10 เรื่องจริง iPhone 14 Series ที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ! เตรียมเปิดจองในไทย 9 ก.ย. นี้
ก็เปิดตัวออกมาแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ iPhone 14 Series สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดปี 2022 จาก Apple มีทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max โดยมาพร้อมสเปกการใช้งาน ฟีเจอร์ต่าง ๆ และกล้องที่ดีขึ้น
สำหรับบทความนี้เราจะขอเลือกนำเอา 10 เรื่องจริงของ iPhone 14 Series ที่เพื่อน ๆ ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ มาฝากให้ได้ชมกัน ส่วนจะมีรายละเอียดใดน่าสนใจบ้างนั้น เราไปชมกันเลยค่ะ
1. ครั้งแรกที่ไทยได้เลื่อนเป็น Tier 1 สำหรับวางจำหน่าย iPhone 14 Series
ข่าวดีสำหรับแฟน ๆ ชาวไทยเลยก็ว่าได้ที่ในปี 2022 นี้ ประเทศไทยได้เลื่อนเป็น Tier 1 (กลุ่มประเทศแรก) ที่ได้วางจำหน่าย iPhone 14 Series แม้ว่าปีก่อน ๆ จะเริ่มวางขายช้ากว่าประเทศต่าง ๆ
โดยทาง Apple จะเปิดให้สั่งซื้อ iPhone 14 Series ล่วงหน้า วันที่ 9 กันยายน 2022 เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น. และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 16 กันยายน 2022 เป็นต้นไป
สำหรับ iPhone 14, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ส่วนรุ่น iPhone 14 Plus จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2022 เป็นต้นไป
ส่วนรายชื่อประเทศที่ทาง Apple ระบุว่าอยู่ใน Tier 1 ได้แก่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สิงคโปร์, สเปน, ไทย, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และอีก 30 ประเทศ
2. ปีนี้ไม่มีรุ่น mini นะจ๊ะ!
ในปีนี้ทาง Apple ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนใหม่ทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max โดยเปลี่ยนแปลงไปด้วยการไม่มีรุ่น mini แต่จะเป็นการเพิ่มรุ่น Plus เข้ามาแทน
3. iPhone 14 Series มีหน้าจอ 2 ขนาด รุ่น Pro จอจะล้ำขึ้น!
iPhone 14 ใช้หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว, iPhone 14 Plus ขนาด 6.7 นิ้ว, iPhone 14 Pro ขนาด 6.1 นิ้ว และ iPhone 14 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว
ซึ่งจะพิเศษสำหรับรุ่น Pro และ Pro Max ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ProMotion จอภาพแบบติดตลอด แต่เมื่อวาง iPhone คว่ำหน้าลง หรือเก็บในกระเป๋า หน้าจอก็จะมืดลงเพื่อประหยัดแบตเตอรี่
และดีไซน์รูบนจอมีลูกเล่นใหม่กับเทคโนโลยี Dynamic Island สามารถแสดงผลการแจ้งเตือน กิจกรรมต่าง ๆ ในรูปแบบใหม่ อาทิ แสดงเปอร์เซ็นแบตเตอรี่, การควบคุมต่าง ๆ และมีแอนิเมชันย่อขยายได้ตามการใช้งาน เป็นต้น
อีกทั้งยังรองรับ Refresh Rate ระดับสูง 120Hz มาพร้อมฟีเจอร์ Always-on Display และมีค่าความสว่างสูงสุดถึง 2,000 nits (เมื่ออยู่กลางแจ้ง) หรือสว่างกว่า iPhone 13 Pro ถึงสองเท่าอีกด้วย
4. ใช้ชิปประมวลผลที่แตกต่างกัน
โดย iPhone 14 และ iPhone 14 Plus จะขับเคลื่อนด้วยชิป A15 Bionic แบบ 6 คอร์ และ GPU 5 คอร์ ที่ได้รับการปรับปรุงให้เทียบเท่ากับของ iPhone 13 Pro
ขณะที่ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ขับเคลื่อนด้วยชิป A16 Bionic ใหม่ล่าสุด แบบ 6 คอร์ และ GPU 5 คอร์ พร้อมประสิทธิภาพสูง 2 คอร์ และประหยัดพลังงานสูง 4 คอร์
แบนด์วิดท์หน่วยความจำมากขึ้นถึง 50% เหมาะกับการเล่นเกม และแอปฯ ที่เน้นกราฟิก สามารถทำงานได้เร็วขึ้น รับมือกับงานที่ประมวลผลหนัก ๆ ได้สบาย ทั้งยังมี Neural Engine แบบ 16 คอร์ใหม่ ที่สามารถประมวลผลได้เกือบ 17 ล้านล้านรายการต่อวินาทีอีกด้วย
5. หน่วยความจำ และระบบปฏิบัติการ
สำหรับ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มาพร้อม RAM 6GB มีให้เลือก 3 ความจุ ได้แก่ 128GB, 256GB และ 512GB
ส่วนรุ่น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มาพร้อม RAM 6GB มีให้เลือก 4 ความจุ ได้แก่ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB
โดยทุกรุ่นมาพร้อม iOS 16 ที่มีความสามารถใหม่ ๆ มีคุณสมบัติด้านการติดต่อสื่อสาร การแชร์ และคุณสมบัติอันชาญฉลาดแบบใหม่ หน้าจอล็อคจะมีความเฉพาะตัว สวยงาม
และให้ประโยชน์ได้มากขึ้นกว่าที่เคย พร้อมด้วยเอฟเฟ็กต์แบบหลายระดับชั้นที่ทำให้ตัวแบบโดดเด่นอย่างสวยงามอยู่ด้านหน้าเวลาที่แสดงบนหน้าจอ เป็นต้น
6. Emergency SOS ฟีเจอร์ใหม่! ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม
iPhone 14 Series ทุกรุุ่น มาพร้อม Emergency SOS คุณสมบัติด้านความปลอดภัยสุดล้ำ ที่สามารถให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินในเวลาที่สำคัญที่สุด ด้วยอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบ Dual-Core ที่สามารถตรวจวัดแรง G ได้สูงสุดถึง 256 พร้อมด้วยไจโรสโคปที่มีช่วงไดนามิกสูง
ทำให้สามารถตรวจจับเหตุรถชนอย่างรุนแรง และจะโทรหาบริการฉุกเฉิน พร้อมกับแจ้งเตือนผู้ที่อยู่ในรายชื่อติดต่อฉุกเฉินโดยอัตโนมัติทันที รองรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมในกรณีฉุกเฉิน แม้อยู่ในที่ไม่มีสัญญาณ
7. ดีไซน์สุดแข็งแกร่ง
iPhone 14 Series มาพร้อมคุณสมบัติด้านความทนทานระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ด้วยตัวเครื่องด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ที่แข็งแกร่งกว่ากระจกไหน ๆ บนสมาร์ตโฟน ตัวเครื่องกันน้ำและฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68
โดย iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มาพร้อมอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ตัวเครื่องมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ ฟ้า, ม่วง, มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และแดง
ขณะที่ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield สแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ม่วงเข้ม, ทอง, เงิน และดำสเปซแบล็ค
8. กล้องระดับโปรที่เหนือชั้นไปอีกระดับ
iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มาพร้อมกล้องหลังคู่ความละเอียด 12MP (กล้องหลัก และอัลตร้าไวด์) รองรับ Optical Zoom ได้ 2 เท่า และ Digital Zoom สูงสุด 5 เท่า
กล้องได้รับการปรับปรุงใหม่ สามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น รองรับ Night Mode ที่จะทำงานอัตโนมัติในฉากที่มืด ทำให้ภาพสว่างคมชัดมากขึ้น รองรับการบันทึกวิดีโอระดับสูงสุด 4K
ขณะที่ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max กล้องหลักปรับปรุงเพิ่มความละเอียดเป็น 48MP ใหม่ ความละเอียดเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า และขนาดเซ็นเซอร์แบบ Quad-Pixel ใหญ่ขึ้น 65% เมื่อเทียบกับ iPhone 13 Pro
กล้องหลัก 48MP มีประสิทธิภาพดีขึ้นสูงสุด 2 เท่า กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP พิกเซลขนาด 1.4 µm ดีขึ้นสูงสุด 3 เท่า ให้ภาพที่คมชัดกว่าเดิมพร้อมด้วยรายละเอียดที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น
ทำให้การถ่ายภาพมาโครที่ดีอยู่แล้วยิ่งดีขึ้นไปอีก กล้องเทเลโฟโต้ดีขึ้นสูงสุด 2 เท่า รองรับการซูมแบบออปติคัล 3 เท่า และรองรับการบันทึกวิดีโอระดับสูงสุด 4K
พร้อมประโยชน์จากการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์อันทรงพลัง เช่น โหมดกลางคืน, HDR อัจฉริยะ 4, โหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมด้วยคุณสมบัติการจัดแสงภาพถ่ายบุคคล, ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน, คุณสมบัติสไตล์ภาพถ่ายที่ช่วยปรับลุคของทุกภาพในแบบที่ผู้ใช้ต้องการ และ Apple ProRAW
ส่วนกล้องหน้าแบบ TrueDepth คมชัด 12MP พร้อม Retina Flash และรองรับ Auto Focus สามารถถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น 2 เท่า
9. eSIM ความสามารถด้านเซลลูลาร์ และ 5G ที่ทรงพลัง
Apple ให้ผู้ใช้งาน iPhone 14 Series สามารถอัปโหลด และดาวน์โหลดได้เร็วสุดแรง สตรีมได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น และสามารถเชื่อมต่อเรียลไทม์ด้วย 5G
โดยมีการขยายครอบคลุมพันธมิตรผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์กว่า 250 ราย ที่อยู่ในตลาดมากกว่า 70 แห่งทั่วโลก พร้อมรองรับการทำงานเพิ่มเติมบนเครือข่ายแบบ Stand Alone หลายแห่ง
พร้อมรองรับ eSIM ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ หรือถ่ายโอนแผนบริการที่มีอยู่เดิมในแบบดิจิทัลได้สะดวกรวดเร็ว ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าซิมการ์ดปกติทั่วไป และสามารถรองรับแผนบริการเซลลูลาร์ได้หลายรูปแบบบนอุปกรณ์เครื่องเดียวอีกด้วย
ซึ่งรุ่นที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกานั้นถูกยกเลิกใช้ถาดใส่ซิมการ์ดแบบเดิมไปแล้วค่ะ ทำให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าอุปกรณ์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
10. แบตเตอรี่ใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดวัน
แบตเตอรี่ของ iPhone 14 Series ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น โดย iPhone 14 เล่นวิดีโอได้สูงสุด 20 ชั่วโมง เล่นเสียงได้สูงสุด 80 ชั่วโมง ส่วน iPhone 14 Plus เล่นวิดีโอได้สูงสุด 26 ชั่วโมง เล่นเสียงได้สูงสุด 100 ชั่วโมง
ขณะที่ iPhone 14 Pro เล่นวิดีโอได้สูงสุด 23 ชั่วโมง เล่นเสียงได้สูงสุด 75 ชั่วโมง และ iPhone 14 Pro Max เล่นวิดีโอได้สูงสุด 29 ชั่วโมง เล่นเสียงได้สูงสุด 95 ชั่วโมง
ราคาวางจำหน่าย iPhone 14 Series ในประเทศไทย
ความจุ | iPhone 14 | iPhone 14 Plus | iPhone 14 Pro | iPhone 14 Pro Max |
128GB | 32,900.- | 37,900.- | 41,900.- | 44,900.- |
256GB | 36,900.- | 41,900.- | 45,900.- | 48,900.- |
512GB | 45,900.- | 50,900.- | 54,900.- | 57,900.- |
1TB | – | – | 63,900.- | 66,900.- |
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ 10 เรื่องจริงของ iPhone 14 Series ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งหากเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจก็สามารถไปจับจองกันได้ที่ Apple Store Thailand ในวันที่ 9 กันยายน 2022 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.apple.com
Leave a Reply