เหตุผล 5 ข้อ!! ที่ทำให้ควรซื้อ Google Pixel XL มากกว่า iPhone 7 Plus

เหตุผล 5 ข้อ!! ที่ทำให้ควรซื้อ Google Pixel XL มากกว่า iPhone 7 Plus

Google Pixel XL

ก็เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานสำหรับ Google Pixel และ Google Pixel XL สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ Google เป็นผู้ผลิตเอง (ต่างจากสมาร์ทโฟนตระกูล Nexus ที่บริษัทพาร์ทเนอร์เป็นผู้ผลิตให้) มาพร้อมดีไซน์ที่คล้ายคลึงกันแต่จะต่างกันที่ขนาดของหน้าจอ ล่าสุดสื่อต่างประเทศได้รวบรวมเหตุผล 5 ข้อ ที่ควรจะซื้อ Google Pixel XL มากกว่า iPhone 7 Plus ออกมาให้อ่านกันแบบเพลินๆ ส่วนจะมีเหตุผลใดบ้างนั้นเราไปชมกันเลยค่ะ

Google Pixel XL

หน้าจอ Quad HD ที่มีความละเอียดสูงกว่า

Google Pixel และ Google Pixel XL มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) และความละเอียด Quad HD (2560×1440 พิกเซล) ตามลำดับ ซึ่งหน้าจอความละเอียดนี้เหมาะกับการใช้งาน VR ร่วมกับอุปกรณ์อย่าง Daydream View แต่ทางด้าน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มาพร้อมหน้าจอ LCD ความละเอียด HD (1280×720 พิกเซล) และความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) ตามลำดับ

มีช่องแจ็คเสียบหูฟังนะ!

บางทีคุณอาจเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้คนนับล้านที่ยังต้องการใช้ช่องแจ็คเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรอยู่ ซึ่งแน่นอนว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus นั้นถูกตัดช่องแจ็คออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อทำให้สามารถเพิ่มฟีเจอร์คุณสมบัติใหม่ๆ เข้าไปได้ ทำให้ Google Pixel และ Google Pixel XL อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ช่องเสียบหูฟังแบบเก่า โดยที่ไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์หรือบลูทูธให้ยุ่งยาก

สามารถเก็บรูปภาพ และวิดีโอได้ไม่จำกัด

Google อนุญาตให้สามารถเก็บรูปภาพ และวิดีโอได้แบบไม่จำกัดจำนวนบน Google Photo ได้ฟรี โดยผู้ใช้งาน Google Pixel และ Google Pixel XL สามารถอัพโหลดภาพถ่ายและวิดีโอได้มากเท่าที่พวกเขาต้องการ แต่ทางด้านสมาร์ทโฟนของ Apple ได้เก็บค่าใช้จ่ายและให้พื้นที่การใช้งานในจำนวนที่จำกัดเพียง 5GB เท่านั้น

กล้องถ่ายภาพที่ดีกว่า และติดอันดับยอดนิยม

กล้องถ่ายภาพของ Google Pixel และ Pixel XL สามารถทำคะแนนการจัดอันดับสูงสุดของ DxOMark ได้สูงกว่า iPhone 7 และ Samsung Galaxy S7 edge โดยมาพร้อมกล้องความละเอียด 12.3 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 ขนาด 1.55 ไมครอนพิกเซล พร้อม LED flash, PDAF, LDAF สามารถถ่ายภาพได้ดีในทุกสภาพแสง

มีบริการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง!

บริการหลังการขายของ Google Pixel และ Google Pixel XL คือการสนับสนุนและบริการลูกค้าที่ประสบปัญหาในการใช้งานสมาร์ทโฟนทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

Google Pixel

– หน้าจอ AMOLED ขนาด 5 นิ้ว
– ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล
– กระจก Gorilla Glass 4
– ระบบปฏิบัติการ Android 7.1 Nougat
– CPU Snapdragon 821 Quad-Core ความเร็ว 2.15GHz
– GPU Adreno 530
– RAM 4GB
– ROM 32GB และ 128GB
– กล้องหลังความละเอียด 12.3 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อม LED flash, PDAF, LDAF
– กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– สนับสนุน 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11ac MIMO, Bluetooth 4.2, GPS, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 2770mAh รองรับ Fast charging
– ขนาดตัวเครื่อง 43.8 x 69.5 x 7.3 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 143 กรัม

Google Pixel XL

– หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว
– ความละเอียด 2560×1440 พิกเซล
– กระจก Gorilla Glass 4
– ระบบปฏิบัติการ Android 7.1 Nougat
– CPU Snapdragon 821 Quad-Core ความเร็ว 2.15GHz
– GPU Adreno 530
– RAM 4GB
– ROM 32GB และ 128GB
– กล้องหลังความละเอียด 12.3 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อม LED flash, PDAF, LDAF
– กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– สนับสนุน 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11ac MIMO, Bluetooth 4.2, GPS, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 3450mAh รองรับ Fast charging
– ขนาดตัวเครื่อง 154.7 x 75.7 x 7.3 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 168 กรัม

ทั้งนี้ Google Pixel และ Google Pixel XL ตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน (Very Silver), สีดำ (Quite Black) และสีน้ำเงิน (Really Blue) ที่เป็นสี Limited Edition สำหรับวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยมีราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นที่ $649 หรือประมาณ 22,600 บาท โดยจะเปิดให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้า 13 ตุลาคมนี้ ผ่านร้านค้า Best Buy, Verizon, Google Store ในประเทศอินเดีย

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.technobuffalo.com