6 เหตุผล ที่ทำให้ Google Nexus 5X เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ดีที่สุด

6 เหตุผล ที่ทำให้ Google Nexus 5X เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ดีที่สุด

ในเดือนตุลาคม 2015 ที่ผ่านมา Google ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นที่ 7 ในตระกูล Nexus อย่าง Google Nexus 5X หลังจากที่ Nexus 5 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปี 2013 โดย Google Nexus 5X ได้รับคำกล่าวว่าคือสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ดีที่สุด แต่จะด้วยเหตุผลประการใดบ้าง เราไปชมกันเลยค่ะ

1. ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Marshmallow การันตีอัพเดทก่อนใคร

Google Nexus 5X ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งในขณะนี้ได้อัพเดทเป็น Android 6.0.1 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสกับประสบการณ์การทำงานแบบ Google อย่างแท้จริง เช่นเดียวกันกับ Nexus รุ่นอื่นๆ โดยจะได้รับการอัพเดทซอฟต์แวร์ใหม่ๆ จาก Google โดยตรง ไปจนถึงปี 2017 และรับรองความปลอดภัยของระบบไปจนถึงปี 2018

2. ฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือที่รวดเร็ว และแม่นยำ

ในสมาร์ทโฟน Google Nexus 5X มีระบบสแกนรายนิ้วมือที่เรียกว่า Nexus Imprint อยู่ที่ด้านล่างของกล้องหลังโดยมีความรวดเร็ว และความแม่นยำสูง และในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงบางรุ่นยังหาระบบสแกนลายนิ้วมือที่ดีแบบนี้ได้ยากเลยค่ะ

3. กล้องหลังที่ดีที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง

ด้วยกล้องหลังความละเอียด 12.3 ล้านพิกเซล ของ Sony IMX377 ที่มีเลเซอร์ช่วยในการโฟกัส และบันทึกวีดีโอ 4K ได้ โดยถือว่าเป็นกล้องสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดที่ผู้ใช้จะหาได้ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางด้วยกัน

4. ชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วทันใจ

แม้ Google Nexus 5X จะมาพร้อมความจุแบตเตอรี่ที่ไม่ได้มากมายสักเท่าใด แต่ก็สามารถใช้งานได้นานตลอดทั้งวัน โดยมีข้อดีอยู่ที่พอร์ต USB Type-C ที่ทำให้การชาร์จแบตเตอรี่่ความจุ 2,700 mAh ได้เต็มในเวลาแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง และชาร์จแบตเตอรี่ได้ 25% ใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น

5. หน้าจอคุณภาพสูง

หน้าจอของ Google Nexus 5X จะเป็นหน้าจอแบบ IPS ขนาด 5.2 นิ้ว มีความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล และมีความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 423 ppi ซึ่งจะมีความใกล้เคียงกับ Quad HD หรือความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล สามารถแยกได้ยากเมื่อใช้งาน เพราะแทบไม่ต่างกันเลยค่ะ

6. ราคาวางจำหน่าย

ครั้งแรกในการเปิดตัวของ Google Nexus 5X มีราคาเปิดตัวสูงถึง 379 เหรียญ 13,400 บาท สำหรับรุ่น 16GB และสำหรับรุ่น 32GB มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 15,170 บาท ซึ่งแพงกว่าที่แฟนๆ จะคาดถึง และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้ลดราคาเหลือ 299 เหรียญ หรือประมาณ 10,600 บาทและ 349 เหรียญ หรือประมาณ 12,350 บาท สำหรับรุ่น 16GB และรุ่น 32GB ตามลำดับ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.phonearena.com