ZTE คว้า 16 รางวัลจาก IFA 2016 “Axon 7 Series” ได้รับการยกย่องจากสื่อชั้นนำระดับโลก

แซดทีอีคว้า 16 รางวัลจาก IFA 2016 สุดยอดงานแสดงนวัตกรรมคอนซูมเมอร์อิเล็คทรอนิกส์ชั้นนำของโลกสมาร์ทโฟนเรือธง แอ็กซอน 7 ซีรีส์ ได้รับการยกย่องด้านระบบคุณภาพเสียงสุดล้ำพร้อมกับคุณสมบัติพรีเมี่ยมอีกมากมาย

แซดทีอี (ZTE) ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือชั้นนำของโลก ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในงาน IFA2016 สุดยอดงานแสดงนวัตกรรมคอนซูมเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำระดับโลกที่จัดขึ้น ณ ประเทศเยอรมนี เมื่อเร็วๆ นี้ จากสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง แอ็กซอน 7 ซีรีส์ (Axon 7 Series) ด้วยการคว้า 16 รางวัลและได้รับการยกย่องจากสื่อชั้นนำ

ซึ่งรวมถึงรางวัลด้านผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมทางเทคนิค “นวัตกรรมระบบเสียงยอดเยี่ยมในสมาร์ทโฟน” (the 2016 IFA Product Technical Innovation Award for “Breakthrough in Smartphone Audio Innovation”) และเป็นสมาร์ทโฟนที่แสดงถึงความเป็นสุดยอดนวัตกรรม the “Best Smartphone IFA 2016” award จาก GIGA.DE เว็บไซต์สมาร์ทโฟนชั้นนำของเยอรมัน

มิสเตอร์เจเรมี จ้าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แซดทีอี ดีไวซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงแอ็กซอน 7 ซีรีส์ สามารถคว้า 16 รางวัลสำคัญจาก IFA 2016 มาได้ เป้าหมายของแซดทีอี คือการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีที่สุดให้ตรงใจลูกค้า การเปิดตัวสมาร์ทโฟนแอ็กซอน 7 ซีรีส์ ในประเทศไทยล่าสุดก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เรายังคงยินดีรับฟังเสียงทุกเสียงของลูกค้า สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และแนะนำนวัตกรรมก้าวล้ำออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ”

แอ็กซอน 7 ซีรีส์ ซึ่งประกอบด้วย แอ็กซอน 7 (Axon 7) ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและ แอ็กซอน 7 มินิ (Axon 7 mini) ที่เปิดตัวในงาน IFA2016 ในที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองรุ่นมีความโดดเด่นด้วยระบบเสียงไฮ-ไฟ ด้วยลำโพงสเตอริโอสองตัวด้านหน้าให้เสียงคุณภาพและมาพร้อมกับกล้องคุณภาพสูงและคุณสมบัติโดดเด่นอีกมากมาย

ด้วยรูปลักษณ์ของแอ็กซอน 7 ซีรีส์ โดดเด่นสะดุดตากับดีไซน์ที่เพรียวและโฉบเฉี่ยวมาพร้อมแรงบันดาลใจจากนวัตกรรมยานยนต์หรู นอกจากนั้น แอ็กซอน 7 ยังเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกที่รองรับ Daydream VR จากกูเกิลอีกด้วย และในการเปิดตัวแอ็กซอน 7 ซีรีส์ในเมืองไทยเมื่อเร็วๆ นี้ แซดทีอีได้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเติบโตในไทยด้วยการประกาศเปิดตัว“มาริโอ้ เมาเร่อ” ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแซดทีอีในเมืองไทยคนแรก

บริษัท แซดทีอี (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2545 ได้สร้างสายใยแห่งความร่วมมือทางธุรกิจอันเหนียวแน่นกับเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในประเทศไทยมากมาย อาทิเช่น AIS, TrueMove, TOT, CAT และ DTAC นอกจากการให้บริการ 4G/LTE และการบริการบรอดแบนด์แล้ว

แซดทีอียังพัฒนาพื้นที่เก็บข้อมูลแบบออนไลน์และระบบคลาวด์สาธารณะเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงความตั้งใจจริงที่จะสร้างตัวตนและเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคในประเทศไทยผ่านในฐานะผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและพร้อมผลักดันประเทศไทยให้ก้าวไปสู่เศรษฐกิจในโลกยุคดิจิทัล

ในตลาดผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แซดทีอีได้มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาดอยู่เสมอ ปัจจุบัน บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ 4G ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในโลก (และดำรงตำแหน่งนี้ต่อเนื่องกันมา 3 ปีแล้ว) และได้ประสบความสำเร็จกับการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดทั้งกับตลาดอุปกรณ์ไร้สายและเชื่อมสายอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ในปี 2559 นี้ แซดทีอียังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำด้านโครงสร้างเครือข่าย LTE จาก Gartner Magic Quadrant อีกด้วย นอกจากนี้ แซดทีอียังถือครองส่วนแบ่งการตลาดที่สูงที่สุดสำหรับอุปกรณ์ IPTV ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของการจัดจำหน่ายของเร้าเตอร์ระดับไฮเอนด์อย่าง T8000 รวมทั้งยังครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดอันดับสองสำหรับตลาดอุปกรณ์เครือข่าย PON และสายใยแก้ว (optic transmission) อีกด้วย

แซดทีอี ได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายหลายรายในการให้การสนับสนุนกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค 5G ด้วยกับผลิตภัณฑ์เด่นของบริษัทอย่าง Pre56 Massive MIMO ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ แซดทีอีคว้ารางวัลมาแล้วมากมายอาทิ ‘GSMA Best Mobile Technology Breakthrough 2016’ และ ‘CTO Choice Award’ เป็นต้น

ปัจจุบัน แซดทีอี นับเป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้ายุค Pre5G ระดับโลกและได้มีการจัดจำหน่ายโซลูชั่นด้าน Pre5G ของบริษัทในหลายประเทศ อาทิ ออสเตรีย จีน เยอรมนี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และ เกาหลีใต้ เป็นต้น นอกจากนี้ แซดทีอียังได้มีพัฒนาการที่สำคัญในการช่วยให้ผู้ให้บริการหลายราย

อาทิ Telecom Cloud, Big Video, RCS, CDN, SDN/NFV สามารถพัฒนาเครือข่ายที่มีความยั่งยืนในหลาย ๆ ประเทศที่เป็นตลาดที่กำลังเติบโต และนั่นยังไม่หมด สำหรับตลาด IoT นั้น ZTE ยังได้ใช้กลยุทธ์ M-ICT ในการยกระดับมาตรฐานการวิจัยและพัฒนา การออกแบบผลิตภัณฑ์และการพัฒนาแอพพลิเคชั่นโซลูชั่นส์ และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ NB-IoT สำหรับตลาด IoT โดยเฉพาะเพื่อสร้างรากฐานการเติบโตแห่งอนาคตอีกด้วย

“แซดทีอี นับเป็นบริษัทแนวหน้าด้านเทคโนโลยีสื่อสารซึ่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการสร้างสรรค์นวัตกรรมโซลูชั่นด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่ดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั่วโลก สำหรับประเทศไทยนั้น นับเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแซดทีอี และจากมูลค่าการลงทุนมหาศาลด้านวิจัยและพัฒนา

แซดทีอีสามารถที่จะพัฒนาที่สุดแห่งสมาร์ทโฟนเพื่อตอบโจทย์ตลาดแต่ละเซกเม้นท์ได้ ทั้งนี้ เราได้ทำธุรกิจตลาด B2C อย่างจริงจัง ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เราตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 5% ของตลาดสมาร์ทโฟนในไทยและติดอันดับ 1 ใน 5 ของแบรนด์สมาร์ทโฟนยอดนิยมของไทย ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทยทั่วประเทศ นอกจากนั้นเรายังมีแผนขยายช่องทางการขายทั่วประเทศอีกเท่าตัวและเปิดช็อปแบรนด์แซดทีอีหนึ่งแห่งในกรุงเทพฯ ภายในปี 2559 นี้” มิสเตอร์เจเรมี จ้าว กล่าวสรุป