วิธีช่วยยืดระยะเวลาการใช้งาน และอายุแบตเตอรี่ ให้กับ iPhone ทำตามง่าย ๆ มาดูกันเลย!
สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ ? วันนี้เรามีบทความ How To วิธีช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้กับ iPhone มาฝากให้ได้ชมกัน โดยเป็นคำแนะนำดี ๆ จาก Apple โดยตรง โดยระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ หมายถึง ระยะเวลาที่อุปกรณ์ที่เราใช้อยู่นั้น สามารถทำงานได้ก่อนที่จะต้องชาร์จใหม่
และอายุแบตเตอรี่ หมายถึง ระยะเวลาที่แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้จนกว่าจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ดังนั้นหากเราสามารถยืดระยะเวลาทั้ง 2 อย่างนี้ให้นานที่สุด ก็จะใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชิ้นไหนก็ตาม เดี๋ยวเราไปชมรายละเอียดทั้งหมดกันเลยค่ะ
อัปเดทซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
เพราะรายการอัปเดทซอฟต์แวร์ของ Apple มักจะมาพร้อมเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานใหม่ ๆ ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่ใช้อยู่เป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่
เก็บให้ห่างจากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำผิดปกติ
อุปกรณ์ของ Apple ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับอุณหภูมิโดยรอบที่หลากหลาย โดยมีช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดอยู่ระหว่าง 16 ถึง 22 °C และที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือจะต้องระวังไม่ให้อุปกรณ์ที่ใช้อยู่สัมผัสกับอุณหภูมิโดยรอบที่สูงเกินกว่า 35 °C เพราะอาจสร้างความเสียหายอย่างถาวรกับความจุของแบตเตอรี่ได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าแบตเตอรี่จะไม่สามารถจ่ายไฟให้อุปกรณ์ได้นานเท่าเดิมจาก
การชาร์จแต่ละครั้ง
อีกทั้งการชาร์จอุปกรณ์ในที่ที่มีอุณหภูมิโดยรอบสูงก็อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมลงมากกว่าเดิมได้ด้วย และเมื่อชาร์จเกิน 80% ไปแล้ว ซอฟต์แวร์อาจจำกัดการชาร์จหากอุณหภูมิของแบตเตอรี่สูงกว่าระดับที่แนะนำ หรือแม้แต่การเก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงก็ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้เช่นกัน
ส่วนการใช้งานอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่เย็นมากนั้น ก็อาจพบว่าแบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น แต่อาการเช่นนี้จะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเมื่ออุณหภูมิของแบตเตอรี่กลับเข้าสู่ช่วงอุณหภูมิการทำงานปกติประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ก็จะกลับสู่สภาพเดิม
ควรถอดเคสบางประเภทออกระหว่างชาร์จ
การชาร์จอุปกรณ์ขณะที่ใส่อยู่ในเคสบางประเภทอาจทำให้เครื่องร้อนเกินไป และส่งผลเสียต่อความจุของแบตเตอรี่ได้ หากพบว่าอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ร้อนในขณะชาร์จ ให้ถอดอุปกรณ์ออกจากเคสก่อน
ชาร์จไฟอุปกรณ์ไว้ครึ่งหนึ่งของความจุ
- หากต้องการจัดเก็บอุปกรณ์ไว้เป็นระยะเวลานาน มีปัจจัยหลัก 2 ประการที่จะส่งผลต่อสภาพโดยรวมของแบตเตอรี่ นั่นคือ อุณหภูมิของสภาพแวดล้อม และระดับการชาร์จของอุปกรณ์เมื่อปิดเครื่องเพื่อจัดเก็บ ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
- ห้ามชาร์จจนเต็มหรือคายประจุจนหมด แต่ให้ชาร์จแบตเตอรี่ของคุณไว้ที่ประมาณ 50% เพราะการเก็บอุปกรณ์ของคุณหลังจากที่ใช้แบตเตอรี่จนหมดเกลี้ยงจะส่งผลให้แบตเตอรี่นั้นเข้าสู่สถานะคายประจุหมด และอาจไม่สามารถเก็บไฟได้อีก ในทางตรงกันข้าม หากคุณเก็บอุปกรณ์ที่ชาร์จไฟไว้เต็มเป็นระยะเวลานาน ความจุของแบตเตอรี่อาจลดลง ซึ่งจะส่งผลให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาในการใช้งานลดลง
- ปิดอุปกรณ์เพื่อไม่ให้มีการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มเติมอีก
- เก็บอุปกรณ์ไว้ในที่ที่มีอากาศเย็น และปราศจากความชื้น ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า 32 °C
- หากคิดจะจัดเก็บอุปกรณ์นานกว่า 6 เดือน ขอแนะนำให้ชาร์จไฟไว้ที่ 50% ทุกๆ 6 เดือน
ตั้งค่าให้เหมาะสม
ไม่ว่าจะมีวิธีการใช้อุปกรณ์อย่างไรก็ตาม มี 2 วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ นั่นก็คือ การปรับความสว่างหน้าจอ และการใช้ Wi‑Fi หรี่ความสว่างของหน้าจอ หรือเปิดใช้งาน “ปรับความสว่างอัตโนมัติ” เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ และการเชื่อมต่อกับ Wi‑Fi จะใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ ดังนั้นจึงดีกว่าหากทำการเชื่อมต่อ Wi‑Fi ไว้เสมอ
ดูข้อมูลการใช้แบตเตอรี่
iOS ช่วยให้สามารถจัดการกับระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่บนอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดาย เพราะตอนนี้สามารถดูสัดส่วนของแบตเตอรี่ที่แต่ละแอปใช้ได้ (เว้นแต่ว่าอุปกรณ์กำลังชาร์จแบตเตอรี่อยู่) ซึ่งเมื่อต้องการดูการใช้งานแล้ว ให้เข้าไปที่ “การตั้งค่า > แบตเตอรี่”
เปิดใช้งานโหมดพลังงานต่ำ
โหมดพลังงานต่ำช่วยให้ยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone ได้ง่าย ๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด iPhone จะบอกให้ทราบเมื่อแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 20% และบอกอีกครั้งเมื่อเหลือเพียง 10% ซึ่งขณะเดียวกันก็ยังให้เราเปิดโหมดพลังงานต่ำได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
โดยโหมดพลังงานต่ำจะลดความสว่างของจอภาพ ปรับประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ให้เหมาะสม และลดภาพเคลื่อนไหวของระบบให้เหลือน้อยที่สุด ดังนั้นแอปต่าง ๆ รวมถึงเมลจะไม่ดาวน์โหลดคอนเทนต์อยู่ในเบื้องหลัง ส่วนคุณสมบัติอย่าง AirDrop, การซิงค์ iCloud และ “ความต่อเนื่อง” ก็จะไม่สามารถใช้งานได้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังสามารถใช้ฟังก์ชันหลัก ๆ เช่น โทรออก และรับสาย อีเมล และรับส่งข้อความ รวมถึงใช้งานอินเทอร์เน็ต และอื่นๆ ได้เช่นเดิม และเมื่อไหร่ที่ชาร์จโทรศัพท์จนแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาถึงระดับหนึ่งแล้ว โหมดพลังงานต่ำก็จะปิดเองโดยอัตโนมัติ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับวิธีช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้กับ iPhone หรืออุปกรณ์ของ Apple ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ เอาไว้โอกาสหน้าเราจะมีบทความอะไรดี ๆ มาฝากกันอีก ฝากเพื่อน ๆ ติดตามชมกันด้วยนะคะ และหากใครมีคำถามข้อสงสัยใด ๆ หรืออยากให้แนะนำเรื่องไหนเพิ่มเติมก็ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้เลยค่ะ 🙂
Leave a Reply