รีวิว OPPO A39 สมาร์ทโฟนเซลฟี่กล้องหน้า 5MP พร้อมโหมด Beautify 4.0 บอดี้สวยเฉียบ ราคาเบาๆ
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ สำหรับในโอกาสนี้เราจะขอนำ OPPO A39 สมาร์ทโฟนเซลฟี่รุ่นเล็กสเปคแจ่มในราคาไม่เกินหมื่น มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน โดยสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวมาพร้อมคอนเซ็ปต์ Unstoppable Selfies เซลฟี่ผ่านกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน ค่ารูรับแสง f/2.4 พร้อมโหมด Beautify 4.0 ปรับความเนียนได้มากถึง 7 ระดับ ได้ภาพถ่ายสวยเนียนโดนใจ
ขณะที่กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 มาพร้อม LED Flash และโหมด Ultra HD สามารถถ่ายภาพความละเอียดได้สูงสุดถึง 50 ล้านพิกเซล สำหรับ OPPO A39 เพิ่งจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อช่วงท้ายปีก่อน ราคาล่าสุด 6,490 บาท มาพร้อมหน้าจอ IPS TFT มีขนาดใหญ่กำลังดี 5.2 นิ้ว ความละเอียด HD (1280×720 พิกเซล) กระจกขอบโค้ง 2.5D ผสานกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4
ขับเคลื่อนด้วยชิป MediaTek MT6750 Octa-Core ความเร็ว 1.5GHz หน่วยความจำ RAM 3GB พ่วงความจุ 32GB แบตเตอรี่ 2900mAh และสเปคการใช้งานอื่นๆ ที่ครบครัน แต่ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เพื่อนๆ สามารถหาซื้อ OPPO A39 ได้ที่แบรนด์ช็อปของ OPPO หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปชมรีวิวกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค OPPO A39
Features | OPPO A39 |
วันเปิดตัว : | – 1 ธันวาคม 2559 |
ราคา : | – 6,490 บาท (ณ วันที่ 23 ม.ค. 60) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 5.1 Lollipop ครอบทับ ColorOS 3.0 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS TFT |
– ขนาด 5.2 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1280×720 พิกเซล | |
– Corning Gorilla Glass 4 | |
– Multitouch | |
CPU : | – MediaTek MT6750 Octa-Core ความเร็ว 1.5GHz |
GPU : | – Mali-T860 MP2 |
RAM : | – 3GB |
ความจำตัวเครื่อง : | – 32GB |
– microSD สูงสุด 256GB | |
กล้องหลัง : | – 13 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f/2.2 | |
– LED Flash | |
– Auto Focus | |
– Touch Focus | |
– Face Detection | |
– HDR | |
กล้องหน้า : | – 5 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f/2.4 | |
– Beautify 4.0 | |
Video : | – 1080p@30fps |
Battery : | – 2900mAh |
ขนาด : | – 149.1×72.9×7.65 มม. |
น้ำหนัก : | – 147 กรัม |
รองรับซิม : | – dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : WCDMA 850/900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – WiFi 802.11 a/b/g/n |
– Bluetooth 4.0 | |
– OTG | |
– USB 2.0 | |
– 3.5mm jack | |
GPS | – GPRS |
– A-GPS | |
Sensor : | – Accelerometer |
– E-compass | |
– G-sensor | |
– Light sensor | |
– Distance sensor | |
– Ambient light | |
– Proximity | |
สี : | – ทอง |
– โรสโกลด์ |
Say Hi! OPPO A39
OPPO A39 มาในกล่องบรรจุที่มีขนาดเล็กกระทัดเท่าตัวเครื่องโทนสีขาวสว่างตา หน้ากล่องมีโลโก้แบรนด์อยู่มุมขวาบน มีตัวเครื่องสีทองบริเวณกึ่งกลาง พร้อมคอนเซปต์ Unstoppable Selfies ไม่ว่าจะเซลฟี่ไหนๆ ก็ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย จุดเด่นหลักๆ คือ กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมโหมด Beautify 4.0 ปรับความเนียนได้มาก 7 ระดับ ใช้ชิปเซ็ตแบบ Octa-Core พ่วง RAM 3GB + ROM 32GB รองรับทุกความบันเทิงผ่านหน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว กระจกขอบโค้ง 2.5D ดีไซน์สวย
แกะกล่องยลโฉม OPPO A39
อุปกรณ์ต่างๆ ภายในกล่อง ประกอบไปด้วย
– ตัวเครื่องสมาร์ทโฟน OPPO A39 สีทอง
– คู่มือการใช้งาน
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– ฟิล์มกันรอยแบบใส
– เคสซิลิโคนแบบใส
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– สายชาร์จ microUSB
– หูฟังแบบ Earbud ขนาด 3.5 มิลลิเมตร
สำหรับ Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ของ OPPO A39 จะไม่รองรับ Fast charge ตัวสาย microUSB มีความเหนียวแข็งแรงทนทาน หูฟังแบบ Earbud มีสมอลทอร์คสำหรับรับฟังวิทยุ FM และใช้สนทนาเสียงคมชัดดีมากค่ะ
ตัวเครื่องหลังใส่เคสซิลิโคนแบบใส
ทำความรู้จัก OPPO A39
OPPO A39 นับเป็นสมาร์ทโฟนเซลฟี่ราคาประหยัดเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ชูจุดขายคอนเซ็ปต์ Unstoppable Selfies กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน ค่ารูรับแสง f/2.4 พร้อมโหมด Beautify 4.0 ปรับความเนียนได้ 7 ระดับ และกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี มาพร้อม LED Flash และโหมด Ultra HD สามารถถ่ายภาพความละเอียดได้สูงสุดถึง 50 ล้านพิกเซล
ตัวเครื่องจะเป็นแบบ Metal Unibody ไม่สามารถถอดฝาหลังออกได้ บอดี้เป็นโลหะดีไซน์สุดบางเพียง 7.65 มิลลิเมตร หน้าจอแสดงผล IPS LCD มีความละเอียด HD ขนาด 5.2 นิ้ว ซึ่งมีขนาดพอเหมาะกำลังดี ครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D และกันรอย Gorilla Glass 4 ขนาดตัวเครื่อง 149.1×72.9×7.65 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา 147 กรัม มีสเปคการใช้งานที่ตอบโจทย์สำหรับสมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่น
ด้านหน้าส่วนบน ประกอบไปด้วยเลนส์กล้องเซลฟี่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน มีค่ารูรับแสง f/2.4 ถ่ายภาพได้ดีในที่แสงน้อย พร้อมโหมด Beautify 4.0 , ลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา, เซ็นเซอร์เปิด-ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา (Proximity), เซ็นเซอร์ปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติตามสภาพแสง (Ambient Light) และเซ็นเซอร์หมุนภาพอัตโนมัติ (Accelerometer)
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบไปด้วยปุ่มการใช้งานแบบสัมผัส ได้แก่ปุ่มมัลติทาสก์ (ซ้าย) ปุ่มโฮมไม่มีสแกนลายนิ้วมือ (กลาง) และปุ่มย้อนกลับ (ขวา)
ด้านหลัง ผิวสัมผัสเรียบด้านมีความเป็นประกายอยู่ในตัว ตัวเครื่องเป็นแบบ Metal-Unibody มีความเรียบง่าย ไม่สามารถถอดเปลี่ยนฝาหลังได้ กึ่งกลางตัวเครื่องมีโลโก้แบรนด์เด่นชัด บริเวณด้านบน และด้านล่างมีเส้นเส้าอากาศพาดอยู่เป็นเส้นบางๆ
ด้านหลังส่วนบน ประกอบไปด้วยเลนส์กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อม LED Flash สามารถถ่ายภาพออกมาได้ความละเอียดสูงสุดถึง 50 ล้านพิกเซล ด้วยโหมด Ultra-HD
ด้านบนตัวเครื่อง พื้นผิวเรียบด้านไร้ช่อง หรือปุ่มการใช้งานใดๆ
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบไปด้วยแจ็คเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, รูไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ micro USB และลำโพงเสียงคมชัด
ด้านซ้ายตัวเครื่อง จะมีปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านขวาตัวเครื่อง มีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM จำนวน 2 ช่อง ช่องใส่ microSD card จำนวน 1 ช่อง และปุ่มพาวเวอร์สำหรับเปิด – ปิดตัวเครื่อง สามารถใส่ซิมการ์ดระบบ 4G ได้ถึง 2 ซิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอินเตอร์เน็ตสำหรับการหาข้อมูลหรือดูวิดีโอต่างๆ และอีกช่องสำหรับใส่หน่วยความจำเสริมภายนอก
การแคปหน้าจอ สามารถทำได้โดยกดปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่อง + ปุ่มลดระดับเสียงค่ะ
ทดสอบประสิทธิภาพ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานของ OPPO A39 ผ่านแอพพลิเคชั่น AnTuTu พบว่าสามารถทำคะแนนรวมไปได้ 42832 คะแนน ถือว่าทำได้ดีในระดับนึงเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นเก่าที่ให้มา
OPPO A39 เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek MT6750 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.5GHz มีหน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-T860 หน่วยความจำ RAM 3GB ความจุ 32GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128GB รันบนแพลตฟอร์ม Android 5.1 Lollipop ครอบทับ ColorOS 3.0 การประมวลผลต่างๆ ทำได้ลื่นไหลไม่สะดุด เชื่อมต่อ Wi-Fi และ 4G LTE ได้อย่างรวดเร็ว
Software
ในหน้า Lock screen ปลดล็อกง่ายๆ ด้วยการปัดหน้าจอด้านล่างขึ้นตามลูกศร และสามารถเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนไอคอนกล้องที่ปรากฏอยู่มุมขวาล่างขึ้นด้านบน
เมื่อปลดล็อกหน้าจอจะเข้าสู่หน้า Home screen ที่ให้มาจำนวน 2 หน้า (เพิ่มได้ในภายหลัง) แอพฯ ที่ติดมากับตัวเครื่องไม่รกตา สามารถดาวน์โหลดแอพฯ เพิ่มเติมได้ที่ Play Store
เมื่อสไลด์หน้าจอด้านบนลงจะพบกับ Quick settings หน้าตั้งค่าการแจ้งเตือน และการเชื่อมต่อต่างๆ อาทิ การเชื่อมต่อกับ Wi-Fi, อินเตอร์เน็ต 4G, บลูทูธ, ไฟฉาย, การปรับแสงสว่างของหน้าจอ, เครื่องคิดเลข, GPS, ตั้งค่าริงโทน หรือเปิดโหมดถนอมสายตาระหว่างการใช้งาน
ศูนย์รวมแอพฯ Google บริการต่างๆ มีมาให้เลือกใช้อย่างครบครัน
หน้าเบราว์เซอร์เข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเข้าถึง Google ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดปุ่มโฮมค้างไว้ครู่หนึ่ง
โหมดเครื่องมือมีแอพฯ ให้เลือกใช้งานเริ่มต้นที่บันทึกเสียงใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก
เข็มทิศ
วิทยุ และเครื่องคิดเลข
ปฏิทิน
นาฬิกา และแอพฯ วัดสภาพอากาศ
เมื่อกดที่ปุ่มมัลติทาสก์ค้างไว้ครู่หนึ่งจะพาเข้าเข้าสู่หน้าเคลียร์แอพฯ ที่ใช้งานไปทั้งหมด หากต้องการเคลียร์ทั้งหมดก็สามารถกดไปที่รูปกากบาท หรือปัดหน้าแอพฯ ขึ้นเพื่อเคลียร์แอพฯ และทำการปิด-เปิดเครื่องได้ง่ายๆ ด้วยการกดปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่อง
สามารถเปลี่ยนธีม หรือดาวน์โหลดธีมอื่นๆ ได้ตามสไตล์โดยไม่เสียค่าบริการที่แอพฯ ร้านค้าธีม
หากต้องการย้ายตำแหน่งหรือลบแอพฯ ที่ติดตั้งบนตัวเครื่อง หรือปรับแต่งหน้า Home Screen ให้กดค้างไปที่ไอคอนแอพฯ นั้นๆ แอพฯ จะเคลื่อนไหวปรับย้ายได้ตามสะดวกค่ะ
การโทร และข้อความปุ่มกดตัวใหญ่ใช้งานสะดวก
ตัวจัดการไฟล์ต่างๆ ภายในตัวเครื่อง และการตั้งค่าพื้นฐาน
สำหรับ OPPO A39 จะไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ แต่สามารถตั้งค่ารหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลได้ค่ะ
รองรับ Motion Control หรือการสั่งงานด้วยท่าทาง และการสัมผัสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ท่าทางหน้าจอปิดวาดตัวอักษรตามที่กำหนดเพื่อเข้าถึงการใช้งานอย่างรวดเร็ว, ท่าทางด่วน, การโทรอัจฉริยะที่สามารถใช้ท่าทางที่กำหนดในระหว่างโทรเพื่อสั่งงาน และการป้องกันการสัมผัสแบบไม่ได้ตั้งใจ
การตั้งค่าเพิ่มเติมในส่วนนี้จะมีให้รีเซ็ตข้อมูล ตั้งค่าวันที่-เวลา ภาษาที่ใช้งาน และแสดงหน่วยความจำภายในเครื่อง
อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่น่าจะโดนใจเพื่อนๆ ชอบเล่นสมาร์ทโฟนก็คือ Bluelight Filter ถนอมสายตาระบบจะทำการตัดแสงสีฟ้าของหน้าจอออก หน้าจอจะออกเป็นโทนเหลืองนวลสามารถปรับความนวลได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ, ระดับกลาง และระดับสูง
OPPO A39 รันบนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ครอบทับ Color OS 3.0 ดูเหมือนจะเป็นเวอร์ชั่นที่เก่าไปหน่อย
ในส่วนนี้เป็นส่วนของศูนย์ความปลอดภัย สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวต่างๆ จัดการระบบสแกนไวรัส ลบข้อมูลไฟล์ขยะ เคลียร์หน่วยความจำ และการอนุญาตเข้ารหัส หรือแอพฯ ต่างๆ
สำรองข้อมูลต่างๆ ภายในเครื่อง ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน เปิดคืนค่าอัตโนมัติ และการลบข้อมูลทั้งหมดบนสมาร์ทโฟนเพื่อตั้งค่าโรงงาน ด้วยการตั้งค่าสำรองข้อมูลและรีเซ็ต
ในส่วนนี้จะเป็นโหมดใช้งานแบบง่าย ลักษณะเรียบๆ ไม่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ใช้งานสูงอายุ หรือผู้ใช้งานเริ่มต้น
ถัดมาเราจะไปดูกันในส่วนของการใช้งานกล้องถ่ายภาพกันบ้าง เมื่อเปิดใช้งานกล้องหลังจะประกอบไปด้วยโหมดการใช้งานต่างๆ ได้แก่ ไทม์แลปส์โหมดถ่ายวิดีโอช่วยย่อระยะเวลาของสิ่งที่ดำเนินการไปอย่างช้าๆ โดยจะแสดงให้เห็นเร็วขึ้น เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเวลาอันสั้น
โหมดถ่ายวิดีโอ
โหมดถ่ายภาพแบบปกติเลือกเปิดใช้งาน HDR หรือเปิดแฟลชได้ตามสะดวก
โหมด Beautify 4.0 ที่กล้องหลังสามารถปรับได้ 7 ระดับ และตั้งค่าผิวอมชมพูได้เหมือนกับกล้องหน้า
โหมดพาโนรามาจับภาพมุมกว้างรอบทิศทาง
เมื่อเลือกโหมดการใช้งานปกติ แล้วกดไปที่วงกลมๆ ซ้อนกันทางขวามือ จะปรากฏหน้าให้เลือกใช้งานโหมดต่างๆ ดังต่อไปนี้
โหมด Ultra-HD ถ่ายภาพความละเอียดสูงสุดถึง 50 ล้านพิกเซล
โหมด GIF สร้างภาพเคลื่อนไหว
โหมดผู้เชี่ยวชาญ ปรับการใช้งานได้หลายระดับดังนี้
ปรับค่ารูรับแสง
ปรับ Auto ความไวในการโฟกัสภาพถ่าย
ปรับชัตเตอร์กล้อง
ปรับโฟกัสวัตถุ
โหมดตั้งค่าการกรองสี มีให้เลือกใช้งานแบบลายน้ำ หรือจะเลือกปรับตัวกรองใช้ฟิลเตอร์สีต่างๆ
สุดท้ายคือโหมดการตั้งค่ารับแสง 2 ครั้ง ถ่ายภาพโดยปรับระดับแสงเอง เราไปชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ OPPO A39 กันเลยค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
OPPO A39 มีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน มีเซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว ค่ารูรับแสง f/2.4 พร้อมโหมด Beautify 4.0 ปรับความเนียนได้ 7 ระดับ ทั้งยังสามารถปรับสีผิวอมชมพูได้อีกด้วย จากตัวอย่างภาพดังกล่าวซ้ายปรับ 4 ระดับ ค่าชมพูปานกลาง สวยเนียนเป็นธรรมชาติ ภาพขวาปรับ 7 ระดับ ค่าความชมพูปรับเต็ม ภาพดูนวลๆ และฟุ้ง ผิวหน้าอมชมพู โดยรวมแล้วกล้องหน้าทำได้ดีในระดับนึง ขณะที่กล้องหลังทำได้ดีสวยคมชัด แต่ทั้งหมดแล้วยังทำได้ไม่เท่ารุ่นพี่อย่าง OPPO F1s
จุดเด่น
– หน้าจอใหญ่ 5.5 นิ้ว ครอบทับกระจกขอบโค้ง 2.5D Gorilla Glass 4 ตอบสนองการสัมผัสได้ดีไม่มีสะดุด
– ดีไซน์ตัวเครื่องมีความโค้งมนขนาดพอเหมาะกำลังดี
– ตัวเครื่องโลหะแบบ Unibody งานประกอบแน่นหนา มีความบางเพียง 7.65 มิลลิเมตร
– ใช้ชิปเซ็ต Octa-Core มีความรวดเร็วในการประมวลผล
– หน่วยความจำ RAM 3GB ความจุ 32GB รองรับ microSD สูงสุด 256GB
– กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อม LED flash
– กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4
– กล้องหลังปรับโฟกัสได้เอง ถ่ายภาพออกมาสวยคมชัด
– กล้องเซลฟี่มีโหมด Beautify 4.0 ปรับความเนียนได้ตามใจชอบถึง 7 ระดับ
– มีฟังก์ชั่น Bluelight Filter โหมดปรับแสงหน้าจอเพื่อถนอมสายตา
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
– สนับสนุนเครือข่าย 4G LTE
– รองรับ USB OTG เชื่อมต่อข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้โดยตรง
– ลำโพงเสียงดังชัดเจนไม่แตกพร่า
– รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง
– แบตเตอรี่รองรับโหมดประหยัดพลังงาน
– ตัวเครื่องใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน
– มีหูฟัง เคสซิลิโคนใส และฟิล์มกันรอยแถมให้
– ราคาไม่แพงมากเพียง 6,490 บาท
– มีโปรโมชั่นลดแหลกดีลกับค่ายมือถือ เหมาะสำหรับผู้ใช้รายเดือน
ข้อสังเกต
– ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop เวอร์ชั่นเก่า
– ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– หน้าจอความละเอียดเพียง HD
– ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว
– กล้องหน้าปรับแสงไม่นิ่ง
– ตัวเครื่องเป็นแบบ Unibody ไม่สามารถถอดฝาหลัง หรือแบตเตอรี่ได้เอง
– แบตเตอรี่ให้มาน้อยแค่ 2900mAh
สรุป
หลังจากที่แอดมินได้ทดลองใช้มาประมาณ 1 สัปดาห์พบว่าเจ้า OPPO A39 ทำงานได้ลื่นไหลดี หน้าจอทัชสกรีนตอบสนองได้ไว ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่กำลังดี มีสเปคการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มองหาสมาร์ทโฟนราคาประมาณ 7,000 บาท กล้องหลังถ่ายภาพออกมาได้อย่างคมชัด ปรับโฟกัสได้เอง ส่วนกล้องหน้ามีโหมด Beautify 4.0 ปรับหน้าเนียนให้ใช้งาน
แต่ขัดใจตรงที่ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ กล้องหน้าปรับโฟกัสอัตโนมัติแสงไม่นิ่ง ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นเก่า และแบตเตอรี่ให้ความจุมาน้อยไปหน่อยแต่ยังสามารถใช้งานได้นานเกิน 1 วัน และหากจะให้เลือกจริงๆ แอบกระซิบว่าหากใครที่เน้นในส่วนของการเซลฟี่ให้เพิ่มเงินอีกไม่กี่บาทแล้วไปสอย OPPO F1s เลยจะดีกว่า (ชมรีวิว) หรือย้ายแบรนด์ไปใช้ vivo V5 ตัวนี้กล้องหน้าเด็ดจริงความละเอียดสูงถึง 20MP (ชมรีวิว)
เนื่องจากถ่ายเซลฟี่ได้สวยคมชัดมากกว่า สเปคกล้องดีกว่า แบตเตอรี่ความจุสูงกว่า และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ขณะเดียวกันแอดมินก็รู้สึกชื่นชอบในส่วนของกล้องหน้าเหมือนกันภาพที่ได้สวยเนียนเป็นธรรมชาติปรับระดับ 4 กำลังดีเลยค่ะ แต่แค่โฟกัสแสงอัตโนมัติไม่นิ่งทำให้ภาพดูสว่างจ้าก็เท่านั้น ต้องคอยปรับโฟกัสเองเป็นบางครั้ง และกล้องหลังก็ทำออกมาได้สวยคมชัด ถ่ายในพื้นที่แสงน้อยได้ดีในระดับนึง แถมมีโหมด Ultra HD ถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซลอีกด้วย
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Huawei GR5 2017
– Huawei P9 Lite
– Lenovo VIBE K5 Note
– Moto X Play
– Moto G4 Plus
– vivo V5
– OPPO F1s
– OPPO F1
– OPPO A37
– Samsung Galaxy J7 Prime
– vivo V3Max
– Wiko U Feel Prime
– ZTE Blade V7 Max
ขอขอบคุณ บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด
Leave a Reply