iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว ไอแพด โปร ราคา
iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว ราคา 22,900 บาท (รุ่น WiFi 32GB), 26,900 บาท (รุ่น WiFi 128GB), 30,900 บาท (รุ่น WiFi 256GB), 27,900 บาท (รุ่น Wi-Fi + Cellular 32GB), 31,900 บาท (รุ่น Wi-Fi + Cellular 128GB), 35,900 บาท (รุ่น Wi-Fi + Cellular 256GB) (ณ วันที่ 5 ก.พ. 62)
iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว มีสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ 1.สีเงิน 2.สีทอง 3.สีเทาสเปซเกรย์ 4.สีโรสโกลด์
iPad Pro คอมพิวเตอร์ที่จะปฏิวัติคอมพิวเตอร์วันนี้มาในสองขนาด
– iPad Pro เป็นมากกว่าแค่ iPad เจเนอเรชั่นถัดไป เพราะนี่คือวิสัยทัศน์ของการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสำหรับโลกยุคใหม่อย่างแท้จริงตั้งแต่การนำขุมพลังที่แรงเหนือชั้นกว่า PC แบบพกพาโดยส่วนใหญ่มาอยู่ที่ปลายนิ้วคุณไปจนถึงการทำให้งานที่สลับซับซ้อนต่างๆ มีความเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากการใช้นิ้วสัมผัส ปัด หรือเขียนด้วยดินสอ
และไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่น 12.9 นิ้ว หรือรุ่น 9.7 นิ้วใหม่ iPad Pro ก็ยังคงสามารถ อเนกประสงค์ และสะดวกในการพกพายิ่งกว่าอุปกรณ์ไหนๆ ที่เคยมีมา บทสรุปสั้นๆ ของทั้งหมดนี้เลยก็คือiPad Pro กำลังจะปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ใหม่หมดนั่นเอง
– iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว จอภาพสุดอลังการที่จะเปลี่ยนงานสลับซับซ้อนให้กลายเป็นประสบการณ์ที่เต็มอิ่มสมจริงทุกรายละเอียด
– iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว พกพาสะดวกเหลือเชื่อ พร้อมด้วยการผสมผสานที่ลงตัวของประสิทธิภาพและความอเนกประสงค์ในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน
จอภาพ Retina
– การแสดงผลเยี่ยมๆของความล้ำหน้า หัวใจสำคัญของประสบการณ์การใช้งาน iPad ก็คือจอภาพไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบโดยใช้ Multi-Touch หรือการรับชมคอนเทนต์ในรายละเอียดอันน่าทึ่ง เราจึงสร้างจอภาพ Retina ที่สดใสสวยงามที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมา โดย iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว มีความละเอียดสูงที่สุดในบรรดาอุปกรณ์ iOS ในขณะที่ iPad Pro รุ่น 9.7นิ้วใหม่ มาพร้อมหน้าจอที่สว่างที่สุดและสะท้อนแสงน้อยที่สุดในโลก ซึ่งถือว่าเป็นจอภาพที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมาเลยทีเดียว
– มาตรฐานสีสูงพอๆ กับฮอลลีวูด จอภาพของ iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว ใช้มาตรฐานสีเหมือนกับที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ดิจิตอล และขอบเขตสีที่กว้างขึ้นนี้เองก็คือสิ่งที่ทำให้ iPad Pro มีความอิ่มตัวของสีมากกว่า iPadรุ่นก่อนๆ ถึง 25% สีสันที่ถ่ายทอดออกมาจึงสดใสสมจริงมีชีวิตชีวา และดึงดูดยิ่งกว่าที่เคย
– เห็นสิ่งต่างๆในแสงที่ดีที่สุด ไม่ว่าแสงจะเป็นแบบไหน ผู้คนชอบใช้ iPad ในที่ต่างๆ ที่หลากหลาย และนั่นก็คือเหตุผลที่ iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้วใหม่มาพร้อมจอภาพแบบTrue Tone ซึ่งใช้เซ็นเซอร์วัดแสงสว่างรอบข้างแบบ4 ช่องสัญญาณอันล้ำสมัยเพื่อปรับสีและความสว่างของจอภาพให้ตรงกับสภาพแสงโดยรอบได้อย่างอัตโนมัติคราวนี้คุณก็สามารถอ่านได้อย่างเป็นธรรมชาติและสบายตายิ่งขึ้น จนแทบจะเหมือนกับการอ่านบนกระดาษจริงๆ ยังไงยังงั้น
ระบบเสียง 4 ลำโพง
– จะแนวตั้งหรือแนวนอน ก็เต็มๆ คุณภาพเสียงในทุกแนว iPad Pro มาพร้อมลำโพงที่ให้เสียงคมชัดทุกมุม จึงสามารถสร้างมิติเสียงที่ครอบคลุมกว้างขวาง และชัดเจนในทุกรายละเอียดนอกจากนี้ยังสามารถปรับทิศทางของเสียงแหลมให้ออกมาที่ลำโพงคู่บนโดยอัตโนมัติไม่ว่าในขณะนั้นคุณจะถือเครื่องในแนวตั้งหรือแนวนอน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะกำลังเล่นเกมหรือดูหนัง ทั้งคุณและหูของคุณก็จะได้สัมผัสกับเสียงที่กระหึ่มสมจริง
ชิพ A9X
– เร็วกว่าแล็ปท็อปความเร็วสูง ชิพ A9X แบบ 64 บิต ช่วยให้ iPad Pro สามารถจัดการกับงานต่างๆ ที่แต่เดิมต้องเก็บไว้ทำบนเวิร์กสเตชั่นหรือ PC เท่านั้นได้สบายๆ ซึ่งก็รวมถึงงานที่คุณไม่เคยคิดจะทำบน PC เลยด้วยซ้ำและถึงแม้จะแรงทะลุทุกขีดจำกัดขนาดนี้ แต่สถาปัตยกรรมของชิพ A9X ก็ยังคงประหยัดพลังงาน ให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง10 ชั่วโมง1 ชิพ A9X โปรเซสเซอร์ร่วม M9 แบตเตอรี่ ใช้งานสูงสุด10 ชม.
– การทำงานที่เร็วขึ้น ชิพ A9X มาพร้อมการตอบสนองสุดฉับไวด้วย CPU ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า iPad Air 2 ถึง 1.8 เท่าถึงแม้จะเป็นงานที่สลับซับซ้อนอย่างเช่น การตัดต่อวิดีโอ 4Kก็สามารถทำได้รวดเร็วทันใจด้วยความลื่นไหลชนิดหาตัวจับยาก
– การเล่นที่สวยน่าทึ่งยิ่งขึ้น iPad Pro มาพร้อมกับประสิทธิภาพ กราฟิกที่แรงขึ้นอีก 2 เท่าเมื่อเทียบกับ iPad Air 2 จึงสามารถเรนเดอร์ภาพที่มีรายละเอียดสูงมากๆ ภาพเคลื่อนไหวที่ไหลลื่น และเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ได้อย่างสมจริงจนยากที่คุณจะถอนตัวจากแอพและเกมสุดโปรดตรงหน้า
– พลิกเกมไปอีกขั้น Metal ดึงประสิทธิภาพของ CPU และกราฟิกออกมาใช้อย่างเต็มที่ในระดับที่ยากจะหาใครเทียบ จึงไม่แปลกที่นักพัฒนาจะสามารถออกแบบเกมสไตล์คอนโซลที่มอบประสบการณ์เต็มอิ่มเหนือจินตนาการและแอพที่เร็วสุดยอดได้ยิ่งกว่าเดิม
– AutoCAD 360
– AG Drive
– GarageBand
– Concepts: Smarter Sketching, Design & CAD for Architecture & Illustration
– Canva – Graphic Design & Photo Editing
Smart Keyboard สำหรับ iPad Pro
– พิมพ์บนคีย์บอร์ดรูปแบบใหม่ที่ใหม่จริงๆ ไม่ว่าคุณจะเลือก iPad Pro รุ่นไหน ก็มั่นใจได้ว่ามี Smart Keyboard ที่เข้ากับรุ่นนั้นได้พอดี2โดยเราได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ และวัสดุหลายชนิดมาผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวเพื่อสร้างเป็นคีย์บอร์ดแบบพกพาที่บางเหลือเชื่อ อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นปก iPad ที่แข็งแรงทนทานแต่มีน้ำหนักเบาได้อีกด้วยและที่จะลืมไม่ได้ก็คือ Smart Connector ที่ช่วยให้คุณไม่ต้องต่อสาย จับคู่ หรือเสียบปลั๊กให้ยุ่งยาก เพียงแค่ต่อเข้าด้วยกันก็เริ่มพิมพ์ได้เลยทันที
สำหรับหลายๆ คนแล้ว คีย์บอร์ดยังคงเป็นวิธีที่แสนสะดวกในการบันทึกความคิดหรือทำงาน Smart Keyboard สำหรับ iPad Proที่มีมาให้เลือกทั้งในรุ่น 9.7 นิ้ว และรุ่น 12.9 นิ้ว นั้นมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำที่จะปลดปล่อยคุณจากการกดสวิตช์ เสียบปลั๊ก หรือแม้แต่การจับคู่อุปกรณ์ แล้วนี่แหละก็คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างประโยชน์ใช้สอยและความสะดวกในการพกพา*
– ใช้ก็ง่าย ส่วนเรื่องพกพา ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก เพียงแค่กาง Smart Keyboard ออกเมื่อต้องการใช้ จากนั้นเมื่อไม่ต้องการก็แค่พับเก็บเพื่อเป็นปกที่ทั้งบางและเบา และดีไซน์ที่สวยงามเรียบหรูนี้ยังทนทานพอให้คุณใช้งานได้ในทุกๆ วันอีกด้วย แม้จะแก้งานซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นครั้งที่ 23 ก็ตาม
– ปุ่มลัดที่ปลายนิ้วของคุณ ด้วยความที่ iOS 9 ทำงานร่วมกับ Smart Keyboard ได้อย่างไร้รอยต่อจึงถือเป็นการเพิ่มคุณสมบัติ QuickType ที่มีประโยชน์มากให้กับ iPad Pro ของคุณ
– แถบปุ่มลัดบนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตัวหนา ตัวเอียง ขีดเส้นใต้ หรือจะคัดลอกและวางก็สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้ง นอกจากนี้คุณยังสามารถปรับแต่งแถบปุ่มลัดบนหน้าจอเพื่อใช้งานร่วมกับแอพของบริษัทอื่นได้ด้วย ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าเครื่องมือที่ใช่จะพร้อมให้คุณใช้งานในเวลาที่ต้องการเสมอ
– ปุ่มลัดบนคีย์บอร์ด ใช้งานคำสั่งต่างๆ ที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าเดิมบน iPad Pro เช่น การสลับไปมาระหว่างแอพ หรือเรียกใช้การค้นหาผ่านปุ่มลัดที่คุ้นเคยบน Smart Keyboard และยังสามารถโต้ตอบกับแอพของคุณโดยใช้ปุ่มลัดแบบกำหนดเองที่มาพร้อมกับแอพนั้นๆ ได้อีกด้วย เพียงกดปุ่ม Command ค้างไว้เพื่อเรียกดูปุ่มลัดต่างๆในแต่ละแอพที่รองรับคุณสมบัตินี้
– ไม่ต้องเสียบปลั๊กไม่ต้องมีสวิตช์ไม่ต้องจับคู่ Smart Connector สามารถรับส่งได้ทั้งข้อมูลและกระแสไฟระหว่าง iPad Proกับ Smart Keyboard โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือชาร์จไฟ เพียงแค่ต่อ Smart Keyboard เข้ากับ iPad Pro ก็เริ่มพิมพ์ได้เลยทันที และเมื่อถอดออก คีย์บอร์ดบนหน้าจอก็จะปรากฏขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ
– การสื่อสารที่ทรงพลัง ชาร์จด้วยวิธีใหม่หมด เราสร้างสรรค์ผ้าแบบพิเศษซึ่งมีคุณสมบัตินำสัญญาณและกระแสไฟสำหรับการจ่ายไฟและรับส่งข้อมูลสองทาง เพื่อให้ใช้ประโยชน์จาก Smart Connectorได้อย่างเต็มที่ โดยผ้าชนิดนี้จะอยู่ระหว่างโพลียูรีเทนชั้นนอกที่ทำหน้าที่ปกป้องตัวคีย์บอร์ดกับไมโครไฟเบอร์อันอ่อนนุ่มที่บุไว้ด้านใน แล้วทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งต่างๆที่ทำให้ Smart Keyboard เป็นคีย์บอร์ดที่ล้ำหน้าเกินคำว่ามาตรฐานไปไกลนั่นเอง
– คือนวัตกรรมที่แทรกซึมในทุกๆ ส่วน สิ่งที่แตกต่างจากคีย์บอร์ดทั่วไปก็คือการที่ไม่มีช่องอยู่ระหว่างปุ่มให้คุณต้องระวังเศษขนมหรือกาแฟหกใส่ เพราะปุ่มต่างๆ เกิดจากการใช้เลเซอร์ตัดเพื่อให้เกิดเป็นรูปทรงของปุ่มลงบนผ้าผืนเดียวที่มีความทนทานสูงซึ่งถักทอขึ้นมาโดยเฉพาะ และเนื้อผ้านี้เองคือสิ่งที่ทำให้ปุ่มทุกปุ่มมีความตึงเหมือนสปริง ซึ่งได้เข้ามาทดแทนกลไกเทอะทะแบบเดิมๆ ที่เราเคยใช้กันนอกจากนั้น ยังมีการเคลือบผิวผ้าเพื่อให้ทนต่อคราบและน้ำอีกด้วย
Apple Pencil สำหรับ iPad Pro
– ชัดเจนว่าคุ้นเคยชัดเลยว่าปฏิวัติทุกอย่างใหม่หมด ทันทีที่คุณหยิบ Apple Pencil ขึ้นมา ก็จะสัมผัสได้ถึงการตอบสนองที่รวดเร็วฉับไว2โดย Apple Pencil สามารถรับรู้ได้ทั้งการเอียงและแรงกด คุณจึงสามารถขีดเขียนลวดลายศิลปะได้มากมายหลายแบบ และ Apple Pencilยังมาพร้อมความแม่นยำที่ลึกลงไปถึงระดับพิกเซล แล้วโอกาสแห่งความเป็นไปได้ใหม่ๆในการสร้างสรรค์ก็กำลังจะเริ่มต้นที่นี่
เซ็นเซอร์วัดการเอียงสองตัวที่อยู่ในปลายของ Apple Pencil จะคำนวณแนวทิศทางและมุมของมือคุณอย่างแม่นยำ ในขณะที่คุณเขียนหรือวาดตามปกติจอภาพ Multi-Touch จะตรวจจับตำแหน่งที่สัมพันธ์กันของเซ็นเซอร์ต่างๆ คุณจึงสามารถสร้างเอฟเฟ็กต์แรเงาได้ง่ายๆ ด้วยการเอียง Apple Pencil เหมือนกับที่คุณวาดด้วยดินสอถ่านหรือดินสอธรรมดาๆ
– เพิ่ม Apple Pencil ลบขีดจำกัด ถึงคุณจะไม่เคยเห็น Apple Pencil มาก่อน แต่คุณก็รู้วิธีใช้อยู่แล้ว เมื่อได้ลองใช้ครั้งแรกคุณจะรู้ว่า Apple Pencil นั้นทำสิ่งต่างๆ ได้ตามคาด แต่เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ คุณจะรู้ว่าทำอะไรๆ ได้ยิ่งกว่านั้นมาก ไม่ว่าคุณจะนั่งสเก็ตช์ภาพอยู่ในสวน วาดภาพคนด้วยสีน้ำ หรือจะร่างพิมพ์เขียว Apple Pencil ก็รวมหลากหลายเครื่องมือไว้ให้คุในด้ามนี้ด้ามเดียว และคุณเองก็เป็นผู้ควบคุม แทนที่เครื่องมือจะมาคุมการใช้งานของคุณ
– ตอบสนองฉับไว ลื่นไหลแบบที่ไม่เคยรู้สึก สิ่งที่ทำให้ Apple Pencil โดดเด่นแตกต่างจากเครื่องมือสำหรับการสร้างสรรค์อื่นๆ ก็คือการตอบสนองที่รวดเร็วฉับไว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่อัตราความหน่วง หรือความล่าช้าเล็กน้อยที่เกิดขึ้นระหว่างเวลาที่คุณเริ่มวาดกับเวลาที่สิ่งนั้นปรากฏบนหน้าจอนั้นลดลงจนถึงระดับที่คุณแทบจะไม่รู้สึก
iPad Pro จะรู้ว่าคุณใช้นิ้วหรือใช้ Apple Pencil อยู่โดยเมื่อ iPad Pro รับรู้ถึงการใช้ Apple Pencil ระบบซับซิสเต็มจะสแกนสัญญาณอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อที่ 240 ครั้งต่อวินาที ซึ่งทำให้รับจุดข้อมูลได้มากกว่าการใช้งานด้วยนิ้วตามปกติถึงสองเท่า ด้วยการผนึกกำลังกันของข้อมูลนี้กับซอฟต์แวร์ที่ออกแบบโดย Apple ภาพที่คุณคิดในหัวกับที่ภาพคุณเห็นบนจอจึงจะต่างกันแค่เพียงไม่กี่มิลลิวินาทีเท่านั้นเอง
– วาดเส้นน้ำหนักไหนก็ได้ แค่ออกแรงกดตามนั้น ภายในตัวด้ามที่เพรียวบางประกอบด้วยเซ็นเซอร์แรงกดที่ละเอียดซับซ้อนและแม่นยำซึ่งสามารถวัดน้ำหนักของแรงกดได้หลากหลาย เซ็นเซอร์ที่จัดวางตำแหน่งมาอย่างรอบคอบจะสามารถระบุได้อย่างแม่นยำว่าคุณลงน้ำหนักที่ปลายของ Apple Pencil มากแค่ไหน
โดยคุณสามารถกดหนักๆ เพื่อวาดเส้นให้หนาขึ้น หรือจะแตะเบาๆ เพื่อวาดเส้นที่บางราวกับเส้นผมก็ทำได้จะเห็นได้เลยว่าคุณสามารถสรรค์สร้างเอฟเฟ็กต์ต่างๆได้หลากหลายไม่สิ้นสุดซึ่งก็แน่นอนว่าหมายถึงความคิดสร้างสรรค์ในตัวคุณเช่นกัน
– แรเงาได้ตามการเอียงมือของคุณ เซ็นเซอร์วัดการเอียงสองตัวที่อยู่ในปลายของ Apple Pencil จะคำนวณแนวทิศทางและมุมของมือคุณอย่างแม่นยำ ในขณะที่คุณเขียนหรือวาดตามปกติจอภาพ Multi-Touch จะตรวจจับตำแหน่งที่สัมพันธ์กันของเซ็นเซอร์ต่างๆ คุณจึงสามารถสร้างเอฟเฟ็กต์แรเงาได้ง่ายๆ ด้วยการเอียง Apple Pencil เหมือนกับที่คุณวาดด้วยดินสอถ่านหรือดินสอธรรมดาๆ
– ไม่ต้องเกร็ง วางมือลงบนจอได้เลย iPad Pro ได้รับการออกแบบมาพร้อมเทคโนโลยีตัดการรับสัญญาณจากมือ จึงทำให้สามารถพักมือบนหน้าจอ iPad ได้ในขณะที่ใช้ Apple Pencil คราวนี้คุณก็สามารถจดจ่อกับการวาดลวดลายละเอียดๆได้อย่างแม่นยำที่สุดโดยไม่ต้องกังวลกับท่าทางการวางแขน
– แบตเตอรี่ยาวนาน 12 ชั่วโมง ชาร์จไอเดียดีๆ ได้จนเต็ม เมื่อดึงปลอกแม่เหล็กของ Apple Pencil ออก ก็จะพบกับหัวต่อ Lightning ที่ให้คุณชาร์จ Apple Pencil ได้ง่ายๆ เพียงแค่เสียบเข้ากับช่องต่อของ iPad Pro และหัวต่อนั้นยังมีรูปทรงที่ยาวกว่าปกติเล็กน้อย จึงสามารถเสียบชาร์จได้ถึงแม้ว่า iPad Pro จะใส่เคสซิลิโคนอยู่ก็ตาม
ซึ่งเมื่อชาร์จเต็มคุณก็จะขีดเขียน สเก็ตช์ จดบันทึก และปรับแก้นู่นนี่ได้นานถึง 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว1และหากแบตเตอรี่หมดขณะกำลังใช้ Apple Pencil อยู่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะเพียงชาร์จกับ iPad Pro แค่ 15 วินาที ก็สามารถใช้งานได้นานถึง 30 นาที2ชาร์จ 15 วินาที แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 30 นาที
– เครื่องมือที่สมบูรณ์แบบสำหรับศิลปินทุกแขนง ด้วยความแม่นยำและความอเนกประสงค์ ทำให้ Apple Pencil เป็นเครื่องมือที่ศิลปินต่างๆสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเป็นธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่มักจะทำงานด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมด้วย มาดูกันว่า Apple Pencil จะช่วยถ่ายทอดผลงานศิลปะของพวกเขาให้ออกมามีชีวิตชีวาได้อย่างไร
– สร้างสรรค์โดย Hvass และ Hannibal คู่หูดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก Hvass และ Hannibal เห็นพ้องต้องกันว่า Apple Pencil คืออุปกรณ์ที่เหมาะกับการวาดภาพลวดลายสุดแปลกตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทั้งคู่อย่างไม่ต้องสงสัย “เราประหลาดใจมากที่มันให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังวาดภาพด้วยกระดาษกับปากกาจริงๆ
แต่มาในรูปแบบดิจิตอลที่สามารถปรับแก้และเปลี่ยนแปลงงานได้เรื่อยๆ และนอกจากจะให้ความรู้สึกที่เยี่ยมมากเวลาสเก็ตช์อะไรง่ายๆ แล้วยังสามารถใช้วาดภาพที่เต็มไปด้วยรายละเอียดได้ดีไม่แพ้กัน”
– สร้างสรรค์โดย Claudine O’Sullivan ศิลปินชาวไอร์แลนด์ Claudine O’Sullivan ใช้ชุดสีที่สลับซับซ้อนในการสร้างสรรค์ผลงานอันงดงามและอุปกรณ์ที่ช่วยให้เธอประสบความสำเร็จกับเทคนิคนี้ก็คือ Apple Pencil นั่นเอง “การเปลี่ยนสีให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากๆ ขั้นตอนการทำงานช่างไม่ต่างจากตอนทำงานอยู่บนกระดาษเลยจริงๆ”
– สร้างสรรค์โดย Marija Tiurina ศิลปินเชิงแนวคิดและนักวาดภาพประกอบ Marija Tiurina ผู้ซึ่งมักจะใช้อุปกรณ์วาดเขียนแบบดั้งเดิมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะสามารถปรับตัวกับโลกดิจิตอลได้เร็วขนาดนี้ “ความสามารถในการรับรู้แรงกดและความเรียบง่ายของดินสอ คือสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจที่สุด มันเหมือนกับว่าสิ่งนี้ได้สร้างมาเพื่อศิลปินโดยเฉพาะและอีกเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่แพ้กันก็คือ ฉันสามารถใช้งานอย่างได้อย่างคล่องแคล่วในเวลาแค่สองนาทีเท่านั้นเอง”
– สร้างสรรค์โดย Maggie Sichter ศิลปินจากชิคาโก Maggie Sicher ที่มากฝีมือในด้านการวาดภาพที่มีรายละเอียดซับซ้อน ได้ตกหลุมรัก Apple Pencil ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองใช้ “ฉันมีสไตล์ที่ชัดเจน และจะไม่มีวันเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ดิจิตอลอย่างแน่นอน ถ้าไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานในระดับเดียวกันหรือดีกว่าได้ ซึ่งก็ทึ่งจริงๆ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ใช้ ก็รู้สึกเลยว่า Apple Pencil เขียนได้ถนัดไม่แพ้เครื่องมือวาดเขียนอื่นๆ”
– สร้างสรรค์โดย Serena Mitnik-Miller Serena Mitnik-Miller ใช้สีน้ำและดินสอในการวาดภาพรูปทรงเรขาคณิตลงบนแผ่นกระดาษ “Apple Pencil ทำงานได้เยี่ยมมาก” สิ่งที่ทำให้ Mitnik-Miller ประหลาดใจที่สุดก็คือ “ระดับของความละเอียดและความไวในการรับรู้แรงกดของดินสอ”
– สร้างสรรค์โดย Patrick Vale Patrick Vale เป็นศิลปินอยู่ที่นิวยอร์ก ซึ่งตามปกติแล้วเขาแทบจะไม่ใช้เทคโนโลยีในงานของเขาเลยแต่นั่นไม่ใช่สำหรับโปรเจ็กต์นี้ เพราะเขาสามารถใช้ Apple Pencil และ iPad Pro ได้ราวกับว่าเป็นหมึกและกระดาษที่ใช้อยู่ประจำเลยทีเดียว “พอผมได้ลองใช้
และทำความคุ้นเคยกับ Apple Pencil แล้วผมก็รู้สึกประทับใจกับผลลัพธ์ที่ได้มากๆ เอาเป็นว่า ถ้าคุณเอางานชิ้นนี้มาเทียบกับชิ้นที่ผมวาดบนกระดาษ คุณไม่มีทางแยกความต่างได้แน่ๆ แถมข้อดีอีกข้อก็คือ ถ้าคุณเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากใช้ลายเส้นที่วาดไป ก็สามารถลบได้ง่ายๆ”
– สร้างสรรค์โดย Jake Weidmann ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งและเขียนตัวหนังสือที่ใครต่อใครต่างรู้จักกันดี และได้รับการเรียกขานให้เป็น Master Penman อย่าง Jake Weidmann ได้ค้นพบว่า การเปลี่ยนจากปากกาและหมึกมาใช้ Apple Pencil และ iPad Pro นั้นสามารถทำได้อย่างแนบเนียนราบรื่น “ยังไม่ทันจะรู้ตัว ผมก็หลุดเข้าไปในขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานในแบบของผมเองเรียบร้อยแล้วโดยที่ไม่ได้รู้สึกติดขัดกับวิธีการแบบใหม่นี้เลยซักนิด”
– สร้างสรรค์โดย Mister Mourão จากการทำงานที่ต้องผ่านการใช้กระดาษและปากกามามากมายหลายแบบ Mister Mourão สถาปนิกที่ผันตัวมาเป็นนักวาดภาพประกอบก็ค้นพบว่า การใช้ Apple Pencil นั้นช่างง่ายดายอย่างน่าประหลาดใจ “ด้วยความรวดเร็วและความแม่นยำอันน่าทึ่ง ประกอบกับน้ำหนักที่พอเหมาะ Apple Pencil นั้นให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ได้รู้สึกเกะกะอะไรเลยแล้วก็ทำให้คุณได้จดจ่อกับการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างเต็มที่”
– สร้างสรรค์โดย James Jean James Jean เป็นศิลปินที่มีผลงานมากมาย โดยสไตล์งานแบบผสมผสานของเขานั้นได้แรงบันดาลใจมาจากสื่อที่หลายหลาก “ทั้งน้ำหนักและสัดส่วนของ Apple Pencil ตลอดจนความเร็วของ iPad Pro ช่วยให้ผมถ่ายทอดภาพที่วาดไว้ในหัวมาที่มือได้เร็วทันใจในแบบที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน”
– สร้างสรรค์โดย Wang Dongling Wang Dongling ศิลปินจากหางโจว ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านศิลปะการเขียนอักษรจีนแบบดั้งเดิมอย่างสร้างสรรค์ ค้นพบว่า Apple Pencil สามารถเก็บรายละเอียดที่แตกต่างแม้เพียงเล็กน้อยในงานศิลป์ได้“Apple Pencil ได้พลิกโฉมทุกอย่างจริงๆ เหมือนว่ามันมีความรู้สึก รับรู้ได้ว่าคุณออกแรงกดแค่ไหนและจะเปลี่ยนไปตามการหมุนข้อมือของคุณด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก และในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่อง
– ขีดๆ เขียนๆ ชีวิตใหม่ให้กับแอพโปรด ใช้งาน iOS 9 ให้ได้ประโยชน์สูงสุดด้วยการใช้ Apple Pencil ควบคู่กับแอพที่มาพร้อมเครื่องหรือจะใช้ Apple Pencil ร่วมกับแอพ iPad จาก App Store ก็ได้ แล้วจากนี้ไปก็บอกลาการสร้างสรรค์และการทำงานแบบเดิมๆ ไปได้เลย
– โน้ต พบกับวิธีใหม่ในการจดบันทึก สเก็ตช์ และเติมแต่งความคิดสร้างสรรค์ได้ในแอพโน้ต คุณสามารถใช้ตัวเลือกปากกาเพื่อขีดเขียนในระหว่างที่กำลังระดมความคิดอยู่ได้ หรือจะสเก็ตช์แบบร่างเพื่อการตกแต่งบ้านใหม่ด้วยตัวเลือกดินสอ หรือจะใช้ปากกาไฮไลท์เพื่อเน้นส่วนสำคัญที่สุดในรายการสิ่งที่ต้องทำก็ทำได้
– เมล เมื่อมี Apple Pencil การสร้างสรรค์อะไรๆ ก็เป็นไปได้มากขึ้นในแอพเมลลองเพิ่มจินตนาการใหม่ๆ แล้วส่งไปกับอีเมลฉบับต่อไปของคุณดู หรือจะลองใช้ Apple Pencil เพิ่มมิติให้กับงานของคุณด้วยการทำเครื่องหมายใน PDF หรือเอกสารด้วยลายมือของคุณเอง
– Paper by FiftyThree Apple Pencil คืออุปกรณ์ที่เหมาะสมลงตัวกับคุณสมบัติการใช้งานง่ายๆ ในแอพ Paper by FiftyThree ที่ให้คุณขีดเขียนอะไรต่อมิอะไรได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นการสเก็ตช์ เขียน วาด ร่าง และระบายสีเพื่อสร้างสรรค์ดีไซน์ใหม่ๆ ทำแผนภูมิสำหรับงานนำเสนอ หรือวางแผนไอเดียใหญ่ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
– Adobe Comp CC ให้คุณเปลี่ยนภาพสเก็ตช์มาเป็นเลย์เอาท์ที่สวยงามเรียบร้อยได้ภายในเวลาไม่กี่นาที โดยภายในแอพ คุณจะพบกับเลย์เอาท์หลากหลายรูปแบบ กราฟิกแบบเวกเตอร์ระดับมืออาชีพ รวมถึงภาพและฟอนต์ต่างๆ อีกมากมาย แถมดีไซเนอร์ยังสามารถใช้ Apple Pencil ที่ล้ำสมัยแต่ใช้ง่ายวาดเลย์เอาท์บน iPad Pro ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนรูปทรงธรรมดาๆ อย่างสี่เหลี่ยมจัตุรัสและวงกลมให้เป็นกรอบสำหรับวางรูปด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้ง หรือจะใส่จุดเพื่อเปลี่ยนเป็นกรอบสำหรับใส่ข้อความก็ทำได้ไม่มีปัญหา
– Pixelmator ตามปกติไม่ว่าจะภาพไหนๆ ก็ดูสวยงามน่าทึ่งเมื่ออยู่บนจอ Retina ของ iPad Pro อยู่แล้วแต่หากต้องการปรับแต่งภาพเหล่านั้นก็ทำได้ง่ายแสนง่ายด้วย Pixelmator ที่รองรับ Apple Pencil และภาพขนาด 16K เต็มรูปแบบ ดังนั้นถ้าจะบอกว่า Pixelmator เป็นเครื่องมือแต่งภาพคู่ใจช่างภาพมือโปรก็คงไม่ผิดอะไร
เพราะมีคุณสมบัติสุดล้ำทั้ง การลงสีแบบเลเยอร์โคลนนิ่ง และโหมดต่างๆ สำหรับการผสมเลเยอร์ แถมยังทำงานร่วมกับความสามารถด้านมัลติทาสก์อันทรงพลังของ iOS 9 ได้อีกด้วย
กล้อง iSight และ FaceTime HD
– เก็บทุกรายละเอียดได้อย่างละเอียดหมดจด iPad Pro มีกล้องที่เยี่ยมยอดทั้งด้านหน้าและด้านหลังโดยรุ่น 12.9 นิ้ว มาพร้อมกล้อง iSight ความละเอียด 8 เมกะพิกเซล ให้คุณถ่ายภาพและวิดีโอออกมาได้อย่างสวยงาม ในขณะที่กล้อง iSight ความละเอียด 12 เมกะพิกเซล
บน iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว ก็สามารถบันทึกได้ทั้งวิดีโอระดับ 4K และวิดีโอสโลว์โมชั่น 240 fpsรวมถึง Live Photos และยังเป็น iPad รุ่นแรกที่มีแฟลช True Tone จึงสามารถถ่ายทอดสีผิวออกมาได้อย่างสวยงามไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแสงแบบไหน
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งของ iPad Pro ก็ให้ภาพที่คมชัดไม่แพ้กัน เพราะกล้อง FaceTime HD ด้านหน้ามาพร้อมเซ็นเซอร์ล่าสุดที่ทำให้วิดีโอคอลดูสมจริงเหมือนอีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงหน้าคุณยังไงยังงั้น ส่วนกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 5 เมกะพิกเซลใน iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้วมี Retina Flash ที่มาพร้อมคุณสมบัติ True Tone เพื่อให้คุณถ่ายภาพเซลฟี่ออกมาได้สวยงามโดนใจ
การออกแบบ
– แล้วพลังที่น่าทึ่งก็อยู่ในมือคุณได้ง่ายยิ่งกว่าครั้งไหนๆ นอกจาก iPad Pro จะสามารถจัดการกับงานต่างๆ ที่คุณมักจะทำบน PC ได้สบายๆ แล้ว ในเรื่องความเบา ก็บอกเลยว่ายากที่จะหา PC เครื่องไหนมาเทียบชั้นเพราะ iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่แรงเกินตัว แต่กลับมีน้ำหนักไม่ถึง 500 กรัม
ในขณะที่ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วบางยิ่งกว่า iPhone 6s และเบาเพียง 700 กรัมนิดๆ เท่านั้น และทั้งสองรุ่นยังจับถนัดมือแบบไม่ต้องกลัวหล่น ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องยกข้อดีให้กับตัวเครื่องอะลูมิเนียม Unibody แบบชิ้นเดียว
Wi-Fi และ 4G LTE
– การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รวดเร็ว iPad Pro สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi หรือเซลลูลาร์ที่เร็วที่สุด คุณจึงสามารถท่องเว็บ สตรีมภาพยนตร์ และแชร์เอกสารต่างๆ จากที่ไหนก็ได้แทบจะทุกแห่ง และ iPad Pro รุ่น Wi-Fi + Cellular ยังให้คุณโทร FaceTime หรือแม้แต่สร้างฮอตสปอตด้วยแผนบริการรับส่งข้อมูลที่คุณมีอยู่แล้วได้อีกด้วยยิ่งไปกว่านั้น iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้วใหม่ยังมาพร้อม 4G LTE Advanced ที่ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบเซลลูลาร์ได้เร็วยิ่งขึ้นถึง 50%
Touch ID
– รหัสผ่านก็คือคุณ iPad Pro มาพร้อมเทคโนโลยี Touch ID ซึ่งจะเปลี่ยนลายนิ้วมือของคุณให้เป็นรหัสผ่านที่ยังไงก็ไม่มีทางลืมได้อย่างแน่นอน เพียงแค่สัมผัสก็สามารถปลดล็อคเครื่องได้ง่ายๆอีกทั้งยังช่วยให้คุณทำการซื้อจาก iTunesและ App Store ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
Apple SIM
– Apple SIM เพื่อนร่วมทางคนเก่งของคุณ iPad รุ่น Wi-Fi + Cellular ทั้งหมดได้รับการปลดล็อคแล้ว คุณจึงสามารถใส่ซิมการ์ดแล้วเชื่อมต่อเมื่อไหร่ก็ได้ โดย Apple SIM สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วมีวางจำหน่ายที่ Apple Retail Store เกือบทุกแห่งในขณะที่ iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว
ที่มาพร้อม Apple SIM ในตัวนั้นจะมีวางจำหน่ายทั่วโลก4 จึงง่ายมากๆ กับการซื้อแผนบริการข้อมูลเซลลูลาร์จาก iPad ของคุณเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่ต้องมีสัญญาผูกมัดในระยะยาวใดๆ จากนี้ไปก็ไม่ต้องห่วงอะไรนอกจากเที่ยวให้สนุกเท่านั้น
เมื่อคุณเดินทางไปต่างประเทศ Apple SIM ก็มีแผนบริการข้อมูลเซลลูลาร์ให้คุณเลือกได้อย่างสะดวกจากผู้ให้บริการที่เราคัดสรรมาแล้วบน iPad ของคุณ โดย Apple SIM สามารถทำงานร่วมกับ iPad รุ่น Wi-Fi + Cellular บางรุ่น
และมีวางจำหน่ายที่ Apple Retail Storeเกือบทุกแห่ง ดังนั้นเมื่อคุณไปถึงจุดหมายปลายทางและอยากเช็คอีเมล ค้นหาเส้นทางหรือส่งข้อความกลับบ้าน คุณก็สามารถซื้อแผนบริการข้อมูลเซลลูลาร์ได้ตามระยะเวลาของทริปการเดินทางนั้น ไม่ว่าจะนานเป็นวัน สัปดาห์ หรือเดือนก็ตาม
iOS 9
– ประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าในทุกสัมผัส iOS 9 คือระบบปฏิบัติการบนมือถือที่ล้ำสมัย ใช้งานง่าย และปลอดภัยที่สุดในโลกไม่ว่าจะคุณสมบัติงานมัลติทาสก์อันทรงประสิทธิภาพ หรือคุณสมบัติพิเศษเฉพาะอย่าง Night Shift ทั้งหมดใน iOS 9 ล้วนแล้วแต่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จาก iPad ได้สูงสุด
– วิธีเยี่ยมๆ ที่จะเพิ่มอะไรๆ ให้เป็นไปได้ด้วย iPad Pro ตอนนี้คุณสามารถสร้างสรรค์ รวมถึงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์เสริมที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้เหมาะกับขนาดความสามารถ และพลังของ iPad Pro ซึ่งมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ตั้งแต่ปกไปจนถึงคีย์บอร์ดและก็แน่นอนว่าอื่นๆ อีกมากมาย
สเปคเครื่อง iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว
Features | iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว |
วันเปิดตัว : | – 22 มีนาคม 2559 |
ราคา : | – 22,900.- (รุ่น WiFi 32GB) |
– 26,900.- (รุ่น WiFi 128GB) | |
– 30,900.- (รุ่น WiFi 256GB) | |
– 27,900.- (รุ่น Wi-Fi + Cellular 32GB) | |
– 31,900.- (รุ่น Wi-Fi + Cellular 128GB) | |
– 35,900.- (รุ่น Wi-Fi + Cellular 256GB) (ณ วันที่ 5 ก.พ. 62) | |
ระบบปฏิบัติการ : | – iOS 9.3 |
หน้าจอ : | – ขนาด 9.7 นิ้ว |
– หน้าจอ LED-backlit IPS LCD | |
– ความละเอียด 2048 x 1536 | |
– Multi-Touch | |
– True-tone display | |
– เคลือบสารกันรอยนิ้วมือ | |
– เคลือบสารกันแสงสะท้อน | |
CPU : | – Apple A9X Dual-core 2.16 GHz |
GPU : | – PowerVR Series 7 |
RAM : | – 2GB |
ความจำตัวเครื่อง : | – 32GB |
– 128GB | |
– 256GB | |
กล้องหลัง : | – 12 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f/2.2 | |
– phase detection autofocus | |
– dual-LED (dual tone) flash | |
– geo-tagging | |
– touch focus | |
– face/smile detection | |
– HDR | |
– panorama | |
– Hybrid IR | |
กล้องหน้า : | – 5 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f/2.2 | |
– face detection | |
– HDR | |
– Retina Flash | |
– panorama | |
Video : | – บันทึกวิดีโอระดับ 4K |
Battery : | – แบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ชนิดชาร์จซ้ำได้ภายในตัวเครื่อง 27.5 วัตต์ต่อชั่วโมง |
ขนาด : | – 240 x 169.5 x 6.1 มม. |
น้ำหนัก : | – 437 กรัม (รุ่น Wi‑Fi) |
– 444 กรัม (รุ่น Wi-Fi + Cellular) | |
รองรับซิม : | – Nano-SIM |
– Apple SIM | |
– e-SIM | |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 800/850/900/1700 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi (802.11a/b/g/n/ac) |
– Bluetooth 4.2 | |
– NFC | |
– USB 2.0 | |
– Stylus | |
– ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. | |
GPS : | – GPRS |
– A-GPS | |
– GLONASS | |
Sensor : | – Fingerprint |
– accelerometer | |
– gyro | |
– compass | |
– Touch ID | |
– barometer | |
สี : | – เงิน |
– ทอง | |
– เทาสเปซเกรย์ | |
– โรสโกลด์ |
Leave a Reply