็ว 65W กล้องหลัง 4 ตัว คมชัดสูง 64MP จอใหญ่ Super AMOLED
สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ ก็เปิดตัวออกมาแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทย สำหรับ realme 7 Pro ราคาจำหน่ายเพียง 10,990 บาท โดยเปิดให้พรีออเดอร์แล้วตั้งแต่วันนี้ – 24 กันยายน 2563 รับฟรี! กระเป๋าเป้ + VIP Card มูลค่ารวมกว่า 5,890 บาท พร้อมมีโปรโมชั่นร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, TrueMove H และ dtac เป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,990 บาทเท่านั้น
เบื้องต้น realme 7 Pro ชูสโลแกน “65W สู่การชาร์จที่เหนือขั้น” ใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge สามารถชาร์จเต็ม 100% ภายใน 34 นาที ส่วนเรื่องของความจุแบตเตอรี่ก็ไม่ต้องพูดถึงมาพร้อมความจุมากถึง 4500mAh
จัดเต็มหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ใช้งานได้อย่างเต็มตา อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องมากถึง 90.8% พร้อมฝังสแกนลายนิ้วมืออันฉับไวบนจอแสดงผล ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 720G นวัตกรรมการผลิตระดับ 8 นาโนเมตร มีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น
และเอาใจคนรักการถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง 4 ตัว เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX682 ความละเอียดสูงสุด 64MP มาครบทั้งเลนส์ Ultra Wide-Angle, Marco และ Portrait B&W กล้องมีระบบกันสั่นแบบ UIS และ UIS Max มีการอัปเกรดประสิทธิภาพโหมดความละเอียด 64MP พร้อม Starry Mode, Pro Nightscape Mode และ Ultra Nightscape Video ส่วนกล้องหน้าแบบ In-display มีความละเอียด 32MP พร้อมโหมด AI Beauty และโหมด Super Nightscape เซลฟี่สวยแม้แสงน้อย
มีลำโพงสตอริโอคู่ แบบกระจายเสียงรอบทิศ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ Hi-Res Certification รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยถาดใส่ซิมเป็นแบบ Triple Slot และตัวเครื่องดีไซน์แสงสะท้อนในธรรมชาติ ผ่านกรรมวิธีการผลิตโดยเทคโนโลยี AG เพิ่มความพรีเมียมให้แก่ฝาหลัง มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Mirror Silver และ Mirror Blue
อีกทั้งยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกด้วยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทุกด้านจาก TÜV Rheinland Smartphone Reliability ประเทศเยอรมันอีกด้วย ส่วนรูปลักษณ์ดีไซน์จะสวยงามแค่ไหนเราไปชมกันเลยค่ะ
เริ่มกันที่ตัวเครื่องของ realme 7 Pro ใช้ดีไซน์แรงบันดาลใจมาจากแสงสะท้อนในธรรมชาติรอบตัว มีความโดดเด่นสวยงาม แสงสะท้อนบนฝาหลังเป็นพื้นผิวแบบแผ่น CD แบบคลาสสิก ที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตด้วยเทคโนโลยี AG ทำให้ฝาหลังตัวเครื่องดูพรีเมียม โดยมีให้เลือก 2 สี คือ Mirror Blue และ Mirror Sliver
โดยตัวเครื่องมีความโค้งมนรับกับฝ่ามืออย่างพอดิบพอดี เครื่องบาง 8.7 มม. และน้ำหนักเบา 182 กรัม ไม่ใหญ่เทอะทะพกพาได้สะดวก ทั้งยังมีคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำจากภายในสู่ภายนอกตัวเครื่อง ที่มีระบบป้องกันถึง 3 ชั้นอีกด้วย
มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว พร้อมไฟแฟลช LED จัดวางในโมดูลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมีความโค้งมนดูลงตัว ด้านโหมดการถ่ายภาพมีการอัปเกรดประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น อาทิ โหมดความละเอียด 64MP ให้ภาพมีความคมชัดขึ้นสามารถสลับระหว่างโหมด AI และโหมด Pro ได้แบบทันที, โหมด Pro Nightscape สามารถปรับชัตเตอร์ ISO สมดุลแสงขาว และพารามิเตอร์อื่น ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย, โหมด AI Color Portrait ช่วยเพิ่มสีสัน และลูกเล่นให้กับวิดิโอ Portrait มากขึ้น
Night Filters มาพร้อมฟิลเตอร์กลางคืนยอดนิยม ช่วยเพิ่มความเก๋ให้แก่ภาพถ่ายช่วงกลางคืน, Starry Mode ใช้สำหรับเก็บภาพถ่ายดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนโดยเฉพาะ โดยใช้อัลกอริทึม AI เพื่อเพิ่มความคมชัด และความสว่างของดวงดาวอย่างชาญฉลาด เป็นต้น
ลำดับเลนส์กล้องด้านหลังของ realme 7 Pro มีดังนี้ค่ะ
• กล้องตัวที่ 1 : เลนส์ Ultra Wide-Angle ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.3 เก็บภาพมุมกว้าง 119 องศา ใช้จับภาพวิวทิวทัศน์ หรือแม้แต่กลุ่มคนจำนวนมากได้อย่างสะดวกสบาย
• กล้องตัวที่ 2 : เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX682 ความละเอียด 64MP ค่ารูรับแสง f/1.8 ตรวจจับแสงที่มีความแม่นยำสูงด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.73 นิ้ว และพิกเซล 1.6μm ทำให้ได้ภาพสวยคมชัดแม้ถ่ายในที่แสงน้อย
• กล้องตัวที่ 3 : เลนส์ Portrait B&W ความละเอียด 2MP ค่ารูรับแสง f/2.4 มีระบบฟิลเตอร์สีใหม่ช่วยให้ตรวจจับแสงได้กว้างขึ้นและดีขึ้น เพิ่มความต่างของภาพอย่างชัดเจน พร้อมสร้างภาพสไตล์ Retro และเพิ่มรายละเอียดให้กับภาพ Portrait
• กล้องตัวที่ 4 : เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP ค่ารูรับแสง f/2.4 รองรับการถ่ายภาพ Macro ในระยะใกล้ 4 ซม.
ในส่วนของหน้าจอ realme 7 Pro มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 ซึ่งมีคุณภาพและประสิทธิภาพดีกว่า และตอบสนองการใช้งานการสแกนลายนิ้วมือได้ไวขึ้น หากเทียบกับหน้าจอ LCD แบบเดิม ๆ จอสุดคมชัดด้วยความละเอียด Full HD+ หรือ 2400×1080 พิกเซล สัดส่วนหน้าจอตัวเครื่องอยู่ที่ 90.8% พร้อมให้ค่าความสว่างสูงสุด 600nits และมีช่วงสีถึง 98% NTSC
มาพร้อมกล้องหน้าแบบ In-display ความละเอียดสูง 32MP มีโหมด AI Beauty ปรับค่าสวยเนียนทันใจ และโหมด Super Nightscape ช่วยให้เซลฟี่สวยคมชัดทุกองศาแม้ถ่ายในที่แสงน้อยหรือแสงมืด
มาดูด้านข้างตัวเครื่องกันบ้าง เริ่มที่ฝั่งขวาจะมีปุ่มพาว์เวอร์สำหรับปิด-เปิด หรือรีสตาร์ทตัวเครื่อง
ส่วนฝั่งซ้าย ประกอบไปด้วย ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง และช่องใส่ถาดซิมการ์ด
โดย realme 7 Pro มีถาดใส่ซิมแบบ Triple Card Slot รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด พร้อมเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 256GB อีก 1 ช่อง หรือใช้ในรูปแบบ SIM 1 + SIM 2 + microSD Card นั่นเอง
ด้านบนตัวเครื่องพบแค่เพียงรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ส่วนด้านล่างมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., รูไมโครโฟน, ช่องเสียบพอร์ต USB Type-C และช่องลำโพงเสียง โดย realme 7 Pro มาพร้อมลำโพงสตอริโอคู่ กระจายเสียงรอบทิศ
นอกจากนี้ realme 7 Pro ยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทุกด้านจาก TÜV Rheinland Smartphone Reliability องค์กรอิสระด้านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมหลากประเภทซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย
โดยได้มีการทดสอบส่วนสำคัญ 22 ส่วน และส่วนอื่น ๆ อีก 38 ส่วน ถือได้ว่าครอบคลุมทุกฟังก์ชันการใช้งานในชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ พร้อมมีการอัปเกรดการทดสอบประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อให้กับสมาร์ตโฟน ให้ผู้ใช้งานได้เพลิดเพลินไปกับเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด และมีดีไซน์การออกแบบที่ทันสมัย
สเปกการใช้งานของ realme 7 Pro
– หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว อัตราส่วน 20:9
– ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล (Full HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับ realme UI
– CPU Snapdragon 720G แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz
– GPU Adreno 618
– RAM 6GB และ 8GB
– ROM 128GB และ 256GB
– microSD Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลัง 64MP + 8MP + 2MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/1.8 + f/2.3 + f/2.4 + f/2.4 พร้อม LED flash
– กล้องหน้าเลนส์คู่ 32MP ค่ารูรับแสง f/2.5
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้จอแสดงผล และสแกนใบหน้า
– รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4GHz, 5.0GHz, Bluetooth 5.0, USB Type-C, OTG
– แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh สนับสนุน 65W SuperDart Charge
– ขนาดตัวเครื่อง 160.9×74.3×8.7 มม.
– น้ำหนัก 182 กรัม
ทั้งนี้ realme 7 Pro มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Mirror Blue และ Mirror Silver ราคาจำหน่ายเพียง 10,990 บาท เพื่อน ๆ สามารถพรีออเดอร์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 24 กันยายน 2563 รับฟรี! กระเป๋าเป้ + VIP Card มูลค่ารวมกว่า 5,890 บาท
ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2563 เป็นต้นไป เพื่อน ๆ สามารถจับจองได้หลายช่องทาง อาทิ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ BaNANA, BKK, KingKongPhone, CSC, TG Fone, Jaymart, IT City ร้านค้าอีคอมเมิร์ซ Lazada, Shopee, Thisshop, JD Central และ realme Band Shop
พร้อมมีโปรโมชั่นร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, TrueMove H และ dtac ให้เป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,990 บาทเท่านั้น และยังผ่อน 0% นานสูงสุด 12 เดือนได้อีกด้วย
Leave a Reply