บทสรุปสั้น ๆ อ่านจบภายใน 5 นาทีจาก #AppleEventเมื่อคืนที่ผ่านมา เน้นไปที่ iPhone 7 กับ iPhone 7 Plus ที่หลายคนอยากรู้
- มีเพียง 2 รุ่นที่ Apple เปิดตัว คือ iPhone 7 กับ iPhone 7 Plus พร้อมกับการปรับลดราคารุ่น iPhone 6s, iPhone 6s Plus และ iPhone SE ลงมาทันที ประกาศเลิกจำหน่ายรุ่นอื่นนอกจากนี้ทันทีเช่นกัน เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป iPhone มีจำหน่ายเพียง 5 รุ่นนี้เท่านั้น
- เฉพาะ iPhone 7 Plus เท่านั้นที่มีกล้องคู่ เป็นจริงตามข่าวลือ แต่หลักการทำงานของคู่ต่างจากกล้องคู่ของ Huawei P9 / P9 Plus
- กล้องคู่ของ iPhone 7 Plus มีความเท่ากันทั้งคู่ คือ 12 ล้านพิกเซล กล้องตัวหนึ่ง เก็บภาพมุมกว้าง (Wide) อีกกล้องหนึ่งเก็บภาพแบบซูมเข้าไป (Tele) นำมาประมวลผลภาพซ้อนหรือรวมกัน ต่างจากของ Huawei P9 / P9 Plus ที่แยกกล้องตัวหนึ่งเก็บภาพสีตามปกติ ส่วนอีกตัวหนึ่งเก็บภาพขาวดำ
- กล้อง iPhone 7 Plus ซูมได้ โดยไม่ลดขนาดหรือสูญเสียรายละเอียดในภาพเลย เหมือนการใช้ Optical Zoom 2x ในกล้องถ่ายภาพ หากต้องการซูมภาพเข้าไปอีกด้วย Software ก็ทำได้อีก 10 เท่า (ภาพนิ่ง) และ 6 เท่า (วิดีโอ) ก็ยังคงให้ภาพที่ชัด ซึ่งใช้ความสามารถของกล้องอีกตัวที่ดึงภาพ Tele ระยะไกลนั่นเอง
- มีโหมด Portrait หน้าชัดหลังเบลอ แบบ Dept of Field effect ที่เบลอสวยงามเป็นธรรมชาติมากกว่าของ Huawei โดยใช้ความสามารถของกล้องคู่ใน iPhone 7 Plus
- iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ โรสโกลด์ / ทอง / เงิน / ดำ / ดำเจ็ทแบล็ค โดยเฉพาะสีดำเจ็ทแบล็คที่ทุกคนฮือฮาอย่างมาก มีจำหน่ายในรุ่นความจุ 128GB และ 256GB เท่านั้น พื้นผิวที่มีความมันเงาสูงของ iPhone สีดำเจ็ทแบล็ค เกิดขึ้นจากกระบวนการชุบผิวและขัดเงาที่มีความแม่นยำถึง 9 ขั้นตอนด้วยกัน แต่ต้องดูแลรักษาให้ดี เพราะเป็นรอยขีดข่วนได้ง่ายมาก หากสวมเคสปิดทับ ก็จะบดบังความเงางามไปหมด
- เริ่มต้นที่ความจุ 32GB /128GB / 256GB ไม่มีรุ่น 16GB อีกต่อไป เพราะไม่เพียงพอกับการใช้งานในปัจจุบันแน่นอน
- มาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำและกันฝุ่น ซึ่ง Apple Watch Series 2 ก็กันน้ำได้เช่นเดียวกัน ทำให้อุ่นใจได้จากอุบัติเหตุที่ตัวเครื่องตกน้ำแล้วเสียหาย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์
- ปุ่ม Home แบบใหม่ รองรับ Force Touch (รับแรงกดได้หลายแบบ ปรับตั้งค่าได้หลากหลาย)
- ใช้ชิปประมวลผล A10 Fusion (Quad-core) แรงมากขึ้น / ประหยัดพลังงานมากขึ้น / ประมวลผลภาพ 3D Graphic ในเกมได้ดีขึ้น
- ต่างประเทศ เปิดจองวันที่ 9 กันยายน / เริ่มรับ iPhone ที่จองไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนเป็นต้นไป ส่วนประเทศไทยรอการประกาศอีกครั้งในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนนี้
- คาดการณ์ราคาในไทย iPhone 7 32GB 26,500 | 128GB 30,500 | 256GB 34,500 | iPhone 7 Plus 32GB 30,500 | 128GB 34,500 | 256GB 38,500 โดยเทียบจากราคาเครื่องเปล่าในสหรัฐอเมริกา คูณด้วย 40 แบบคร่าว ๆ
- ไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5mm ใช้เป็นพอร์ต Lightning ช่องต่อเดียวกับที่เสียบชาร์จไฟ หากต้องการใช้หูฟังแบบเดิม ก็มีขั้วแปลงจำหน่ายแยกต่างหาก
- AirPods ราคา 6,900 บาท มีชิป W1 เป็นหัวใจควบคุมการทำงานอิสระ เชื่อมต่อได้สะดวกกับทุก Device ของ Apple (iPhone/Mac/AppleWatch/iPad/iPod) ตัดเสียงรบกวนรองข้างได้ดี
- ลำโพงคู่ หัว-ท้าย ให้มิติเสียงแบบ Stereo ชัดใสกังวาน
- กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล ทั้งสองรุ่น กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล หนึ่งหรือสองตัวแล้วแต่รุ่น โดยกล้องหลังมีเลนส์ 6 ชิ้น รูรับแสงกว้าง f/1.8 รองรับการบันทึกภาพถ่ายแบบ RAW file แล้ว
- Quad-LED True Tone Flash ไฟแฟลช 4 สีผสมกัน ให้แสงที่สมจริงยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อภาพถ่ายที่มีสีสันถูกต้องตามธรรมชาติ
- กล้องมีระบบกันสั่นในตัว (OIS)
- รองรับความเร็ว 4G สูงขึ้นถึง 450Mbps
- เฉพาะรุ่น iPhone 7 Plus มีการปรับปรุงจอภาพให้แสดงสีสันได้สดใสมากขึ้น เฉดสีกว้างขึ้น
- 14 กันยายนนี้ อัพเดต iOS 10 กับ WatchOS 3 ถัดไปวันที่ 21 กันยายน อัพเดต macOS Sierra
- Apple ลดราคา iPad Pro ทั้ง 2 ขนาด 128GB ลด 2000 บาท 256GB ลด 4000 บาท ส่วน iPad Air 2, mini 4, mini 2 อัพเกรด 16GB เป็น 32GB ในราคาเดิม
- ราคา Apple Watch Series 2 อะลูมิเนียม Nike 13,900 / 14,900 | สแตนเลส 20,500 / 22,500 | เซรามิก 47,500 / 49,500 ส่วน Series 1 อะลูมิเนียม 10,500 / 11,500 บาท (ราคาขนาดเล็ก / ขนาดใหญ่ ตามลำดับ)
- iPhone 6s / 6s Plus ลดราคาลง 4,000 บาท แถมอัพเกรดเป็น 32GB ในรุ่น 128GB ลด 8,000 บาท ส่วน iPhone SE 16GB ไม่ลดราคา แต่รุ่น 64GB ลดราคาลง 2,000 บาท
ยังมีรายละเอียดในประเด็นอื่นอีกพอสมควร หากสนใจ สามารถดู Keynote ย้อนหลังได้ที่ Apple.com
Leave a Reply