OPPO เปิดตัว ColorOS 11 พร้อมกันทั่วโลก กับการใช้งานบน Android 11 ครั้งแรก

OPPO เปิดตัว ColorOS 11 พร้อมกันทั่วโลก กับการใช้งานบน Android 11 ครั้งแรก

ColorOS 11

OPPO แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำ จัดงาน global launch เปิดตัว ColorOS 11 รูปแบบใหม่ผ่านทางการประชุมทางออนไลน์ พร้อมสร้างประวัติศาสตร์การเป็น OEMs แรกที่มอบการอัปเดต Android 11 รุ่นล่าสุดให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Make Life Flow” โดยฟีเจอร์ใน ColorOS 11 ยังคงฟีเจอร์ใน stock Android ที่ผู้ใช้ชื่นชอบ

รวมถึงมอบ UI ที่สามารถปรับแต่งได้ให้แก่ผู้ใช้ OPPO ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ นับว่าเป็นการเปิดตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากการประกาศการเปิดตัว Android 11 ของ Google แสดงถึงการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างสองบริษัทอย่าง OPPO และ Google เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจดจำวันเวลาในการเปิดตัวครั้งนี้ได้

Roll out_resize

อีกขั้นของการปรับแต่ง UI พร้อมปลดปล่อยความเป็นตัวตนของคุณ

ColorOS 11 มอบการปรับแต่ง UI ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และออกแบบการใช้งานให้แก่ตนเองได้ โดยผู้ใช้สามารถสร้าง Always-On Display, ธีม และ ภาพพื้นหลัง ให้มีสไตล์ตามที่ตนเองต้องการได้ รวมถึง ฟอนต์ ไอคอน และ เสียงเรียกเข้า ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ในเวอร์ชั่นรุ่นล่าสุดนี้ ยังได้พัฒนา Dark Mode ใน stock Android ด้วย color schemes 3 สี และระดับของคอนทราสต์ที่สามารถปรับระดับได้ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีฟีเจอร์ OPPO Relax 2.0 ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างมิกซ์เสียงอันผ่อนคลายในแบบฉบับของตนเองได้ อีกทั้ง ในฟีเจอร์นี้ยังมอบคอลเลคชั่นเสียงที่น่าหลงไหลจากเมืองต่างๆ ทั่วโลกด้วย

“การปรับแต่ง UI ของ ColorOS 11 นั้นพัฒนาจากความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์การใช้งานที่สามารถปรับแต่งได้มากขึ้นและไม่เหมือนใคร” Lynn Ni, OPPO ColorOS Design Project Lead กล่าว

“ทีม ColorOS ให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของผู้ใช้ ในการพัฒนาการปรับแต่ง UI ให้ดียิ่งขึ้น มอบประสบการณ์การปรับแต่งที่ครอบคลุมการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเราได้มอบพื้นที่ให้แก่ผู้ใช้ในการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และฝึกฝนการควบคุมโทรศัพท์ของผู้ใช้ได้”

1_resize

ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีมากกว่าที่เคย

ColorOS 11 มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่แข็งแกร่งที่จะช่วยให้การทำงานและการใช้ชีวิตของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยหนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญ คือ Three-Finger Translate หรือ การแปลภาษาโดยใช้เพียง 3 นิ้ว ซึ่งทำงานบน Google Lens โดยฟีเจอร์นี้ถือเป็นฟีเจอร์แรกที่ OPPO และ Google ได้พัฒนาร่วมกัน โดยฟีเจอร์นี้บันทึกและแปลภาษาผ่านทางการบันทึกหน้าจอง่ายๆ ด้วยการใช้นิ้วเพียงสามนิ้ว

Flexdrop  อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ ที่จะช่วยแก้ปัญหาการใช้งานหลากหลายแอปพร้อมกันได้อย่างเรียบง่าย โดยผู้ใช้สามารถดูวิดีโอและพิมพ์ข้อความได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากโดยเฉพาะในกลุ่มเกมเมอร์หรือกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการดูวิดีโอ นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่าง การควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ภายในบ้าน ผ่านเมนู Device Control ใหม่ แทนการดาวน์โหลดแอปใหม่ได้อีกด้วย

เพื่อเป็นการเพิ่มแบตเตอรีที่มีอยู่ให้ใช้งานได้อย่างยาวนานที่สุด  โหมดประหยัดพลังงานแบบใหม่นี้ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ถึง 6 แอปพลิเคชัน พร้อมใช้งานได้แม้ในสถานการณ์ที่แบตเตอรีต่ำ ในขณะเดียวกัน Battery Guard จะป้องกันความเสียหายจากการชาร์จเป็นเวลานาน ด้วยแรงดันไฟฟ้าที่ไม่เสถียรที่เรียนรู้จากการใช้งานของผู้ใช้ โดยจะหยุดชาร์จเมื่อระดับแบตเตอรี่ถึง 80% ในเวลากลางคืน ก่อนที่จะดำเนินการชาร์จต่อเพื่อให้ชาร์จเต็มตามเวลาที่ผู้ใช้ตื่นตอน

3_resize

ความไหลลื่นที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วย “Make Life Flow”

แม้ว่าอัตราเฟรมเรทที่สูง จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความก้าวหน้าในอุตสาหกรรม แต่มักจะพบกับปัญหาความล่าช้าหรือสะดุดในสมาร์ตโฟน  ด้วยเหตุนี้ ColorOS11 จึงได้เปิดตัว UI First 2.0 ซึ่งเป็นการรวมกลไกที่สามารถลดความล่าช้าด้วย Quantum Animation ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ OPPO ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มการใช้งาน RAM ได้ถึง 45% ปรับปรุงอัตราการตอบสนอง 32% และอัตราเฟรมเรทอยู่ที่ 17%

ในขณะเดียวกัน AI App Preloading จะเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อโหลดแอปที่ผู้ใช้ใช้บ่อยที่สุดล่วงหน้า ช่วยลดเวลาในการโหลดมากขึ้น นอกจากนี้ SuperTouch ยังช่วยระบุสถานการณ์ของผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาดพร้อมปรับความเร็วในการตอบสนองต่อการสัมผัสให้เหมาะสม เพื่อช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วของระบบให้ดีมากยิ่งขึ้น

2_resize

มุ่งเน้นถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากขึ้น

ColorOS 11 มาพร้อมตัวเลือกความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ของ Android 11 พร้อมสร้างการป้องกันความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมและฟีเจอร์ป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล โดยระบบป้องกันความเป็นส่วนตัว  จะสร้างระบบแยกขึ้นมาสองเวอร์ชั่น ซึ่งการทำงานของเวอร์ชั่นที่สองจะทำงานแยกกันกับเวอร์ชั่นที่หนึ่งหรือต้นฉบับ พร้อมเข้าถึงได้ด้วยการสแกนลายนิ้วมือและใบหน้าเท่านั้น

ทางลัดใหม่ไปยัง App Lock ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกแอปผ่านรหัสผ่านลายนิ้วมือหรือการยืนยันใบหน้าได้ นอกจากนี้ ในการอนุญาตการเข้าถึง ยังประกอบด้วย ระบบการอนุญาตการเข้าถึงชั่วคราวที่สามารถรีเซ็ตการเข้าถึงกล้อง ไมโครโฟน และตำแหน่งเมื่อปิดแอปได้

ในขณะเดียวกัน ระบบรีเซ็ตอัตโนมัติจะคืนการตั้งค่าการเข้าถึงของแอปกลับเป็นค่าเริ่มต้นหากไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน นอกจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้แอปที่เป็นอันตรายเข้าถึงข้อมูลของแอปอื่น จึงมีระบบจำกัดขอบเขตการเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ของแอปโดยจะขออนุญาตจากผู้ใช้เพื่อดำเนินการดังกล่าวก่อน
การเปิดตัวที่เร็วและกว้างที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ColorOS

สำหรับการเปิดตัว ColorOS 11 รุ่น beta นี้ ผู้ใช้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีสามารถมาค้นหาฟีเจอร์ใหม่ๆ พร้อมเสนอข้อคิดเห็นต่างๆ ให้แก่พวกเราได้ ซึ่งเวอร์ชั่นที่จะใช้อย่างเป็นทางการจะเปิดตัวต่อไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

โดย ColorOS  11 จะเริ่มเปิดให้ใช้งานโดยเริ่มจาก OPPO Find X2 Series และ OPPO Reno3 Pro ก่อน หลังจากนั้นจะเปิดให้ใช้งานไปยังสมาร์ตโฟนในซีรีส์ทั้ง OPPO Find, Reno, F, K และ A ดังนี้