Asus เปิดตัวแล็ปท็อปซีรี่ย์ที่บางที่สุดในโลก เตรียมพร้อมวางขายในประเทศไทย
เจฟฟ์ โล ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เอซุส มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว ซีรี่ย์แล็ปท็อปที่บางที่สุดในโลก ZenBook และ VivoBook สู่ความหรูหราปราณีตเหนือระดับที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพทรงพลังที่ไม่มีใครเทียบได้
Asus ประกาศเปิดตัวแล็ปท็อปที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดอย่าง ZenBook และ VivoBook ในประเทศไทย ส่งซีรีส์แล็ปท็อปที่บางที่สุดในโลกที่ฉีกกฎทุกการดีไซน์และเทคโนโลยี ด้วยการออกแบบสุดปราณีตและประสิทธิภาพทรงพลัง เพื่อมอบประสบการณ์การใช้แล็ปท็อปที่ดีที่สุดให้กับชาวไทย
แล็ปท็อปรุ่นพรีเมี่ยมต่างๆ ที่เอซุสนำมาเปิดตัว ได้แก่ ZenBook 3 Deluxe (UX490 – ราคา 69,990 บาท) แล็ปท็อปขนาด 14 นิ้ว ที่บางที่สุดในโลก ; ZenBook Flip S (UX370 – ราคา 63,990 บาท) แล็ปท็อปแบบพลิกจอได้ที่บางที่สุดในโลก ; ZenBook UX430 (ราคา 41,990 บาท) แล็ปท็อปพร้อมการ์ดจอแยกที่บางที่สุดในโลก
และ ASUSPRO B9440 (ราคา 49,990 บาท) แล็ปท็อปเพื่อธุรกิจ หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ในเครื่องขนาด 13 นิ้วที่เบาที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมี VivoBook ที่เบาและบางกว่าเดิมในรุ่น VivoBook S15 (S510 – ราคา 22,990 บาท) ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ภายในตัวเครื่องขนาด 14 นิ้ว และ Asus VivoBook Pro 15 (N580 – ราคา 31,990 บาท) ซึ่งเป็น VivoBook ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เจฟฟ์ โล ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท Asus มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Asusเป็นผู้นำตลาดแล็ปท็อปบางเฉียบระดับโลก โดยเป็นผู้สร้างและกำหนดมาตรฐานแล็ปท็อปตั้งแต่ปี 2554 ด้วยการส่งซีรีส์ ZenBook ออกสู่ตลาด ซึ่งภายหลังได้รับการยอมรับจากการประกวดระดับโลกอย่างมากมาย
ในวันนี้เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้แนะนำซีรีส์แล็ปท็อปที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา อย่าง ZenBook และ VivoBook ที่ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเข้ากับดีไซน์ที่มีความปราณีต ด้วยปรัชญาการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ไม่ละเลยถึงประสิทธิภาพให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในนิยามใหม่ “Define the New Edge”
Zenbook 3 Deluxe (UX490)
แล็ปท็อปรุ่นพระเอกในงานนี้ ZenBook 3 Deluxe (UX490) โดดเด่นด้วยตัวเครื่องอลูมิเนียมอัลลอยที่บางเพียง 12.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 1.1 กิโลกรัม ด้วยขนาดตัวเครื่องเท่ากับแล็ปท็อปขนาด 13 นิ้ว แต่มีหน้าจอแสดงผลแบบ NanoEdge ขนาด 14 นิ้ว และด้วยดีไซน์ของจอที่บางเพียง 7.46 มิลลิเมตร ตอบโจทย์ทั้งในด้านการพกพา สะดวก และมีประสิทธิภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวเครื่องยูนิบอดี้ที่ผ่านกระบวนการ Anodizing
และมีขอบโลหะสีทองนี้ มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Royal Blue และ Quartz Grey ถูกออกแบบด้วยปรัชญาแห่งเซน ที่คงความเรียบง่ายแต่งดงาม ตัวแล็ปท็อปถูกออกแบบให้สามารถแสดงประสิทธิภาพทรงพลัง ด้วยหน่วยประมวลผล 7th Generation Intel Core หน่วยความจำ (RAM) LPDDR3 2133 MHz ความเร็วสูง 16GB และ SSD Hard Disk ความจุ 1 TB ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหน่วยความจำที่มีความจุมากที่สุด
เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและการเชื่อมต่อที่เร็วขั้นสุด ZenBook 3 Deluxe ยังมาพร้อมกับ พอร์ท USB Type C ที่รองรับ Thunderbolt 3 ทำให้สามารถโอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 40Gbps และรองรับการเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผล dual 4K UHD นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์กราฟิกภายนอกเช่น ROG’s XG Station 2 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นเกมหรือกราฟฟิกระดับเวิร์คสเตชั่น รวมถึงรองรับ VR ได้อย่างลงตัว
ZenBook Flip S (UX370)
ไฮไลท์ที่สำคัญอีกหนึ่งโมเดลคือ ZenBook Flip S (UX370) แล็ปท็อปแบบพลิกจอได้ที่บางที่สุดในโลก ที่มาพร้อมกับความสง่างามด้วยตัวเครื่องยูนิบอดี้แบบบางอะลูมิเนียมอัลลอย บางเพียง 10.9 มิลลิเมตร และหนักเพียงแค่ 1.1 กิโลกรัม ZenBook Flip S เป็นแล็ปท็อปที่ผสมผสานความสง่างามน่าค้นหา สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกด้วยการปรับพับหน้าจอได้มากถึง 360 องศา ด้วยหน้าจอความละเอียด 4K UHD (ขึ้นอยู่กับรุ่น) ทำให้แล็ปท็อปรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทรงพลัง สามารถแปลงเป็น Tablet ได้ และยังสามารถพกพาได้สะดวกไปในตัว
ZenBook Flip S (UX370) ผสมผสานองค์ประกอบที่มีความสวยงามล้ำสมัย แต่ทรงพลัง ในรูปแบบของแล็ปท็อปที่มีความเบาและบางเฉียบ ด้วยหน่วยประมวลผล 7th Generation Intel Core i7 หน่วยความจำ (RAM) LPDDR3 2133 MHz 16GB ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกันแบบไม่ติดขัด และยังมีหน่วยความจำความเร็วสูง (SSD)
พร้อมด้วยอินเทอร์เฟซเป็น PCIe 3.0 x4 ทำให้ ZenBook Flip S มีหน่วยความจำที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมี USB Type C สองพอร์ท รองรับการเชื่อมต่อเพื่อแสดงผลระดับ 4K การชาร์จแบตเตอรี่ การถ่ายโอนข้อมูล และการเชื่อมต่ออื่นๆ เพื่อทำให้การพกพาสะดวกยิ่งขึ้นรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ Mini Dock ที่สามารถเชื่อมต่อกับ HDMI USB3.1พอร์ต และ USB Type C ที่ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วยิ่งขึ้น ZenBook Flip S รองรับนวัตกรรมและฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดใน Window 10 รวมไปถึง Cortana, Windows Hello, Windows Ink และ Modern Standby
ZenBook UX430
สำหรับ ZenBook UX430 แล็ปท็อปซึ่งให้ความบางที่สุดในโลกอีกรุ่น ที่มาพร้อมกับการ์ดจอแยกประสิทธิภาพสูง โดย ZenBook UX430 มีหน้าจอขนาด 14 นิ้ว และมีขนาดตัวเครื่องเท่ากับเครื่องที่มีหน้าจอ 13 นิ้ว กระทัดรัดเหมาะต่อการพกพา ด้วยดีไซน์ของขอบจอที่บางเพียง 7.18 มิลลิเมตร และสีของตัวเครื่องมีความงดงามดั่งคริสตัล
ZenBook UX430 มอบประสิทธิภาพอันน่าทึ่ง ด้วยหน่วยประมวลผล 7th Generation Intel Core i7 หน่วยความจำ (RAM) 16GB DDR4 และ SSD ขนาด 512GB รวมไปถึง การ์ดจอแยก NVIDIA® GeForce® 940MX
ASUSPRO B9440
Asusส่ง ASUSPRO B9440 แล็ปท็อปสำหรับนักธุรกิจที่เบาที่สุดในโลก พร้อมด้วยวัสดุแข็งแรงทนทาน และผ่านมาตรฐานการทดสอบระดับเดียวกับการทดสอบทางทหาร นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผล Full HD ขนาด 14 นิ้ว ในตัวเครื่องขนาด 13 นิ้ว โดยมีดีไซน์ที่ขอบจอบางเพียง 5.4 มิลลิเมตร และหนักเพียง 1.05 กิโลกรัม
ASUSPRO B9440 เป็นแล็ปท็อปทรงพลัง ปลอดภัย และมีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง มาพร้อมกับ Intel® Core™ i5 และ i7 U-series CPUs และรองรับอุปกรณ์เพิ่มเติม Intel vPro® นอกจากนี้ยังมีชุดซอฟท์แวร์ ASUS Business Manager อันประกอบด้วยเครื่องมือที่ง่ายต่อการใช้งาน ระบบการจัดการส่วนกลาง และระบบรีโมท เพื่อทำงานจากระยะไกล
การมีพอร์ต และ ช่องเชื่อมต่อ ที่ครอบคลุม ทำให้รองรับอินเตอร์เฟซได้อย่างไร้รอยต่อทันทีที่ใช้การทำงานแบบหลายจอแสดงผลพร้อมกัน นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกในการประชุมผ่านแล็ปท็อป ไปพร้อมๆ กับการนำเสนอวิดีโอและเอกสารในเวลาเดียวกันได้อย่างไม่สะดุด
VivoBook S15 (S510)
มาที่รุ่น ASUS VivoBook S15 ที่บางและเบากว่ารุ่นก่อน ด้วยขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วและน้ำหนักเพียง 1.5 กิโลกรัม ประกอบกับความบางเพียง 17.9 มิลลิเมตร ทำให้ VivoBook S15 เป็นแล็ปท็อปที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ด้วยน้ำหนักและความกระทัดรัดในนิยามของอัลตร้าบุ๊ค (ultrabook) ASUS VivoBook S15 มีหน้าจอแสดงผล Full HD ขนาด 15.6 นิ้ว แต่มีขนาดเครื่องเท่ากับแล็ปท็อปขนาด 14 นิ้วทั่วไป ซึ่งเป็นผลมาจากดีไซน์ขอบจอ NanoEdge ที่บางเฉียบเพียง 7.8 มม. ทำให้หน้าจอมีสัดส่วนสูงถึง 80% ของตัวเครื่อง
Asus VivoBook S15 มีหน่วยความจำรุ่นใหม่ล่าสุด Intel® Core i7 และการ์ดจอแยก NVIDIA 940MX พร้อม DDR5 VRAM ซึ่งเร็วกว่า DDR3 ของแล็ปท็อปทั่วไป มีตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ถึง 2TB HDD และ SSD ความเร็วสูงขนาด 512GB ทำให้การจัดเก็บข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว
โดยสามารถอัพเกรด M.2 ได้และสามารถอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 16GB นอกจากนี้ VivoBook S15 ยังไม่ได้ใช้ ODD จึงช่วยให้เพิ่มความคล่องตัวในการพกพา อาจจะสังเกตได้ว่าส่วนประกอบทรงพลังเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างของเครื่องที่เพรียวบาง แต่สิ่งเหล่านี้คือส่วนสำคัญที่ทำให้แล็ปท็อปเครื่องนี้ของAsusโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่ง
VivoBook Pro 15 (N580)
สุดท้าย VivoBook Pro 15 รุ่นใหม่จากซีรีส์ VivoBook Pro ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นแล็ปท็อปใช้งานทั่วไปที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาย่อมเยา ซึ่ง VivoBook Pro 15 ได้ออกแบบรูปลักษณ์แบบใหม่ให้ความทะมัดทะแมงแต่เรียบง่าย โดยได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์ ZenBook ของAsusซึ่งนับเป็นรุ่นแรกในซีรี่ย์ที่มีหน้าจอสวยงาม FHD ในขนาด 15.6 นิ้ว
VivoBook Pro 15 ใช้หน่วยความจำ 7th Generation Intel Core i5 หรือ i7 “HQ” ซึ่งให้ความเร็วกว่า “U” series Core i5 และ i7 ถึง40% โดยมาควบคู่กับ RAM ความเร็วสูง 2400MHz DDR4 ขนาด 16GB และให้ตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีฮาร์ดดิสก์ 2TB พร้อมกับ SSD ขนาด 512GB เพื่อให้ประสิทธิภาพการบู๊ตอย่างรวดเร็ว โดยทั้งหมดจะถูกรักษาเอาไว้ด้วยระบบพัดลมระบายความร้อนอัจฉริยะแบบคู่ ที่จะช่วยควบคุมอุณหภูมิของแล็ปท็อปได้โดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้จุดเด่นของ VivoBook Pro 15 คือการ์ดจอแยก NVidia GeForce GTX ด้วยจอแสดงผลแบบ FHD ความละเอียด 15.6 นิ้วและลำโพงคู่ที่ได้รับการรับรองจาก Harman Kardon ทำให้ VivoBook Pro 15 เป็นแล็ปท็อปที่สามารถทดแทนเกมมิ่งเดสก์ท็อปแบบปกติได้ เพราะสามารถเปิดได้แม้กระทั่งเกมที่มีความต้องการในการตั้งค่าสูงสุด หรือเป็นเวิร์กสเตชันที่ดีสำหรับการประมวลผลภาพและวิดีโอ แม้กระทั่งเป็นอุปกรณ์คู่ใจสำหรับการดูภาพยนตร์ 4K ได้อย่างยอดเยี่ยม
Leave a Reply