ภาคต่อ!! กรณีพนักงาน AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปขายให้บุคคลภายนอก

by

in

ภาคต่อ!! กรณีพนักงาน AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปขายให้บุคคลภายนอก

AIS

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หลังจากที่ทาง 9thaiphone ได้นำเสนอประเด็นร้อนกรณีพนักงาน AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปขายให้บุคคลภายนอกไปเมื่อไม่นานมานี้ (ดูข่าวเก่า) สืบเนื่องมาจากกรณีพนักงานของ AIS รายหนึ่งตำแหน่งเป็น IT Specialist เทียบเท่าระดับผู้ชำนาญการ ได้รับจ้างทำงานขโมยข้อมูลของเจ้าของกระทู้ไปให้แก่บุคคลภายนอก

โดยเป็นบันทึกข้อมูลการโทรเข้าโทรออกรวมไปถึงพิกัดสถานที่ของเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเจ้าของกระทู้ให้แก่บุคคลนั้น ซึ่งมีหลักฐานว่าบุคคลผู้ว่าจ้างได้จ่ายเงินให้แก่พนักงาน AIS รายนี้เป็นจำนวนเงินสูงถึงหลักแสนมาเป็นระยะเวลานาน และที่สำคัญพนักงานเจ้าปัญหาไม่ได้ทำครั้งนี้เป็นครั้งแรก หากแต่ทำมาแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่า 2 ปี

สำหรับประเด็นที่ว่าด้วยเหตุใดเจ้าของกระทู้จึงถูกล้วงข้อมูลนั้นถูกระบุไว้ว่ามาจากเรื่องส่วนตัวบางอย่างกับผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง และเมื่อเจ้าของกระทู้ติดต่อไปยัง AIS เพื่อทวงถามถึงกรณีที่พนักงานในสังกัดของตนทำการขโมยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าไปขายต่อให้บุคคลอื่นเช่นนี้ ทาง AIS ไม่ได้รับผิดชอบเท่าที่ควร จนกระทั่งเจ้าของกระทู้และครอบครัวได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับทาง กสทช. จนเป็นเรื่องเป็นราวกันได้สักพัก

ล่าสุด ทางด้านเจ้าของกระทู้ คุณ pairnow จาก Pantip.com ผู้ถูกกระทำได้ตั้งบทความใหม่ โดยมีชื่อบทความว่า “ภาคต่อ #1 – กรณี AIS ข้อมูลหลุดทำให้เกิดความเสียหาย” ที่เราจะขอนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เนื้อหาภายในบทความดังกล่าวเจ้าของกระทู้ได้นำเสนอเกี่ยวกับความอัดอั้นตันใจที่ตนเอง และครอบครัวได้ประสบมาทั้งหมด

โดยระบุว่าหลังจากที่ตนเองได้ยื่นเรื่องไปที่ AIS ตนได้รับการติดต่อมาเพียงแค่ครั้งเดียว และต่อมาได้ร้องเรียนกับ กสทช. เพื่อให้หน่วยงานเป็นผู้ทำหน้าที่สอบสวนและพิจารณาบทลงโทษต่างๆ โดยทางเจ้าของกระทู้ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากหน่วยงาน จากเลขาธิการ รองเลขาธิการ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ของ กสทช. และสื่อมวลชนสำนักต่างๆ ที่ให้ความสนใจกรณีนี้

ซึ่งทาง กสทช. ได้กรุณาให้เจ้าของกระทู้เข้าพบกรรมการสอบสวนเพื่อชี้แจงข้อมูลต่างๆ รวมถึงทำการสอบสวนทาง AIS ที่ดูเหมือนว่าหลายๆ ฝ่ายจะพยายามทำให้เรื่องดังกล่าวจบลงให้เร็วที่สุด และจบลงแบบเงียบๆ พร้อมกับพยายามปัดเรื่องนี้ออกจากตัวให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะทาง AIS ที่ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจลูกค้าของตนเองเลย ซึ่งพยายามจะใช้ความเงียบกลบเรื่องราวทุกสิ่งให้หายไป เราไปติดตามบทความล่าสุดนี้กันเลยค่ะ

สวัสดีครับ ผมขอตั้งกระทู้ใหม่เพื่ออัพเดทข้อมูลต่างๆ ให้ทราบ และขอระบายความในใจอะไรบางอย่างนะครับ เนื่องจากกระทู้เก่าตกไปแล้ว หากท่านต้องการทราบต้นเรื่อง กรุณาตามไปอ่านได้ที่กระทู้นี้ครับ “หมดความเชื่อมั่น!!!. พนักงานบริษัท AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปให้บุคคลภายนอก ไม่โดนเองไม่รู้” http://pantip.com/topic/35589452

หลังจากที่ผมได้ยื่นเรื่องไปทาง AIS ผมได้รับการติดต่อกลับมา 1 ครั้งตามที่ได้เล่าให้ฟังคราวก่อน ต่อมาผมได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับ กสทช. ในวันที่ 19 กันยายน 2559 เพื่อให้หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมเป็นผู้ตรวจสอบ สอบสวนและพิจารณาบทลงโทษต่างๆ ผมได้พบกับเลขาธิการ กสทช. คุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ โดยตรง และรองเลขาธิการ กสทช. คุณก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร

พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ของ กสทช. อีกจำนวนมาก ทุกท่านให้ความสนใจในกรณีของผมเป็นอย่างดี ได้สอบถามข้อมูลต่างๆ ทั้งทางลับ และเปิดเผย และยังมีนักข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ มารอทำข่าว ผมได้มอบข้อมูลต่างๆ เท่าที่จำเป็นให้กับทาง กสทช. คุณฐากรได้กรุณาให้ผมเข้าพบกรรมการสอบสวนก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อชี้แจงข้อมูลต่างๆ อย่างเป็นทางการ

และได้ออกมานั่งรอที่ชั้น 4 จากนั้นก็เป็นคิวของตัวแทนจากบริษัท AIS มาชี้แจงประเด็นต่างๆ กับคณะกรรมการสอบสวน เมื่อ AIS ชี้แจงจบก็กลับทันที ไม่ได้มีการพบกันแต่อย่างใดครับ เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงแค่นั้นครับ ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะดำเนินการนะครับ ดูเหมือนจะมีความพยายามจากหลายๆ ฝ่ายที่จะทำให้เรื่องราวต่างๆ จบลงไปแบบเงียบๆ

โดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นและพยายามปัดเรื่องนี้ออกจากตัวให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะบริษัท AIS ที่ไม่ได้มีความใส่ใจและสนใจลูกค้าผู้ใช้บริการเลย ผมจ่ายเงินให้พวกคุณทุกเดือนๆ แต่พวกคุณกลับมาตอบแทนผมแบบนี้ ระบบบริหารจัดการของพวกคุณเป็นอย่างไร การรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างไร ระบบการตรวจสอบเป็นอย่างไร ถึงแม้พวกคุณจะกล่าวอ้างว่าระบบของพวกคุณดีเลิศอย่างไรก็ตาม

แต่… อย่าลืมว่าข้อมูลมันหลุดออกมาแล้วนะครับ โดยที่พวกคุณไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยซ้ำพวกคุณทำงานกันยังไงครับ??? พวกคุณรู้ไหมครับว่าข้อมูลต่างๆ ที่คุณดูแลอยู่ มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนและมันอ่อนไหว ถ้าผมเป็นพวกมิจฉาชีพหรือคนไม่ดีมีหมายศาลมาขอข้อมูลของผม ผมจะไม่ว่าเลยซักคำครับ และผมจะไม่บากหน้าออกมาเรียกร้องแบบนี้หรอกครับ

พวกคุณช่วยรับรู้หน่อยครับว่าผมต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากแค่ไหนกว่าผมและครอบครัวจะตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวแบบนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ผมพยายามติดต่อคุณอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ มีแต่ประวิงเวลาไปวันๆ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับตอนนี้ ที่ AIS พยายามจะใช้ความเงียบกลบเรื่องราวทุกสิ่งให้หายไป

สิ่งที่พวกคุณทำนั้นไม่สมกับเป็นบริษัทที่มีธรรมมาภิบาลอันดับหนึ่งของเมืองไทย และไม่สมกับมาตราฐาน ISO ต่างๆ ที่พวกคุณได้มาเลยแม้แต่น้อย ผมขอร้อง และขอแรงเพื่อนๆ ช่วยกันโหวต และแชร์กระทู้นี้ไปให้ทุกคนได้รับทราบและรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เรื่องบางอย่างผมก็ไม่สามารถพูดได้ แต่ว่าถ้าในที่สุดแล้วหากผมจำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด

ความเสียหายจะต้องเกิดกับทุกฝ่ายอย่างรุนแรง และหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอนผมต้องขอบคุณสำนักข่าว Thai PBS ที่เกาะติดและทำข่าวนี้อย่างจริงจังและตรงไปตรงมาอย่างที่สุด ผมอยากให้ทุกท่านรับรู้ว่าเรื่องราวแบบนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อพวกเราทุกคน เราจะอยู่กันได้อย่างไรในสังคมแบบนี้  ชีวิตของเราล้วนแต่ผูกกับผู้ให้บริการต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นค่ายโทรศัพท์มือถือ ธนาคาร สถานที่ราชการ และหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องมีข้อมูลของเราทุกคนแบบนี้ เทคโนโลยีพัฒนาไปทุกวันถ้าหน่วยงานเหล่านั้นบกพร่องและทำให้ข้อมูลของเราหลุดออกไป ผลกระทบมันเกิดกับพวกเราแน่นอนครับ หลังจากนี้ผมคงจะไม่ได้มาอัพเดทข้อมูลอะไรมากนักถ้าไม่มีเหตุจำเป็น

สำหรับนักข่าวท่านที่เกาะติดเรื่องราวของผมอย่างจริงจัง ผมขอขอบคุณมากครับจากใจจริง เพื่อนๆ ทุกท่านสามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ได้จากหน้าเพจส่วนตัวของคุณ “ภัทราพร ตั๊นงาม-ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส” ได้ที่ Link นี้ครับ https://www.facebook.com/phattraporn.tpbs สุดท้ายขอฝากความอัดอั้นตันใจของภรรยาผมไว้ ณ ที่นี้ครับ ขอบคุณครับ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ คุณ pairnow จาก www.pantip.com

*********************************************************

(21 ก.ย. 59) กสทช. กู้ความเชื่อมั่น!! ตั้งกรรมการสอบสวน AIS กรณีขโมยข้อมูลลูกค้า

AIS

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หลังจากที่เกิดประเด็นพนักงานเทียบเท่าระดับผู้ชำนาญการของ AIS ได้ทำการขโมยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าไปให้แก่บุคคลภายนอกจนเกิดกระแสร้อนขึ้นมา กระทั่ง AIS ได้ไปชี้แจงต่อ กสทช. ถึงกรณีดังกล่าว ล่าสุด กสทช. เร่งกู้ความเชื่อมั่นจากประชาชนด้วยการตั้งกรรมการสอบสวน AIS แล้ว

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช.มีมติให้สำนักงาน กสทช.ดำเนินการตรวจสอบกรณีพนักงาน บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) ลักลอบนำข้อมูลลูกค้าออกจากระบบมาให้ผู้อื่น

โดยทางสำนักงาน กสทช.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง มีนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ สายงานกิจการโทรคมนาคม เป็นประธานคณะกรรมการ ให้เวลา 30 วันในการดำเนินการ โดยต้องสอบสวนทั้งในส่วนของพนักงานและบริษัทผู้ให้บริการว่ามีส่วนบกพร่อง หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนี้ด้วยหรือไม่

เนื่องจากการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดในการดักรับและเผยแพร่ข้อมูลในระบบสื่อสารโทรคมนาคมตามมาตรา 74 พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นโทษอาญา จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมให้ทำหนังสือกำกับผู้ให้บริการทุกรายเคร่งครัดในการเข้าถึงข้อมูลของพนักงานและสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะไม่มีการตรวจสอบการใช้งานของผู้ใช้อย่างแน่นอน

ถ้าไม่ใช่คำสั่งศาลที่ระบุถึงการกระทำผิดหรือมีคำสั่งเป็นทางการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องการตรวจสอบเกี่ยวกับความมั่นคงจะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ทุกกรณีทั้งย้ำว่า ไม่เคยมีกรณีแบบนี้ร้องเรียนมาที่ กสทช.มาก่อน “ถ้าสอบสวนแล้วผู้ประกอบการไม่เกี่ยวข้อง ก็คงไม่มีโทษอะไร แต่ถ้าพบว่าผิดจริง ยังมีโทษทางปกครองสูงสุดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ ส่วนการจะตามตัวไปถึงผู้ว่าจ้างพนักงานที่ดึงข้อมูลออกมาเป็นหน้าที่ของทางตำรวจ กสทช.จะไม่เข้าไปก้าวก่าย”

ด้านนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า นอกเหนือจากการไล่พนักงานออก เอไอเอสควรมีการตรวจสอบว่ามีการกระทำกันเป็นขบวนการหรือไม่ ใครเป็นผู้ว่าจ้าง และมีผู้เสียหายอื่นนอกจากที่ร้องเรียนหรือไม่ เพื่อให้ผู้เสียหายระมัดระวังตัว รวมถึงวางกระบวนการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของพนักงานแต่ละระดับชั้นให้เข้มงวดขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ prachachat

*********************************************************

(20 ก.ย. 59) เอไอเอส ไปชี้แจง กสทช. กรณีพนักงานนำข้อมูลลูกค้าไปเปิดเผย

นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ชี้แจงว่า “เมื่อเช้านี้ผู้บริหารเอไอเอสได้ไปชี้แจงกับ กสทช. เกี่ยวกับกรณีร้องเรียนจากลูกค้าที่ถูกพนักงานเอไอเอสนำข้อมูลไปเปิดเผย โดยให้ข้อมูลว่า

  1. บริษัทขอยืนยันว่า กรณีดังกล่าวพนักงานผู้กระทำผิดมีตำแหน่งเป็น IT Specialist เทียบเท่าระดับผู้ชำนาญการ ไม่ใช่ระดับผู้บริหารตามที่เป็นข่าว โดยลักษณะงานเป็นการได้รับสิทธิ์เป็นการเฉพาะ (Token และ Password) ในการเข้าถึงข้อมูลเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นงานที่ต้องทำเพียงลำพัง จึงไม่อาจทราบว่ามีการกระทำผิดดังกล่าวเกิดขึ้น
  2. บริษัทได้แสดงหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้ กสทช. ทราบ เริ่มจากที่บริษัทได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 59 จากนั้นบริษัทได้ตรวจสอบข้อมูล รวบรวมพยานหลักฐานและแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 13 ก.ย.59 และได้พิจารณาให้พนักงานคนดังกล่าวพ้นสภาพการเป็นพนักงานเอไอเอสทันที ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะดำเนินการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล และการดำเนินการทางกฎหมาย
  3. บริษัทได้ชี้แจงถึงการเพิ่มมาตรการรักษาระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านสารสนเทศของบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต อาทิ ปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลบนระบบสารสนเทศซึ่งเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าแต่ละครั้ง , ปรับปรุงให้ระบบการทำงานของผู้ที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามีลักษณะการทำงานแบบปิด (Close working environment) กล่าวคือ กำหนดให้พนักงานห้ามนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์บันทึกข้อมูล เช่น USB Thumb drive เข้าไปในบริเวณสถานที่ปฏิบัติงาน เป็นต้น

ทั้งนี้ กสทช.ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และรับเรื่องไปพิจารณาในรายละเอียดต่อไป”

*********************************************************

(15 ก.ย. 59) ไม่นิ่งเฉย!! กสทช. ตั้งคณะกรรมการสอบ AIS กรณีพนักงานขโมยข้อมูลลูกค้าไปขาย

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หลังจากที่เราได้นำเสนอประเด็นร้อนกระทู้บทความหนึ่งในเว็บไซต์พันทิป กรณีพนักงาน AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปขายให้บุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง โดยทำการขโมยบันทึกข้อมูลการโทรเข้าโทรออกรวมไปถึงพิกัดสถานที่ของเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนเองถูกคุมคาม และรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยในชีวิต (ชมบทความ) ด้าน AIS ก็ได้ดำเนินการไล่พนักงานออกทันที

เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นทางด้าน กสทช. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งส่งหนังสือกำชับไปยังผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายหากเปิดเผยข้อมูลลูกค้าจะมีความผิดตามมาตรา 74 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 โดยมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 2 ปี ในส่วนของผู้ประกอบการก็อาจมีความผิดในทางปกครองตามประกาศ มาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการโทรคมนาคม

เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคม ซึ่งโทษสูงสุดถึงขั้นยึดใบอนุญาตประกอบกิจการ ส่วน AIS ก็ออกมาชี้แจงแถลงการณ์เพื่มความเชื่อมั่นใจให้แก่ลูกค้าผู้ใช้งาน ด้วยการปรับระบบการรักษาความปลอดภัยใหม่ ที่ต้องมีผู้ใช้งาน 2 คนในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าได้

*********************************************************

(14 ก.ย. 59) AIS ชี้แจงแล้ว!! กรณีพนักงานถือวิสาสะขโมยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หลังจากที่เราได้นำเสนอประเด็นร้อนกระทู้บทความหนึ่งในเว็บไซต์พันทิป กรณีพนักงาน AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปขายให้บุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง โดยถือวิสาสะขโมยบันทึกข้อมูลการโทรเข้าโทรออกรวมไปถึงพิกัดสถานที่ของเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนเองถูกคุมคาม และรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยในชีวิต (ชมบทความ) ล่าสุดทางด้าน AIS ได้ออกมาแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าวแล้ว ดังนี้

นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เปิดเผยว่า “จากการที่มีลูกค้า AIS โพสต์ลงเว็ปไซต์พันทิป เรื่องพนักงาน AIS อาศัยอำนาจหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายนำข้อมูลรายละเอียดการโทรเข้า-ออกของลูกค้าไปให้กับบุคคลภายนอก

ซึ่งเป็นการกระทำผิดของพนักงานต่อ “นโยบายการคุ้มครองสิทธิและการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ” และ “ประมวลจริยธรรมทางธุรกิจ” ของบริษัท ซึ่ง AIS รู้สึกเสียใจและขออภัยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อทราบเรื่องดังกล่าวบริษัทฯ ก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้นทันที

บริษัทฯ ขอยืนยันว่าการปกป้องและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นเรื่องที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างสูงสุดมาโดยตลอด โดยปัจจุบันบริษัทฯได้กำหนดให้มี “นโยบายการคุ้มครองสิทธิและการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ” “นโยบายความปลอดภัยข้อมูลและระบบสารสนเทศ” และ “ประมวลจริยธรรมทางธุรกิจ”

ที่ระบุถึงความสำคัญของการคุ้มครองและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ความหมายของข้อมูลส่วนบุคคล ช่องทางการรับข้อร้องเรียน กระบวนการตรวจสอบเมื่อมีการละเมิด บทลงโทษ และการคุ้มครองผู้ให้ข้อมูล รวมทั้งการมีคณะกรรมการกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัยข้อมูลและระบบสารสนเทศ

ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากแต่ละสายงานที่เกี่ยวข้อง, การอบรมให้ความรู้ด้านความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศกับผู้พัฒนาระบบตามมาตรฐานการพัฒนาซอฟแวร์อย่างปลอดภัย (Secure Software Development Life Cycle :SSDLC)) การรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าโดยพนักงานจะต้องทำแบบทดสอบภายหลังการฝึกอบรม และการสร้างจิตสำนึกเรื่องจริยธรรมทางธุรกิจให้แก่พนักงานตั้งแต่วันปฐมนิเทศ

และสิ่งสำคัญในกระบวนการทำงาน คือการกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ และกำหนดให้มีรหัสผ่านในการเข้าถึงข้อมูลทุกครั้ง, การยกระดับความปลอดภัยของระบบสารสนเทศตามมาตรฐาน ISO270001 ที่ดาต้าเซ็นเตอร์ และการจัดให้มีการตรวจสอบโดยส่วนงานตรวจสอบภายในและโดยผู้เชี่ยวชาญอิสระจากภายนอกเป็นประจำ

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นความผิดจากตัวบุคคลซึ่งใช้สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ประจำวันไปในทางมิชอบ บริษัทฯก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้มีการทบทวนและยกระดับการควบคุมการทำงานภายในเพื่อป้องกันการกระทำผิดและการทุจริตในองค์กร รวมถึงการเพิ่มมาตรการรักษาระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านสารสนเทศของบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต

โดยในขั้นแรกบริษัทฯได้กำหนดให้ดำเนินการ อาทิ ในการเข้าถึงข้อมูลบนระบบสารสนเทศซึ่งเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าแต่ละครั้ง ให้พนักงานผู้มีสิทธิจำนวน 2 คนกรอกรหัสผ่านในการเข้าสู่ระบบ (Double Password) จากเดิมที่พนักงานผู้มีสิทธิสามารถใช้รหัสของตนเองเข้าถึงข้อมูลได้

ปรับปรุงให้ระบบการทำงานของผู้ที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามีลักษณะการทำงานแบบปิด (Close working environment) กล่าวคือ กำหนดให้พนักงานห้ามนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์บันทึกข้อมูล เช่น USB Thumb drive เข้าไปในบริเวณสถานที่ปฏิบัติงาน เป็นต้น

สำหรับมาตรการในขั้นถัดไป บริษัทจะพิจารณาเพิ่มเรื่องการป้องกันทั้งในด้านบุคคลากร กระบวนการทำงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร และระบบรักษาความปลอดภัย ระบบตรวจสอบความผิดปกติในการทำงานที่อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และขอให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจว่าบริษัทฯ จะทำทุกวิถีทางเพื่อดูแลความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า” นางวิไล กล่าวสรุป

*********************************************************

(14 ก.ย. 59) ประเด็นร้อน!! พนักงาน AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปขายให้บุคคลภายนอก

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ล่าสุดนี้เราได้ไปพบกระทู้บทความเด็ดขึ้นอันดับหนึ่งจากแรงโหวตของเพื่อนๆ สมาชิก บนหน้าเว็บไซต์ชื่อดังที่กำลังเป็นประเด็นร้อนกันอยู่ในเวลานี้ ซึ่งบทความนี้เป็นของคุณ pairnow จาก Pantip.com ที่มีชื่อบทความว่า “หมดความเชื่อมั่น!!! พนักงานบริษัท AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปให้บุคคลภายนอก ไม่โดนเองไม่รู้” ที่เราจะนำมาฝากให้เพื่อนๆ ได้ชมกันค่ะ

เริ่มเรื่องเลยนั้นเจ้าของกระทู้และครอบครัวรู้สึกไม่มีความปลอดภัยในชีวิตเป็นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากกรณีต้นตอพนักงานของ AIS รายหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ได้รับจ้างทำงานขโมยข้อมูลของเจ้าของกระทู้ไปให้แก่บุคคลภายนอก โดยบันทึกข้อมูลการโทรเข้าโทรออกรวมไปถึงพิกัดสถานที่ของเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเจ้าของกระทู้เป็นไฟล์ Excel ให้แก่บุคคลนั้น

โดยมีหลักฐานว่าบุคคลผู้ว่าจ้างได้จ่ายเงินให้แก่พนักงาน AIS รายนี้เป็นจำนวนเงินสูงถึงหลักแสนมาเป็นระยะเวลานาน และที่สำคัญพนักงานเจ้าปัญหาไม่ได้ทำครั้งนี้เป็นครั้งแรก หากแต่ทำมาแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่า 2 ปี สำหรับประเด็นที่ว่าด้วยเหตุใดเจ้าของกระทู้จึงถูกล้วงข้อมูลนั้นถูกระบุไว้ว่ามาจากเรื่องส่วนตัวบางอย่างกับผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง

และเมื่อเจ้าของกระทู้ติดต่อไปยัง AIS เพื่อทวงถามถึงกรณีที่พนักงานในสังกัดของตนทำการขโมยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าไปขายต่อให้บุคคลอื่นเช่นนี้ ทาง AIS ไม่ได้รับผิดชอบเท่าที่ควร อ้างแต่เพียงว่ากรณีดังกล่าวเป็นความผิดของพนักงานรายนั้น และได้ไล่พนักงานเจ้าปัญหาออกไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ย้อนมองถึงระบบอันหละหลวมของตนเองเลย เราไปชมบทความนี้พร้อมๆ กันเลยค่ะ

สวัสดีค่ะดิฉันมีเรื่องจะร้องเรียน และอยากได้คำตอบเป็นกรณีเร่งด่วน เนื่องจากดิฉันและสามีประสบกับความไม่ปลอดภัยในชีวิตอย่างสูงมากในตอนนี้ สืบเนื่องจากมี พนักงานของบริษัท AIS สำนักงานใหญ่ ได้รับจ้างทำงานให้บุคคลภายนอก และทำการขโมยข้อมูลส่วนตัวของดิฉันไปให้แก่บุคคลอื่นเพื่อจุดประสงค์อะไรดิฉันก็ไม่ทราบได้นะคะ แต่ข้อมูลเหล่านั้นกระทบกับความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตของดิฉันและครอบครัว

โดยข้อมูลต่อไปนี้ทุกอย่างเป็นความจริง และดิฉันกับสามีได้ทราบข่าวจากผู้หวังดีว่า

พนักงาน AIS รายนี้ ได้ทำการแอบดูข้อมูลบันทึกการโทรเข้าโทรออก รวมถึงพิกัดสถานที่ ของเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของดิฉัน และบันทึกเป็นไฟล์ Excel ส่งให้กับบุคคลภายนอก ที่มีหลักฐานว่าบุคคลนี้จ่ายเงินค่า “น้ำร้อนน้ำชา” ให้กับพนักงานคนนี้มาอย่างยาวนาน ซึ่งเบอร์นี้ดิฉันได้จดทะเบียนไว้เป็นชื่อของดิฉันเอง และได้ให้สามีเป็นผู้ถือและใช้งาน

เมื่อดิฉันได้ดูข้อมูลในไฟล์ Excel ดิฉันตกใจจนพูดไม่ออก หน้าร้อนชาจากความรู้สึกกดดันอย่างมากจนร้องไห้ออกมา และเมื่อพิจารณาข้อมูลเหล่านั้นแล้วก็ทำให้รู้ว่า บุคคลใดก็ตามที่มีข้อมูลนี้สามารถรู้การเคลื่อนไหว วันเวลาสถานที่ที่ดิฉันอยู่ และคุยกับใครเบอร์อะไรเวลาไหน และยังสามารถรู้ข้อมูลส่วนตัวของดิฉันได้ทั้งหมด ดิฉันและสามีประกอบอาชีพสุจริต ไม่ใช่บุคคลที่ทางการต้องการตัวแน่นอน แล้วทำไมเราถึงต้องโดนอะไรแบบนี้

ดิฉันได้แจ้งเรื่องนี้ไปทาง Serenade Callcenter และได้รับคำตอบกลับมาในวันเดียวกันว่า “ทำอะไรไม่ได้” ให้ดิฉันไปตามเรื่องเอง โอเคค่ะ Callcenter ไม่มีหน้าที่ส่งเรื่องให้ลูกค้าก็ไม่เป็นไร วันต่อมาดิฉันได้ไปแจ้งเรื่องด้วยตนเองกับผู้จัดการสาขา AIS Shop แห่งหนึ่ง และได้สอบถามกับผู้จัดการคนนั้นมาโดยตลอด ซึ่งผู้จัดการคนนั้นได้แจ้งให้ดิฉันทราบว่าหน่วยงานต้นสังกัดของพนักงานคนนั้นทราบเรื่องแล้ว

ฝ่ายกฏหมายทราบเรื่องแล้ว และผู้บริหารทราบเรื่องแล้ว แต่ทุกอย่างก็เงียบไม่มีใครติดต่อดิฉันเพื่อให้ความกระจ่าง หรือทำความเข้าใจอะไรเลยสักอย่างเดียว ดิฉันทวงถามทุกวัน ทุกวันจริงๆ ค่ะ จนวันนี้ มีเจ้าหน้าที่อ้างว่าป็น HR ของ AIS ติดต่อมาและแจ้งเพียงแค่ว่าเพิ่งได้ทราบเรื่อง และจะตั้งกรรมการสอบ แต่ก็ไม่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัดในเรื่องระยะเวลาอะไรทั้งสิ้น

มันเป็นยังไงกันหรือคะเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของพวกคุณกันหรือไง!? การที่ชีวิตของใครบางคนตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะความหละหลวมในระบบห่วยๆ ของพวกคุณ มันไม่ได้ช่วยให้พวกคุณรู้สึกกระตือรือร้นที่จะออกมาดำเนินการอะไรให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่นบ้างเลยหรือไงคะ? ดูเหมือนว่าพนักงานของ AIS คนไหนก็มีสิทธิ์รับจ้างจากกลุ่มมิจฉาชีพเข้าไปล้วงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเอาไปขายกันได้สบายๆ กันเลยใช่ไหมคะ?

และที่สำคัญนะคะพนักงานคนนี้ ไม่ได้เพิ่งทำเป็นครั้งแรกดิฉันได้รับหลักฐานว่าเธอรับเงินจากบุคคล ที่ขอให้เธอช่วยดึงข้อมูลของคนอื่นๆ อีกมาก ไม่ใช่ของดิฉันคนเดียว และเธอก็ทำมาอย่างยาวนาน คร่าวๆ ที่มีหลักฐานก็ 2-3 ปีย้อนกลับไปได้ และจำนวนเงินที่เธอได้รับจากบุคคลนี้มีมูลค่าหลายแสนบาท! ย้ำหลายแสนบาท!

ผู้บริหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องจาก AIS ได้โปรดชี้แจงและอธิบาย ดำเนินการใดๆ ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างสักนิดเถอะค่ะ หลักฐานต่างๆ ดิฉันมีครบ ยังมีอีกมาก ดิฉันจะไม่อยู่เฉยอีกต่อไปจะลุกขึ้นสู้สุดความสามารถ และจะดำเนินการทุกอย่างทุกช่องทางเพื่อให้ได้รับคำตอบที่ชัดเจน บทลงโทษ และแนวทางแก้ปัญหาจาก AIS จากผู้ใช้งานธรรมดาๆ ที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว

สำหรับเพื่อน ๆ และพี่น้องชาว Pantip.com ดิฉันจะไม่ลบกระทู้นี้เด็ดขาด ถ้าหากกระทู้โดนลบก็จะตั้งใหม่ ขอแรงเพื่อนๆ ช่วยโหวตด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

ตัวอย่างไฟล์ Excel ที่ดิฉันได้รับ

อันนี้เป็นอีกไฟล์ ทุกไฟล์ระบุตำแหน่ง จังหวัด อำเภอ ตำบล และ Latitude , Longtitude แบบใกล้ตัวดิฉันมาก รวมถึงพวก OTP และอื่นๆ ก็มาหมด ใครได้เห็นว่าข้อมูลตัวเองหลุดไปแบบนี้ แล้วจะมีคนไหนนั่งสบายใจได้บ้างคะ แค่นี้ดิฉันก็นอนไม่หลับมาหลายวันแล้วค่ะ

เรื่องที่ดิฉันยังไม่ได้ไปแจ้งความเพราะดิฉันได้แจ้งเรื่องไปทาง AIS แล้ว และคิดว่าจะได้รับคำแนะนำ หรือการแก้ปัญหา รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบ ดิฉันได้แจ้งเรื่องเข้าไปตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้วันที่ 12 กันยายน 2559 ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ พรุ่งนี้ดิฉันจะไปแจ้งความทุกช่องทางที่ดิฉัน และครอบครัวจะสามารถทำได้

ตัวอย่างข้อความจากไลน์ของดิฉันเองที่ตามเรื่อง ดิฉันไม่ได้นอนหลับสบาย มีแต่ความทุกข์ เครียดมากจริงๆ ใส่ภาพเบลอภาพแบบงูๆ ปลาๆ นะคะ ทำไปมือสั่นไปเพราะเครียดจริงๆ ค่ะ

อัพเดทข้อมูลครั้งที่ 1

สวัสดีค่ะวันนี้ดิฉันและสามีจะไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องค่ะ ดิฉันจะขออธิบายเพิ่มเติมสำหรับท่านที่สงสัยและข้องใจนะคะสามีของดิฉันทำอาชีพเกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งภายใน ที่ผ่านมาได้รับทำงานให้กับลูกค้ารายหนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นผู้มีอิทธิพลต่อมาการทำงานได้เกิดปัญหา

และทำให้ทีมงานต่างๆ ที่มาทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะมาจากไหน มาจากใคร ใครแนะนำมา ล้วนแล้วแต่ไม่มีใครสามารถทำงานต่อได้ตลอดรอดฝั่ง ทุกคนล้วนหนีไป หายไป หรือเงียบไปติดต่อไม่ได้ ซึ่งสามีดิฉันก็ได้พยายามประคับประคองผ่อนหนักผ่อนเบาและยอมอดทน เพื่อหวังให้การทำงานสำเร็จลุล่วง อดทนอยู่เป็นเวลาหลายปี ครอบครัวก็กล้ำกลืนฝืนทนแต่งานก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบ

ปัญหาต่างๆ ก็เกิดขึ้นอยู่ตลอด ต่างจากลูกค้าคนอื่นๆ อย่างมาก ดิฉันและสามีรวมถึงครอบครัวของดิฉันเคยได้รับการข่มขู่ “เอาชีวิต” มาแล้วจากผู้มีอิทธิพลคนนี้ และได้ทำการแจ้งความไปก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งตัวดิฉันเองก็เคยโดนส่งคนมาเดินตามข่มขู่ถึงที่ทำงาน (มีหลักฐานเป็น VDO จากกล้องวงจรปิด)

ดิฉันก็ได้แจ้งความไว้แล้วเช่นกัน ความทุกข์ความอึดอัดที่เกิดขึ้นมันทำให้ครอบครัวของดิฉันต้องทิ้งบ้าน ไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้ และต้องออกมาดิ้นรนเพื่อหนีให้พ้นจากอิทธิพลของคนที่กล่าวถึง ขอให้ทุกท่านเข้าใจถึงความทุกข์ของดิฉันว่าการโดนข่มขู่คุกคามจนกระทั่งไม่สามารถอยู่บ้านตัวเองได้นั้นมันสาหัสแค่ไหน

และเมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันได้รับข้อมูลต่างๆ จาก “ผู้หวังดี” ซึ่ง “ผู้หวังดี” คนนี้ ก็เป็น…ของผู้มีอิทธิพลรายนั้น ส่งข้อมูลต่างๆ ให้ดิฉัน ซึ่งมันทำให้ดิฉันตกใจหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นข้อมูลของดิฉัน ของสามี ของแม่ ของลูก ของญาติทุกคน ภาพถ่าย และข้อมูลอื่นๆ มากมาย รวมถึง ข้อมูลการว่าจ้าง “พนักงานคนหนึ่งของ AIS” ให้สืบค้นข้อมูลของดิฉัน ดังที่ดิฉันโพสต์ไปแล้ว

ดิฉันทราบชื่อของพนักงานคนนั้น รู้ว่าทำงานที่ AIS สำนักงานใหญ่ ดิฉันให้ผู้ใหญ่ที่เคารพตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และพบว่าเป็นความจริงดังที่ผู้หวังดีแจ้งกับดิฉัน การที่บริษัทใหญ่อย่าง AIS นิ่งเฉย และไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งๆ ที่ดิฉันแจ้งเรื่องเข้าไปเกือบจะทุกช่องทางที่ AIS มีให้ เรื่องก็ยังเงียบ

แล้วมันจะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไรคะในเมื่อบริษัท AIS มีระบบที่หละหลวม สามารถให้พนักงานที่ทำงานให้กับเงินค่าจ้างจากผู้มีอิทธิพล เพื่อจะสืบข้อมูลของใคร ดูข้อมูลของใครยังไงก็ได้แบบนี้ ความปลอดภัยของดิฉันและครอบครัว อยู่ที่ไหน!? ไม่แน่ว่าวันนึง ข้อมูลของพวกท่านอาจจะไปอยู่ในมือใครที่ไม่ชอบท่านก็เป็นได้ และ AIS ก็จะเฉยไม่สนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

วันนี้ดิฉันไม่มีที่พึ่งทางใด นอกจากตัวเองและขอให้สื่อสังคมช่วย เพราะดิฉันไม่อยากจะหนีอีกต่อไปแล้ว และจะลุกขึ้นสู้แบบหลังชนฝา จะเรียกร้องความถูกต้องจากผู้ให้บริการมือถือ AIS ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ถ้าระบบของคุณดีพอ มีความรัดกุม มีมาตราการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้าอย่างเพียงพอ

เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับตัวดิฉันหรือคะ? หรือพนักงานคนนั้นจะใหญ่โตมากใน AIS ถึงได้ช่วยถันถ่วงเวลากันจังคะ ขอให้เป็นตัวคุณ หรือญาติของพวกคุณบ้าง จะนิ่งเฉยแบบนี้ไหมคะ? ดิฉันเป็นลูกค้า AIS ถึงแม้จะไม่นานเพียง 5 ปี แต่ความเชื่อมั่นต่างๆ มันสูญสลายไปหมดแล้วค่ะ ดิฉันจะดำเนินการฟ้องร้องและดำเนินคดีกับทุกคน ทุกหน่วยงาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ดิฉันทนมามากเกินพอแล้วค่ะและจากวันนี้ไป ดิฉันเข้าใจว่าชีวิตและความปลอดภัยของครอบครัวดิฉันแขวนอยู่บนเส้นด้ายจากความหละหลวมของ AIS เอง หากตัวดิฉัน สามี และครอบครัวของดิฉันจะต้องมีอันเป็นไป ขอให้เพื่อนๆ ในสังคมโซเชียลช่วยทวงถาม เสรีภาพ ภราดรภาพ จากสังคมไทยแทนดิฉันด้วย เราจะอยู่กันอย่างไร ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตกอยู่ภายในอำนาจและอิทธิพลเถื่อนๆ เช่นนี้

อัพเดทข้อมูลครั้งที่ 2

วันนี้ 13 กันยายน 2559 ช่วงกลางวันดิฉันได้รับการติดต่อจากคุณ ทิพวรรณ แนะนำตัวว่าเป็น HR ของ AIS ติดต่อมาว่าผู้บริหารอยากจะขอเข้าพบซึ่งดิฉันได้ปรึกษากับสามีคิดว่าไม่ต้องการให้ใครมาที่บ้านจึงได้แจ้งกับคุณทิพวรรณว่า จะเข้าไปพบกับผู้บริหารเองที่ตึก AIS สำนักงานใหญ่เวลา 16.00 น. และดิฉันถามว่าผู้บริหารท่านนั้นเป็นใคร ซึ่งได้รับคำตอบว่าเป็นผู้บริหารระดับ SVP? ใครรู้ว่า SVP คืออะไรช่วยบอกดิฉันหน่อยนะคะ

เมื่อดิฉันเดินทางไปถึงก็ได้พบกับคุณทิพวรรณ และเธอได้พาดิฉันและสามีขึ้นไปชั้นที่ 28 ตึก AIS 1 พาไปยังห้องประชุมที่มีเจ้าหน้าที่รออยู่แล้ว 4 ท่าน ทั้ง 4 ท่านแนะนำตัวกับดิฉันคร่าวๆ จำได้ลางๆ ว่ามีฝ่ายกฏหมาย ฝ่าย Callcenter ฝ่าย Shop และฝ่าย HR ซึ่งดิฉันดูแล้วก็ไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูง หรือจริงๆ สูง ดิฉันไม่อาจทราบได้ค่ะ เพราะตอนนั้นดิฉันมีความเครียดมาก เครียดจนปวดหัว ปวดท้อง และอาการกระอักกระอ่วน

ทาง AIS กล่าวแค่ว่าได้ไล่พนักงานคนนั้นออกไปแล้วเมื่อเช้า และจะปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น…จบ ใช่ค่ะ!! จบง่ายๆ แบบนี้แหล่ะค่ะโดยทั้ง 4 ท่าน พยายามอธิบายให้ดิฉันและสามีฟังว่าเรามีการตรวจสอบที่ดีมีการ Audit ที่ดี บลาๆๆๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดของพนักงานท่านนั้น บลาๆๆๆ และสุดท้าย AIS ขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็ย้อนมาที่ระบบของเราดี บลาๆๆๆ พนักงานผิด บลาๆๆๆ ไล่ออกแล้ว บลาๆๆ จะดำเนินคดีกับพนักงานคนนั้นบลา ๆๆๆ

มีช่วงนึงใครสักคนพูดเสนอขึ้นว่าจะรับผิดชอบจ่ายค่าโทรศัพท์ให้ จนสามีดิฉันต้องบอกว่าค่าโทรศัพท์ผมมีปัญญาจ่ายครับ ดิฉันและสามีนั่งทนฟังได้สักพัก ก็คิดว่าทนไปมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว ดิฉันและสามีรู้สึกว่า AIS ไม่ได้จริงใจในการแก้ปัญหาให้กับตัวดิฉันและสามีเลยแม้แต่นิดเดียว พยายามจะโยนความผิดไปให้พนักงาน และอธิบายความเลิศเลอของระบบการตรวจสอบภายในของ AIS

ถ้ามันเป็นอย่างที่พวกคุณว่ามาจริง ๆ ข้อมูลของดิฉัน และคนอื่นๆ จะหลุดออกมาแบบนี้หรือคะ? ดิฉันถามกลับ และได้แต่ความเงียบ ความว่างเปล่าไม่มีคำตอบอะไรที่ชัดเจน และก็ย้อนกลับไป โยนความผิดให้พนักงาน ระบบของเราดีบลาๆๆๆ สุดท้ายคือดิฉันรู้สึกว่าไม่ได้รับคำตอบและคำอธิบายอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันจึงขอตัวกลับ

ใช้เวลาคุยกันไม่ถึง 30 นาที ทำให้ดิฉันต้องมาคิดใหม่ว่า AIS ไม่ได้จริงใจกับลูกค้า และไม่จริงใจกับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น มิน่าถึงได้ปล่อยเวลาล่วงเลยมาจนดิฉันต้องมาโพสต์ลงใน Pantip ถึงจะมีการ Take Action เกิดขึ้น ดิฉันและสามีกลับออกมาอย่าง งงๆ ว่าเออเรามาเสียเวลาทำอะไรกับคนเหล่านี้

เรามาทวงสิทธิ์ของเราไม่ใช่หรือ ทำไมเรามานั่งฟังใครก็ไม่รู้ที่ไม่ได้มีความจริงใจที่จะช่วยแก้ปัญหาให้เราเลย AIS คงคิดว่า เราเป็น Nobody เป็นใครสักคนที่จะถูกกระแสใหม่ๆ กลบกลืนไปตามเวลา ดิฉันเสียใจและผิดหวังต่อท่าทีของ AIS ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ดิฉันโกรธจนตัวสั่นจนสามีต้องเอามือมาจับเข่าดิฉันเอาไว้

ขอแรงเพื่อนๆ เลยค่ะ ดิฉันจะขอเป็นตัวแทนของลูกค้า AIS ทุกคน ต่อสู้เพื่อทวงถามความยุติธรรม และดิฉันจะต่อสู้ทุกช่องทางหากกระทู้นี้จะเงียบ จะตกไป ดิฉันก็จะตั้งใหม่ และจะต่อสู้กับความชั่ว ความอยุติธรรม และอิทธิพลเถื่อนทั้งหลาย ที่จะถาโถมเข้ามาหาดิฉันหลังจากวันนี้ ขอให้ตัวดิฉันทำมันได้ด้วยเทอญ หากดิฉันจะต้องมีอันเป็นไป ขอให้ผลกรรมนี้ส่งผลถึงผู้กระทำอย่างสาสม

ปล.ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น และหลังจากนี้ ดิฉันจะไม่ชี้แจงประเด็นส่วนตัวใดๆ อีก อันเนื่องจากรูปคดีและความคืบหน้าต่างๆ ดิฉันจะมาแจ้งให้ทราบอย่างต่อเนื่องขอบคุณค่ะ

คอมเม้นต์เด็ดจากคุณ Kodiak :

งงที่หลายๆ คนต้องการรู้ไปให้ครบทุกอย่าง ผู้หวังดีเป็นใคร เจ้าของกระทู้ทำงานอะไร ทำไมถึงมีคนอยากรู้เรื่องราวส่วนตัวขนาดยอมจ่ายเงิน เจ้าของกระทู้ต้องตอบนะ ไม่ตอบไม่ได้บลาๆๆๆๆ คือเจ้าของกระทู้กำลังเครียด และตั้งกระทู้เรื่องที่ข้อมูลส่วนตัวหลุด แต่หลายคนในกระทู้กลับต้องการลากเรื่องราวส่วนตัวของเจ้าของกระทู้มาตีแผ่ให้มากที่สุด

ช่างดูย้อนแย้งสิ้นดีถ้าเจ้าของกระทู้ไม่แคร์ความเป็นส่วนตัว สามารถมานั่งเล่าเรื่องราวได้ว่าตัวเองเป็นใคร หน้าที่การงานอะไร ผู้หวังดีเป็นใคร ทำไมถึงมีคนจ้องขโมยข้อมูล บลาๆๆๆๆ ถ้าสามารถเล่าได้ขนาดนั้นคงไม่ต้องเครียดกับไฟล์ excel ของพนักงาน AIS มั้งครับ โพสต์โชว์หราลงหน้าเฟชก็ยังได้

เอาจริงๆ นะครับ บางอย่างอาจเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าของกระทู้ที่เขาไม่อยากเอ่ยถึง และผมมองว่าคำถามเหล่านั้น ไม่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องข้อมูลส่วนตัวสามารถออกมาสู่ภายนอกได้ ไม่ว่าเจ้าของกระทู้หรือผู้หวังดีจะเป็นใคร จะทำอาชีพอะไร เป็นคนธรรมดาจริงหรือเป็นคนยิ่งใหญ่เกี่ยวพันกับธุรกิจแสนล้านจนโดนคนจ้องตามตัว หรือจะรู้ได้ยังไงว่ามีคนขโมยข้อมูลตัวเองออกมา

ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ทำให้การที่ข้อมูลสามารถออกมาได้เป็นเรื่องถูกต้องอยู่ดี หากข้อมูลหลุดออกมาจริง AIS ก็ต้องรับผิดชอบ โดยไม่เกี่ยวกับเจ้าของกระทู้เป็นใคร รู้ได้ยังไง สมมติต่อให้เจ้าของกระทู้ทำอาชีพทุจริตพนักงาน AIS ก็ไม่มีสิทธิ์ส่งข้อมูลของลูกค้าให้คนนอกอยู่ดี ตราบใดที่ไม่มีหมายศาลหรือคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ส่วนเรื่องผู้หวังดีอะไรนั่นก็ถ้าสมมติว่าเกิดเจ้าของกระทู้บอกออกไปแล้วคนๆ นั้นจะเดือดร้อนล่ะ หรือถ้าเจ้าของกระทู้ไม่อยากอธิบายละเอียดว่าตัวเองเป็นใคร ทำอาชีพอะไรขนาดนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเขา ที่นี่ไม่ใช่ศาลนะครับเจ้าของกระทู้ไม่ได้มีหน้าที่มาตอบข้อซักถามทุกอย่างของคณะลูกขุนชาวพันทิปจนละเอียดยิบว่าเขาเป็นใคร หน้าที่การงานอะไร

คือเอาแค่ประเด็นที่เจ้าของกระทู้จะสื่อ คือเรื่องข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ ถ้าต้องการมั่นใจว่าเรื่องที่โพสต์เป็นเรื่องจริงไม่ใช่การแต่งเรื่อง ก็ซักถามเฉพาะในประเด็น และให้เจ้าของกระทู้แสดงหลักฐานในประเด็นนี้ว่าเป็นเรื่องจริง ข้อมูลหลุดออกมาจริง ไม่ได้ยกเมฆขึ้นมาแค่นี้ก็พอแล้วครับ (ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็แสดงหลักฐานตามที่มีคนเรียกร้องเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะน่าเชื่อถือแค่ไหนหรือไม่ อันนี้ก็แล้วแต่การพิจารณา)

ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเด็นหลักละเว้นบ้างก็ได้ครับ ทุกความเห็นมีสิทธิ์ถามได้ แต่ถ้าถามไปแล้วเจ้าของกระทู้ไม่อยากตอบก็ไม่ผิดอะไร ไม่ควรไปตามจี้ขนาดนั้นว่าทำไมไม่ยอมตอบ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ คุณ pairnow จาก www.pantip.com

*********************************************************