รีวิว Apple iPhone 6s 16GB Rose Gold สีสุดฮิตในปีนี้
คงไม่สายเกินไปที่จะรีวิว Apple iPhone 6s เพราะนี่คือ ของขวัญที่สาว ๆ หลายคนอยากได้มากที่สุดในอันดับต้น ๆ ในกลุ่มสินค้าไฮเทค โดยเฉพาะสีชมพูโรสโกลด์สุดหวานที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แม้ว่า iPhone 6s กำลังจะตกรุ่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่ Apple ก็ยังคงขายลากยาวเป็นเวลา 2-3 ปี มีอัพเดต iOS อีกหลายปี มีลูกเล่นใหม่ ๆ ให้ได้ใช้กันอีกนาน คุ้มค่าที่จะลงทุนซื้อใช้งานแบบยาว ๆ
สเปค Apple iPhone 6s
- มีให้เลือก 4 สี คือ เงิน, ทอง, เทาสเปซเกรย์, โรสโกลด์
- มี 3 ความจุให้เลือก คือ 16GB, 64GB ,128GB
- CPU A9 พร้อมสถาปัตยกรรม 64 บิต และโปรเซสเซอร์ร่วม M9 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหวในตัว
- RAM 2 GB ที่เพียงพอกับการใช้งาน iOS ได้ลื่นไหล
- จอภาพ Retina HD พร้อม 3D Touch ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซลที่ 326 ppi อัตราส่วนคอนทราสต์ 1400:1
- กล้องหลักความละเอียด 12 MP รูรับแสงกว้าง f/2.2 ไม่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Optical บันทึกวิดีโอระดับ 4K (3840 x 2160) ที่ 30 fps และระดับ HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps
- กล้องหน้าความละเอียด 5 MP รูรับแสงกว้าง f/2.2 บันทึกวิดีโอระดับ HD 720p
- แบตเตอรี่ความจุเพียง 1715 mAh
- LTE-Advanced ความเร็ว 300/50 Mbps รองรับ VoLTE และ VoWiFi
- Bluetooth 4.2, NFC, Wi-Fi มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac พร้อม MIMO
- Nano-Sim
- เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ Touch ID
- ขนาด 138.3 x 67.1 x 7.1 mm. นำ้หนัก 143 กรัม
- ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.apple.com/th/iphone-6s/specs/
ราคา iPhone 6s มีส่วนลดพร้อมแพ็กเกจรายเดือนติดสัญญา 12 เดือน
จากตารางราคา จะเห็นได้ว่า iPhone 6s 16GB มีราคาเริ่มต้นที่ 20,900 – 21,900 บาท โดยต้องสมัครแพ็กเกจรายเดือนขั้นต่ำ 488 – 599 บาท ใช้งานเป็นเวลา 12 เดือน (รอบบิล) ซึ่งราคาถูกกว่าซื้อเครื่องเปล่าในราคา 26,900 บาท เพราะผู้ใช้ iPhone จำเป็นต้องมีแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงใช้งานได้ไม่คุ้มค่า ถ้าคิดว่าซื้อเครื่องเปล่าไปใช้กับซิมเติมเงิน ก็จะต้องซื้อแพ็กเกจ 4G อยู่ดี ซึ่งคำนวณแล้วในระยะยาว แพงกว่าใช้งานแบบรายเดือนแน่นอน
ส่วนการเลือกว่าจะซื้อเพื่อใช้งานกับ AIS, TrueMove H หรือ dtac ก็ขึ้นอยู่หลายปัจจัยที่ผู้ใช้งานต้องเลือกเอง ได้แก่ คุณภาพสัญญาณในพื้นที่ใช้งาน, งานบริการช่วยเหลือลูกค้า, ราคาและเงื่อนไข เป็นต้น แต่หากสังเกตให้ดีจากตารางข้างบนของ AIS จะพบว่า iPhone 6s Plus 16GB ถูกกว่า iPhone 6s 1,000 บาท และถูกกว่าเครื่องเปล่าถึง 10,000 บาท ซึ่ง AIS ต้องการผลักดันให้ลูกค้าหันมาใช้งาน iPhone 6s Plus มากขึ้นนั่นเอง ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในราคาพอ ๆ กับ iPhone 6s
iPhone 6s อาจจะถูกมองว่าเป็นสมาร์ทโฟนราคาแพง ตั้งราคาสูงเกินไปทั้งที่สเปคและลูกเล่นน้อยกว่า Android ในระดับราคาเดียวกัน แต่ iPhone 6s สามารถใช้งานได้ยาวนาน 2-3 ปี อัพเดตได้ประสบการณ์ใหม่ที่ดีขึ้นอยู่เสมอ ไม่มีลอยแพ แบตเตอรี่เสื่อมช้ากว่า ในขณะที่ Android ใช้งานได้เพียง 9-15 เดือน ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะแบตเตอรี่เสื่อม เครื่องหน่วงช้าจนน่ารำคาญ ซอฟต์แวร์รวนบ่อย ไม่มีการอัพเดตลูกเล่นใหม่ ๆ เท่าไรนักหลังจากตกรุ่น
แต่ iPhone ก็มีข้อจำกัดมากมายหลายอย่างที่หลายคนอึดอัดจนต้องหนีไปใช้ Android หรือซื้อ Android อีกเครื่องใช้คู่กัน เชื่อว่าผู้อ่านส่วนใหญ่น่าจะเคยมีประสบการณ์ใช้งานทั้งสองระบบมาแล้ว ก็ลองพิจารณาเปรียบเทียบกันดู บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อประกอบการพิจารณาซื้อ iPhone 6s เป็นเครื่องหลัก เน้นใช้งานในระยะยาว ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย และรอซื้อ iPhone รุ่นใหม่ปลายปีไม่ไหว
ตารางเปรียบเทียบ iPhone 6s กับ iPhone 6 และ iPhone SE
iPhone 6s มีการพัฒนาให้กล้องหน้าและกล้องหลัง ถ่ายภาพได้คมชัด สวยมากขึ้น ประมวลผลได้เร็วกว่าเดิม และมั่นใจว่าหลายคนก็อาจจะกำลังเปรียบเทียบกับ iPhone SE 16GB Rose Gold เช่นกัน จึงใส่รวมมาในตารางนี้ด้วย เป็นข้อมูลพิจารณาประกอบการตัดสินใจ ซึ่ง iPhone SE ก็มีสเปคสูงใกล้เคียงกับ iPhone 6s แต่ลดขนาด ความละเอียดหน้าจอลง และแบตเตอรี่น้อยลงเพราะตัวเครื่องเล็กมากนั่นเอง
แกะกล่อง สัมผัสดีไซน์ระดับพรีเมี่ยมที่ทุกคนคุ้นเคย (ถ่ายภาพโดย คุณ Ronnapob Chanapim เจ้าของเครื่อง)
สียอดนิยมในปีนี้อย่าง Rose Gold สวยหวานถูกใจสาว ๆ อย่างมาก จนสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นต้องทำสีนี้ออกมาตามกระแสเช่นกัน กระจกด้านหน้าเป็นสีขาว ตัวเครื่องอะลูมิเนียมลื่นมือหล่นง่ายเหมือนกับ iPhone 6 รุ่นเก่า ส่วนอุปกรณ์ในกล่อง ก็คงไม่ต้องบรรยายอะไร ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัย iPhone 5s
ดีไซน์ตัวเครื่อง ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมยูนิบอดี้ ทำสีชมพู Rose Gold ซึ่งอาจลอกได้ตรงบริเวณขอบ จึงต้องระวังการกระแทกหรือบาดลึกด้วยของมีคม เส้นสีขาวที่คาดผ่านตัวเครื่องด้านหลังทั้งด้านบนและด้านล่าง ดูขัดตาและลดทอนความสวยงามไปหมดสิ้น แต่จำเป็นต้องมี เพราะเป็นตัวแบ่งส่วนที่เป็นเสาอากาศไม่ให้ลัดวงจรกัน ดูไปดูมา รู้สึกว่า iPhone SE สีโรสโกลด์ ยังดูสวยกว่าด้วยซ้ำไป ตัวเครื่อง ลื่นหล่นได้ง่าย ต้องถือด้วยความระมัดระวังสักหน่อย
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก iPhone 6s
ทุกภาพถ่ายทั้งหมดนี้ ถ่ายด้วย iPhone 6s จริง ๆ (สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการดู EXIF Data) ซึ่งต้องยอมรับว่าภาพสวย คม เก็บรายละเอียดได้ดี สีสันสมจริงไม่ผิดเพี้ยน ถ่ายสวยทุกสภาพแสง ใช้งานง่าย แค่เล็งแล้วถ่าย ไม่ต้องปรับค่าอะไรในแบบ Manual เหมือนอย่างที่ Android Phone หลายรุ่นพยายามทำ
ในส่วนของกล้องหน้า เปลี่ยนไปใช้กล้องที่มีความละเอียดสูงขึ้น ทำให้เก็บรายละเอียดของภาพได้คมชัดมากขึ้น แต่ยังไม่มี Auto Focus และไม่มีการปรับใบหน้าให้สว่างขึ้นอัตโนมัติ ทั้งที่ซอฟต์แวร์ก็มีระบบตรวจจับตำแหน่งใบหน้าอยู่แล้ว
ซอฟต์แวร์
ในส่วนของซอฟต์แวร์ ในปัจจุบันเป็น iOS 9.3 ที่มีอัพเดตอย่างต่อเนื่อง และสามารถอัพเดตเป็น iOS 10 ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ลูกเล่นการใช้งานก็มีให้ครบเต็มทุกฟังก์ชั่น ในขณะที่รุ่นเก่ากว่าแม้เป็น iOS เวอร์ชั่นเดียวกัน แต่ก็ถูกตัดความสามารถบางอย่างออกไป ส่วนใหญ่ผู้อ่านน่าจะมีความคุ้นเคยกับ iOS อยู่แล้วบน iPhone, iPod หรือ iPad รุ่นต่าง ๆ คงไม่ต้องอธิบายเจาะลึกเหมือนสอนใช้ iPhone สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้ iOS มาก่อน ที่อาจจะคุ้นเคยกับระบบปฏิบัติการอื่น ก็สามารถเรียนรู้การใช้งานได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้น
สรุปการทดสอบใช้งานทั่วไป
- Touch ID ทำงานรวดเร็วมาก แค่สัมผัสเบา ๆ ที่ปุ่ม Home ก็ปลดล็อกหน้าจอพร้อมใช้งานทันที
- CPU A9 ทรงพลังจาก Apple เป็นแบบ Dual-core พร้อม RAM มากขึ้นถึง 2GB ทำให้การทำงานลื่นไหลและรวดเร็วน่าประทับใจมาก ถึงแม้ว่าทางฝั่ง Android จะอัดสเปคไปถึง CPU Quad-core หรือ Octa-core พร้อม RAM 3GB 4GB มากกว่า iPhone 6s แต่ก็ยังรู้สึกว่า iPhone 6s ให้ประสบการณ์การใช้งานที่เร็วลื่น ตอบสนองทันใจมากกว่า ทั้งนี้เป็นเพราะระบบปฏิบัติการ iOS ที่บริการจัดการประสิทธิภาพได้ดีมาก โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Hardware สเปคสูงและเปลืองพลังงานมากเกินความจำเป็น
- 3D Touch หรือ Force Touch ของ iPhone 6s มีการรับรู้แรงกดหน้าจอที่ละเอียดดีมาก ช่วยในการพรีวิวหรือเปิดเมนูย่อยได้อย่างรวดเร็ว แต่ที่ใช้บ่อยที่สุด ก็คือการสลับแอปพลิเคชั่นที่เปิดค้างอยู่ได้สะดวกมาก โดยไม่ต้องกดปุ่ม Home
- Siri ทำงานได้ดี แม้ในสถานการณ์ที่มีเสียงรอบข้างดังรบกวนมากมาย ก็ยังคุยโต้ตอบได้ดี
- แบตเตอรี่ของ iPhone 6s มีความจุลดลงเมื่อเทียบกับ iPhone 6 แต่ก็ใช้งานได้เพียงพอสำหรับช่วงกลางวัน ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็นตามเวลาทำการราชการ หลังจากนั้นต้องชาร์จไฟระหว่างวัน เพราะฉะนั้นยังจำเป็นที่ต้องพกพาสายชาร์จกับ Power Bank เหมือนกับ iPhone ทุกรุ่นที่ผ่านมา
- กล้องหลังและกล้องหน้า มีการปรับปรุงให้ถ่ายภาพได้ดีเยี่ยมน่าประทับใจ ฉลาด แม่นยำ ใช้งานง่าย ใครถ่ายก็สวย
- ทดสอบใช้งานบน iOS 10 ก็ไม่พบปัญหาใด ๆ และให้ประสบการณ์การใช้งานที่ทันสมัยขึ้นมาก รองรับการอัพเดต iOS อีก 3-4 ปี
- เป็นสมาร์ทโฟนที่มีเสถียรภาพดีที่สุด ไม่มีปัญหาค้าง หน่วง อืด สำหรับปัญหาที่บางคนเคยพบ มักเกิดจากปัญหาของแอปพลิเคชั่นหรือเกมนั้น ๆ ต้องรอให้ผู้ผลิตแก้ไขปรับปรุงในอัพเดตครั้งถัดไป
ข้อสังเกต
- กล้องหน้า ไม่มีโหมด Beauty และถ่ายทอดรายละเอียดบนใบหน้าได้ดีเกินไป เห็นทุกริ้วรอย รอยแผล จุดด่างดำ สะท้อนความจริงของผิวหน้า ซึ่งไม่มีใครยอมรับได้ จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชั่นอื่นในการถ่ายภาพ Selfie
- กล้องไม่มีโหมด Pro หรือ Manual ให้ปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอยู่แล้ว
- แบตเตอรี่น้อยเกินไป ใช้งานได้เฉลี่ย 8 ชั่วโมงเท่านั้น จำเป็นต้องชาร์จไฟวันละ 2-3 ครั้ง
- ขอบตัวเครื่อง ลื่นหลุดมือได้ง่าย แนะนำให้สวมเคสหนังของ Apple หรือเคสใสแบบบางที่ใช้วัสดุระดับพรีเมี่ยม ราคาสูงแต่ใช้ได้นาน
- กระจกหน้าจอยังคงแตกร้าวได้ง่ายเหมือนเดิม
- สาย Lightning ที่แถมมาในกล่อง มีอายุการใช้งานสั้น เก่าเร็ว ต้องซื้อเพิ่มจากผู้ผลิตรายอื่น ได้สายที่มีคุณภาพดีกว่า แข็งแรงทนทานมากกว่า
- ยังไม่มีระบบชาร์จเร็วหรือชาร์จไร้สายใน iPhone
- Bluetooth และ NFC ของ iPhone ไม่ค่อยมีประโยชน์เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ Android ที่สามารถใช้แชร์ข้อมูลได้ง่ายกว่า
- iTunes ยังคงสร้างความยุ่งยากในการใช้งานเหมือนเดิม แนะนำให้ใช้ iTools แทน จะสะดวกกว่ามาก
- ความจุ 16GB อาจจะไม่พอสำหรับการใช้งานในปัจจุบันแล้ว ต้อง Backup หรือถ่ายโอนข้อมูลลงคอมพิวเตอร์บ่อย หรือใช้ Flashdrive สำหรับ iPhone ในการย้ายข้อมูลออกมา ก็สะดวกดี ทำได้ง่ายกว่าบนคอมพิวเตอร์
- เทียบราคาแล้วถือว่าแพง กับความจุน้อยเพียง 16GB และหน้าจอความละเอียดต่ำเกินไป ไม่สมราคา
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
Leave a Reply