เปิดตัว Huawei Mate Book แท็บเล็ต 2-in-1 รัน Windows 10 มาพร้อมปากกา MatePen หน้าจอระดับ 2K
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่ามีการจัดงาน Mobile World Congress 2016 ที่ประเทศสเปน Huawei ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้ทำการเปิดตัวอุปกรณ์สินค้าใหม่ๆ แต่จะแตกต่างไปจากเจ้าอื่นอยู่สักนิด เมื่อ Huawei ได้เปิดตัว Huawei MateBook แท็บเล็ต 2-in-1 รันระบบปฎิบัติการ Windows 10 (Home และ Professional) ที่สามารถใช้งานคู่อุปกรณ์เสริมอย่างคีย์บอร์ด และปากกา MatePe
ซึ่งนับได้ว่านี่คือครั้งแรกที่ Huawei จับมือกับ Microsoft ผลิตอุปกรณ์สำหรับ Windows 10 ที่ดูแล้วคล้ายๆ กับ Microsoft Surface เป็นอย่างมาก ทั้งในรูปแบบของแท็บเล็ตและโน๊ตบุ้ค และมีปากกา MatePe สำหรับขีดเขียนอีกด้วย โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ชูจุดเด่น Huawei MateBook ว่ามันสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และเชื่อมต่อแบบไม่มีสะดุด
อีกทั้งยังมีการออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงาม มีความโค้งมน ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมหรูหราพรีเมี่ยมแบบ unibody และมีลำโพงคู่แบบสเตอริโออีกด้วย เราไปชมสเปคการใช้งานคร่าวๆ กันเลยค่ะ
Huawei Matebook
– หน้าจอ LCD ขนาด 12 นิ้ว
– ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล
– ตัวเครื่องที่บาง 6.9 มิลลิเมตร
– นํ้าหนัก 640 กรัม
– ระบบปฎิบัติการ Windows 10 (Home และ Professional)
– CPU Intel Core M 6th generation แบบ Dual core (M3/M5/M7) 3.1 GHz
– RAM 4GB และ 8GB แบบ LPDDR3
– ROM 128 และ 256 และ 512GB
– กล้องด้านหน้า 5 ล้านพิกเซล (ไม่มีกล้องด้านหลัง)
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา
– แบตเตอรี่ความจุ 4,430 MaH ใช้งานได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง
มีราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นที่ $699 – $1599 หรือประมาณ 25,100 – 57,300 บาท
อุปกรณ์เสริมมีดังต่อไปนี้
– Keyboard Touchpad มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ $129 หรือประมาณ 4,600 บาท
– MatePen รองรับแรงกด 2048 ระดับ มาพร้อมปุ่มควบคุมช่วยในการเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นหรือควบคุมการสไลด์ภาพ รองรับงานวาดภาพผ่านโปรแกรมระดับมืออาชีพ มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ $59 หรือประมาณ 2,100 บาท
– Dock เชื่อมต่อเป็นแบบ HDMI และ VGA มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ $89 หรือประมาณ 3,200 บาท
เรามาชมรูปภาพกันแบบชัดๆ อีกสักครั้งกันเลยค่ะ
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลระบุว่า Huawei Matebook จะมีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อไร คงต้องติดตามข้อมูลและความคืบหน้ากันต่อไปค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.theverge.com , www.whatphone.net
Leave a Reply