ยังไง? Galaxy S7 edge โฆษณากันน้ำได้ แต่ไม่กันน้ำฝน! ลูกค้าอึ้งช่างตีค่าซ่อมหมื่นกว่า

ยังไง? Galaxy S7 edge โฆษณากันน้ำได้ แต่ไม่กันน้ำฝน! ลูกค้าอึ้งช่างตีค่าซ่อมหมื่นกว่า

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ในปัจจุบันแบรนด์ผู้ผลิตมือถือสมาร์ทโฟนต่างเพิ่มคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นให้กับสมาร์ทโฟนของตน ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวคงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นคุณสมบัติที่ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ต้องการอยู่ไม่น้อย และคำโฆษณาในโทรทัศน์ก็ช่างเย้ายวนให้เราจับจองเป็นเจ้าของซะเหลือเกิน แต่ทว่าจะมีสมาร์ทโฟนสักกี่เครื่องที่จะสามารถใช้งานได้สมกับคำโฆษณา

ล่าสุด เรามีบทความของคุณ สมาชิกหมายเลข 2827150 จาก Pantip.com ที่มีชื่อบทความว่า “ลาก่อนกับแบรนด์ชั้นนำที่ทำโทรศัพท์กันน้ำ แต่ไม่สามารถกันน้ำฝนได้” มาฝากให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน โดยกระทู้บทความดังกล่าวกำลังได้รับความสนใจจากเพื่อนๆ สมาชิกอยู่ไม่น้อยเลย ซึ่งในบทความเจ้าของกระทู้ได้มาแชร์ประสบการณ์ของผู้ที่เชื่อว่าของแพงจะดีจริงตามคำโฆษณาให้เราได้ทราบกัน

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของกระทู้ได้ตัดสินใจซื้อ Samsung Galaxy S7 edge ที่ตัวเครื่องมีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 คือสามารถกันน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นาน 30 นาทีมาใช้งาน โดยในวันที่ซื้อเบ็ดเสร็จรวมแล้วเสียเงินไปทั้งสิ้นกว่า 30,000 บาท ทั้งติดฟิล์มกันรอย และเคสที่ซื้อจากศูนย์เลย แต่เมื่อใช้งานมาได้ 3 เดือนก็เกิดเหตุการณ์ที่ต้องจดจำขึ้น

เมื่อมีอยู่ครั้งหนึ่งฝนตกหนักมากจนทำให้เครื่องสมาร์ทโฟนต้องเปียกน้ำฝนไปด้วย ในใจเจ้าของกระทู้ก็คิดแล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ เลยได้ลองถอดเคสที่ซื้อมาจากศูนย์ออกพร้อมกับนำทิชชู่เช็ดน้ำฝนออก นำเครื่องผึ่งลมให้แห้งและปิดเครื่องทิ้งไว้ ในรุ่งเช้าก็ลองเปิดเครื่องดูปรากฏว่ายังใช้งานได้ตามปกติ

แต่ในวันถัดมาเจ้าของกระทู้ได้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายกลับพบว่ามีหยดน้ำอยู่เต็มทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง เลยตัดสินใจนำซองกันชื้นมาห่อหุ้มตัวเครื่องไว้เพื่อรอนำไปเข้าศูนย์ และเมื่อไปถึงที่ศูนย์ช่างได้ตรวจสอบดูแล้วพบว่าน้ำเข้าทางช่องใส่ซิม และคาดว่าเคสซิลิโคนที่อยู่รอบถาดซิมอาจเสื่อมหรือปิดไม่สนิท

และแจ้งกับทางเจ้าของกระทู้ว่าเครื่องไม่อยู่ในเงื่อนไข หากจะซ่อมเจ้าของกระทู้ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยจะต้องเปลี่ยนจอและบอร์ดใหม่ โดยช่างได้ตีราคาค่าซ่อมมาแล้วอยู่ที่ราวๆ 12,xxx บาท ไม่รวมค่าช่าง และรอสั่งจออีก 1 เดือนถึงจะได้เปลี่ยนอีกต่างหาก เราไปชมเนื้อหาภายในบทความนี้กันเลยค่ะ

 Samsung Galaxy S7 edge

อยากบอกเล่าประสบการณ์ของผู้ที่เชื่อว่าของแพงจะดีจริงตามคำโฆษณา คือเรื่องมีอยู่ว่าพอดีโทรศัพท์เครื่องเก่ามีปัญหาพอดี เลยคิดว่าจะหาโทรศัพท์ดีๆ สักเครื่องมาใช้ เพิ่งไปสะดุดตรงรุ่นใหญ่หัวเรือรบของค่ายนี้คือรุ่น 7 edge ซึ่งข้อมูลของสินค้าก็เว่อวังอลังการใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่ถ่ายภาพในที่มึดนี่คือใช้ได้จริง แบตเตอรี่อึดขึ้นอันนี้ก็ใช้ได้จริง

และที่เด็ดสุดคือกันน้ำจ้าเป็นสิ่งที่คนใช้โทรศัพท์ทุกคนต้องการ คือมีระบบกันน้ำที่กันได้ลึกถึง 1.5 เมตร นาน 30 นาที OMG!!! คือเด็ดดวงนี่แหละคือสิ่งที่ฉันถามหา ถามว่ากังวลเรื่องราคาไหมก็มีนิดนึงนะ แหมก็ราคาขนาดนั้นในเศรษฐกิจแบบนี้ถือว่าคิดหนักพอสมควร แต่ไหนๆ เครื่องเก่าที่เราใช้อยู่มันก็ของแบรนด์นี้

ใช้มาตั้งปีกว่าละคงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง (เครื่องเก่ารุ่น Note4 นะจ๊ะทนใช้ได้) จึงตัดสินใจรีบคว้ามาเป็นเจ้าของ พอได้มาก็ใช้มันอย่างทะนุถนอมปานไข่ในหิน ซื้อทั้งฟิล์มจากศูนย์เลยจ้า 900 บาทไทย ซึ่งก็รู้แหละว่าฟิล์มราคา 350 บาท แต่ก็ยอมติดเพราะของศูนย์มันต้องดี (ใช่มะ) พร้อมเคสหลังแบบมีฝาเปิดปิดอีก 1 อัน สิริรวมค่าสินค้า 30,000 บาท ได้ตังค์ทอนกลับบ้าน 10 บาท

หลังจากที่ได้เครื่องมาก็ใช้งานแบบเบามือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ก็เครื่องมันแพงอะ) ใช้มาได้สักพักก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ใช้ดีมากถึงมากที่สุด รักเลยจากวันที่ซื้อข้ามไปเลยนะครับ ข้ามไปจนถึงวันที่มีปัญหาเลยละกันเพราะน้ำเยอะแล้ว ปัญหาเริ่มจากช่วงนี้คือ ฝนตกบ่อย แล้วเราก็เป็นคนที่ต้องขับรถเครื่องตลอด ตากฝนบ้าง ตากแดดบ้าง เราก็พกโทรศัพท์ไปด้วย ซึ่งเราก็พยายามไม่ให้มันเปียกฝนโดยตรงอยู่แล้ว

แล้วมีอยู่วันนึงฝนตกหนักจนเราก็เปียกไปทั้งตัวและโทรศัพท์ก็ต้องโดนน้ำ ใจคิดว่าจะเป็นอะไรไหมวะเลยกลับมาเช็ดๆ ถอดเคสแล้วเอาทิชชู่เช็ดน้ำออก แล้วเอาไปผึ่งลมให้แห้งแล้วปิดเครื่องไว้จนข้ามคืน ตอนเช้าค่อยเปิดเครื่องใช้งานก็ใช้งานได้ตามปกติแหละ (โล่งอก) แล้ววันต่อมาเจ้าของกระทู้ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย

แล้วสิ่งที่เจ้าของกระทู้กลัวก็เกิดขึ้น (ชิบหอยแล้ว!!!) อุทานออกมาดังมาก จะไม่ไห้ตกใจได้ไงคุณน้ำขึ้นเป็นหยดเต็มทั้งกล้องหน้ากล้องหลังเลยคุณ เอาไงละทีนี้ จิตตกทำไรไม่ถูกวิ่งเข้า 7-11 แล้วไปซื้อโดโซะมา 4 ห่อ เทขนมทิ้งแล้วเอาถุงกันชื้นในซองมาห่อโทรศัพท์ไว้ รอเวลาเข้าศูนย์เช็ค (ทำไมฉันซวยแบบนี้)

หลังจากที่เครื่องยังอยู่ที่ต่างจังหวัดเป็นเวลา 2 วัน โดยไม่ได้ชาร์จแบตเตอรี่เลย เครื่องก็ยังไม่ดับนะเราก็ยังใส่ถุงกันชื้นไว้ปกติ แต่ตอนนี้เครื่องก็เริ่มรวนๆ แล้วแหละเราก็ยิ่งใจเสีย รีบเอาไปเช็คที่ศูนย์ที่ซื้อมาเลยจ้าแบตเตอรี่ก็ยังไม่กล้าชาร์จกลัวเครื่องช๊อต พอไปให้เจ้าหน้าที่เช็คเขาก็บอกว่าน้ำเข้าทางช่องใส่ซิม (คุณพระ)

แล้วเราก็ถามพนักงานว่า “น้ำจะเข้าไปได้ยังไงในเมื่อตั้งแต่ซื้อไปเรายังไม่ได้ทำอะไรกับช่องใส่ซิมเลย มีแต่พนักงานของศูนย์ที่เป็นคนยัดซิมใส่ให้ ” พนักงานก็ทำมึนๆ บอกว่าแค่ว่า “น้ำเข้าไปทางช่องใส่ซิมครับ ให้ลูกค้าไปเช็คกับช่างที่ศูนย์ซ่อมที่ซีคอนได้เลย” แค่เนี่ยะแค่นี้จริงๆ เริ่ด!!! แล้วเราก็ต้องทำไงคะไปซีคอนสิคะ

ด้วยความที่กลัวเครื่องเป็นอะไรไปมากกว่านี้เราก็ต้องรีบค่ะเดินหาศูนย์อยู่นาน ในที่สุดเราก็เจอศูนย์ซ่อมของซัมซุง ไปถึงก็กดบัตรรอคิวแล้วก็รอ รอ รอ รอ แล้วก็รอ พอเสียงสวรรค์เรียกคิวเราก็พุ่งตัวเข้าไปที่พนักงาน แจ้งอาการของเราให้พนักงานทราบ (ซึ่งตอนไปถึงเราได้แอบเช็คเครื่องไปนิดนึงว่าเครื่องเรายังติดไหม ซึ่งก็คือยังติดแต่แบตเตอรี่เหลือแค่ 3% คิดว่ากว่าจะไปถึงซีคอนแบตเตอรี่คงหมดพอดี)

พอแจ้งอาการพนักงานก็รับเครื่องไปเช็คแล้วก็แจ้งเรา บลา บลา บลา สรุปคือ “น้ำเข้านะคะเข้าทางถาดใส่ซิม ซึ่งตัวถาดใส่ซิมจะมีตัววัดระดับน้ำเข้าอยู่นี่ไงคะ เห็นไหมคะ บลา บลา บลา” เราก็ถามว่า “แล้วทำไมน้ำเข้าไปได้ครับ ในเมื่อโฆษณาคุณก็บอกอยู่ว่ากันน้ำลึกเมตรกว่า 30 นาที นี่อะไร คือยังไงครับทำไมน้ำเข้า”

พนักงานก็ว่า “ตัวซิลิโคนที่อยู่รอบถาดซิมอาจเสื่อมหรือปิดไม่สนิทค่ะ” (เฮ้ย!! ซื้อได้สามเดือนยังไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย ซิลิโคนเลยเสื่อมอะไรมันจะห่วยขนาดนั้น) แล้วน้องพนักงานก็เดินไปให้ช่างที่หลังเคาน์เตอร์เช็ค สักพักน้องก็เดินออกมาแจ้งว่า “เครื่องของคุณลูกค้า ไมได้ได้อยู่ในเงื่อนไขแล้วนะคะ

ตอนนี้ลูกค้าต้องซ่อมเอง และเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดค่ะ “(เราก็คิดในใจ…..เชี่ยละ) ถามน้องเขาไปว่า “แล้วค่าใช่จ่ายเท่าไหร่ครับ” น้องก็บอกคร่าวๆ ว่าสิ่งที่ต้องเปลี่ยนตอนนี้คือ 1.จอค่ะ ตอนนี้จอช๊อตใช้ไม่ได้เสียไปแล้ว ค่าซ่อมจออยู่ที่ 5,900 – 6,000บาท รอสั่งจออีก 1 เดือนถึงจะได้ของ 2. บอร์ดค่ะ ตอนนี้บอร์ดช๊อตต้องเปลี่ยนบอร์ดใหม่ซึ่งราคาบอร์ดก็อยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท ไม่รวมค่าช่างนะคะ

เราก็บอก “มันจะช๊อต จอจะพังได้ไงครับ ตอนเช้าผมยังใช้โทรศัพท์คุยกับแม่ผมอยู่เลย” น้องพนักงานก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจอพังแล้วบอร์ดเสียค่ะ ต้องเปลี่ยนอย่างเดียว เราก็เลยบอก “ไม่เป็นไรครับผมซื้อเครื่องใหม่ดีกว่า” แล้วเราก็เดินจากน้องเขามาด้วยความเศร้าจบ T-T เรื่องของผมก็จบลงเพียงเท่านี้นะครับ เดี๋ยวเรามาดูกันดีกว่าว่าตอนนี้โทรศัพท์ผมเป็นยังไงตั้งแต่วันแรก

นี่คือรูปแรกที่เราถ่ายตอนที่รู้ว่า กล้องหน้าเริ่มมัวๆ ฮัลโหลลลลล is me

และนี่คือหลังจากที่รู้ว่าเครื่องน่าจะมีความชื้นเข้าไป สถาพเครื่องน่าสงสารมากโดนห้อมล้อมด้วยถุงกันชื้นจากซองโดโซะ!!!


และนี่ก็คือรูปปัจจุบัน หลังจากที่พนักงานบอกว่าเครื่องซ๊อตบอร์ดพังเปิดเครื่องไม่ติดนะคะ และขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าฉันมั่นใจในคำโฆษณาของแบรนด์ดังๆ ไม่ได้เลย ขอบคุณค่ะลาก่อน

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ คุณ สมาชิกหมายเลข 2827150 จาก www.pantip.com