LG เผยผลประกอบการประจำปี 2560 ผลกำไรแข็งแกร่ง และรายได้ประจำปีสูงสุดเท่าที่เคยมีมา

LG เผยผลประกอบการประจำปี 2560 ด้วยผลกำไรแข็งแกร่งและรายได้ประจำปีสูงสุดเท่าที่เคยมีมา นำโดยผลประกอบการจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและทีวีระดับพรีเมียม

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) เผยรายได้ทั้งปีประจำปี 2560 ที่ 55.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.72 ล้านล้านบาท) โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 เมื่อเทียบกับรายได้ประจำปีก่อนหน้านั้น และเป็นรายได้สูงสุดในประวัติการณ์ของทางบริษัท ผลกำไรตลอดปี 2560 มีมูลค่า 2.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6.91 หมื่นล้านบาท) ถือเป็นผลกำไรที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552

โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 จากปี 2559 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากยอดขายอันแข็งแกร่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและทีวีระดับพรีเมียม ทั้งนี้ ผลประกอบการประจำไตรมาส ที่ 4 ของปี 2560 เติบโตขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2559 คิดเป็น 15.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.74 แสนล้านบาท) ส่งผลต่อผลกำไรจากการดำเนินงานอันแข็งแกร่งที่มูลค่า 330.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.03 หมื่นล้านบาท)

กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ รายงานรายได้ทั้งปีประจำปี 2560 ที่ 17.34 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5.38 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปีก่อนหน้านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นความต้องการระดับสูงที่มีต่อผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม เช่น เครื่องซักผ้า TWINWash ตู้เย็น InstaView และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า

โดยรายได้ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2560 มีมูลค่า 3.91 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.21 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยยอดขายในเกาหลีที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบปีต่อปี อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานประจำไตรมาสลดลงเป็นมูลค่า 72.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.26 หมื่นล้านบาท)

เนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นของ LG SIGNATURE การลงทุนเชิงโครงสร้างพื้นฐานในอเมริกาเหนือ และรายจ่ายของการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและหุ่นยนต์ที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial In-telligence หรือ AI)

กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รายงานรายได้ทั้งปีที่มูลค่า 16.85 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5.22 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อนหน้า โดยมีรายได้จากการดำเนินงานตลอดทั้งปีที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 1.41 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.37 หมื่นล้านบาท) สะท้อน ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของความต้องการที่มีต่อผลิตภัณฑ์ทีวี LG OLED และ UHD ระดับพรีเมียม

ยอดขายประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2560 แข็งแกร่งด้วยอัตราที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบปีต่อปี คิดเป็น 4.94 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.53 แสนล้านบาท) เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของทีวีระดับพรีเมียมของแอลจี รายได้จากการดำเนินงานประจำไตรมาสดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 134 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 เป็น 345.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.07 หมื่นล้านบาท)

กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ ประกาศยอดขายตลอดทั้งปีที่ 10.52 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.26 แสนล้านบาท) แม้ว่าจะเผชิญกับตลาดที่ท้าทายและการแข่งขันที่รุนแรงของแบรนด์จากประเทศจีน รายได้ประจำไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้นเป็น 2.77 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8.59 หมื่นล้านบาท)

ในขณะที่ยอดการขาดทุนจากการดำเนินงานประจำไตรมาสได้ลดลงเหลือ 192.33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5.96 พันล้านบาท) เนื่องด้วยยอดขายอันแข็งแกร่งของ LG V30 และสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมรุ่นอื่นๆ รวมถึงโครงสร้างเชิงธุรกิจที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ประกาศยอดขายตลอดทั้งปีอันแข็งแกร่งที่ 3.15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9.77 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าราวร้อยละ 26 และมียอดขายประจำไตรมาสที่ 772.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท)

ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ผลกำไรประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ของทางบริษัทลดลงเนื่องจากยอดขายที่ลดลงชั่วคราวของธุรกิจอินโฟเทนเมนต์และการลงทุนในธุรกิจใหม่ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะทำให้เกิดความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อชิ้นส่วนยานยนต์ในปี 2561

ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในไตรมาสที่ 4 ของปี 2560

รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของแอลจี อีเลคทรอนิคส์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ IFRS (International Financial Reporting Standards) สำหรับช่วงสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2560 อยู่ที่ 31 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย)