รีวิว ZTE Axon ดีไซน์พรีเมี่ยม ถ่ายภาพเยี่ยมด้วยกล้องหลังคู่

รีวิว ZTE Axon ดีไซน์พรีเมี่ยม ถ่ายภาพเยี่ยมด้วยกล้องหลังคู่ 

ZTE Axon มีความแตกต่างที่น่าสนใจมากกว่าคู่แข่งในตลาดระดับเดียวกัน ด้วยระบบตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลแบบไบโอเมตริก (Biometric) ถึง 3 แบบ  พร้อมกับกล้องหลังคู่ ที่ปรับรูรับแสงได้กว้างมากถึง f/1.0 ทำให้ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้สวยกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป เปิดตัวด้วยสีทองที่ดูหรูหราเหนือระดับ ในราคา 17,900 บาท

สเปคของ ZTE Axon

 

จุดเด่นของ ZTE Axon

Axon เป็นสมาร์ทโฟนที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมและล้ำสมัย ทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมระบบตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลแบบไบโอเมตริก (Biometric) ถึง 3 แบบ ได้แก่ ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือ ระบบ Smart voice (ยืนยันด้วยเสียง) และ EyePrint ID™ (ตรวจสอบจากดวงตา) ทำให้ Axon เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในตลาดเท่าที่มีวางจำหน่ายอยู่ทั่วโลกในขณะนี้

นอกจากนี้ Axon ยังเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อม dual-cam ที่สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ส่วนกล้องหลังประกอบด้วยเลนส์ HD คู่ (13 ล้านพิกเซลและ 2 ล้านพิกเซล) ซึ่งให้ประสบการณ์การถ่ายภาพเทียบเท่ากล้อง DSLR พร้อมรูรับแสงขนาดใหญ่ f/1.8 ขยายได้ถึง f/1.0 ให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพแม้ในจุดที่มีแสงน้อย ในขณะเดียวกันก็สามารถบันทึกวิดีโอ HD ความละเอียด 4K ที่ความเร็ว 30fps กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และครอบคลุมมุมกว้าง 84 องศาและวิดีโอความละเอียด 1080p HD

นอกจากนั้น วัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องยังมีความโดดเด่น ด้วยการใช้วัสดุเกรดเดียวกับเครื่องบินโบอิ้ง 787 ซึ่งเป็นโลหะอลูมิเนียมผสมแมกนีเซียมอัลลอยที่ใช้ในธุรกิจอากาศยาน คุณสมบัติช่วยสร้างความแข็งแกร่ง (มากขึ้น 80%) และทำให้ตัวเครื่องเบาขึ้น (30%) ในขณะที่การใช้โลหะและหนังเทียมผสมผสานกันช่วยเพิ่มความหรูหราสง่างามอีกด้วย คุณสมบัติสำคัญอื่นๆ ได้แก่ หน้าจอแบบ Full HD ขนาด 5.5” พร้อมกระจกกันรอย Corning Anti-Bacterial Gorilla Glass รุ่นล่าสุดที่ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้ถึง 99% ทั้งยังรองรับ Hi-Fi (แบบ two-way) โดยใช้ระบบ digital playback และ recording ระดับพรีเมี่ยม พร้อม audio chipset แยกเป็นอิสระ แบตเตอรี่สุดทนทานความจุ 3000mAh สายชาร์จ Quick Charge™ 2.0 เพื่อการชาร์จไฟที่เร็วขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ การชาร์จนาน 10 นาทีสามารถรองรับการโทรได้ 160 นาที

หรือแยกเป็นส่วน ๆ ได้ดังนี้

ฮาร์ดแวร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือ, รองรับสองซิม, หน่วยความจำภายในเครื่อง 3GB RAM กับ 32GB ROM และกระจกกันรอย Antibacterial Gorilla Glass ของ Corning ชนิดป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย

ซอฟต์แวร์: UI MiFavor 3.2 ของ ZTE มาพร้อมขีดความสามารถและคุณสมบัติใหม่ล่าสุดที่ปรับแต่งได้ รวมทั้งวอยซ์คอนโทรลโซลูชั่นใหม่จาก ZTE

ความปลอดภัย/ความเป็นส่วนตัว: สมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่สามารถปลดล็อคด้วยระบบตรวจสอบและยืนยันตัวตน (Biometric Authentication) ที่แตกต่างกันถึง 3 วิธี ได้แก่ ลายนิ้วมือ การควบคุมด้วยเสียง และการสแกนดวงตา นับเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ปลอดภัยที่สุดที่มีอยู่ในตลาด

กล้อง: กล้องคู่ด้านหลังของ Axon โดยกล้องบน 13 MP กล้องล่าง 2MP สามารถถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอความละเอียดสูง ซึ่งสามารถเปิดดูหรือเล่นบนทีวีระบบ 4K  ส่วนเลนส์ชิ้นที่สองมาประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูง เช่น การถ่ายภาพโบเก้ (bokeh) ที่มีความซับซ้อน รูรับแสงขนาดใหญ่ f/1.8 ที่ขยายได้ถึง f/1.0 ช่วยให้ได้ผลงานภาพถ่ายที่มีคุณภาพแม้ในที่ที่มีแสงน้อย กล้องคู่มีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่ทำงานเร็วระดับเสี้ยววินาที (millisecond) และความเร็วชัตเตอร์สูงที่ระดับ 1/90,000 วินาที จนสามารถจับภาพและใช้เทคนิค freeze frame จับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้ละเอียดและคมชัด ทั้งยังสามารถปรับภาพได้แบบเรียลไทม์ด้วยโหมดการถ่ายภาพและฟิลเตอร์หลากหลาย และด้วยปุ่มสำหรับถ่ายภาพโดยเฉพาะและขีดความสามารถในการโฟกัสภาพก่อนและหลังการถ่ายภาพ จึงสามารถจับภาพช่วงเวลาที่ก่อนหน้านี้ที่เพิ่งผ่านพ้นไป

ระบบเสียง: Axon มาพร้อมออดิโอชิปเซ็ต 2 ตัวที่มีหน้าที่เฉพาะ ช่วยให้คุณได้สัมผัสกับคุณภาพเสียงจากสมาร์ทโฟนที่คุณไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เสียงที่ได้ยินจึงมีคุณภาพสูง ชัดใสเหมือนจริง ให้คุณรู้สึกถึงบรรยากาศที่ซึ่งเพลงนั้นเล่นอยู่แต่เดิม ความลุ่มลึกจากที่มาของเสียง และสมดุลการสอดประสานอันเยี่ยมยอดของเสียงดนตรี นอกจากนี้คุณยังสามารถบันทึกเพลง เสียงดนตรี และเสียงร้องผ่าน Hi-Fi ช่วยเพิ่มเนื้อหาใดๆ ที่คุณต้องการจะสร้างสรรค์ ส่ง หรือแบ่งปันบนโลกโซเชียล ขีดความสามารถขั้นสูงของระบบเสียงดังกล่าวช่วยลดเสียงลม ไมโครโฟนคู่ ตัวควบคุมระดับเสียงรถยนต์ และเสียงจากระยะไกลจะได้ยินน้อยมาก โดยสามารถลดเสียงรบกวนในรัศมีไกลสุดถึง 20 ฟุต

แบตเตอรี่สุดอึด: แบตเตอรี่ 3000mAh ด้วยระบบ Quick Charge 2.0 เพื่อการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น การชาร์จ 10 นาที สามารถรองรับการสนทนาได้ถึง 160 นาที

 

แกะกล่องยลโฉมดีไซน์

กล่องดีไซน์เก๋ เจาะรูกล่อง มองเห็นกล้องคู่ด้านหลังของตัวเครื่อง  เมื่อแกะกล่องออกมา ก็จะพบกับ ZTE Axon คว่ำหน้าอยู่

ด้านหลังตัวเครื่องสวยงามมาก วัสดุระดับพรีเมี่ยม ด้วยอะลูมิเนียมสีทองที่เป็นทองเข้มกว่าสมาร์ทโฟนสีทองทั่วไป นอกจากดูหรูหราแล้ว ก็ให้ความรู้สึกดีเมื่อสัมผัส

ส่วนล่างและส่วนบนของหลังเครื่อง มีการทำลวดลายบนพลาสติกให้ดูคล้ายหนังเย็บเดินด้าย นอกจากดูดีแล้ว ยังลดปัญหาขอบอะลูมิเนียมคมบาดมือได้ด้วย

กล้องคู่ และไฟแฟลชคู่ พร้อมหลุมสแกนนิ้วมือ

ช่องต่อหูฟัง อยู่ด้านบนตามมาตรฐาน Android สมาร์ทโฟน

ระหว่างกล้องทั้งสองตัว มีการทำลวดลายเก๋ ๆ ไว้บนกระจก ไม่ใช่ช่องลำโพงแต่อย่างใด

ปุ่ม Power ไม่แข็ง ใช้แรงกดน้อย กดง่าย

โดยรวมถือว่า ดีไซน์ด้านหลัง หรูหราสวยงาม ไม่ซ้ำใคร ออกแบบได้ดีโดยที่ไม่ต้องเลียนแบบ

ขอบตัวเครื่องด้านหน้า เหนือและใต้จอภาพ ก็ทำลวดลายไว้เช่นกัน แต่อันนี้มีรูลำโพงและไมโครโฟนแอบซ่อนอยู่ในบางตำแหน่ง

ปุ่ม Volume อยู่ฝั่งซ้าย ส่วนปุ่ม Power อยู่ฝั่งขวา แยกกัน แต่ก็ไม่มีปัญหาในการใช้งาน

พอร์ต microUSB อยู่ตรงกลาง ใช้งานกับ Docking ได้ปกติ

ตัวเครื่องมีขนาดค่อนข้างบางพอ ๆ กับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงทั่วไป ไม่ได้ถึงกับบางเฉียบ เพราะต้องบรรจุแบตเตอรี่ความจุสูงไว้ภายใน

ตัวเครื่อง ถือว่าใหญ่ แต่ก็จับถือได้พอดีสำหรับมือคนทั่วไป ตัวเครื่องไม่ค่อยลื่น ไม่น่าจะหลุดมือ

กระจกหน้าจอ นูนลอยเด่น ควรระมัดระวังการวางบนโต๊ะแบบคว่ำหน้า อาจทำให้กระจกหน้าจอเป็นรอยขีดข่วนได้

อุปกรณ์ในกล่อง หรูหราดูดีสมราคา

หูฟังแบบ in-ear พร้อมกล่องเก็บ

สาย USB และ Adapter ที่ออกแบบมาสวยดูดี

เข็มสีทองห่อหุ้มด้วยยาง สำหรับจิ้มถาดซิมการ์ด สามารถพกกับพวงกุญแจได้

ใบรับประกันและเอกสารแนะนำการใช้งานเบื้องต้น

รองรับ nanoSIM ทั้งสองซิมการ์ด หรือใช้ nanoSIM คู่กับ microSD ก็ได้

เมื่อถือด้วยมือข้างซ้าย นิ้วกลางจะตรงกับตำแหน่งปุ่ม Power พอดี ส่วนนิ้วโป้งงอเล็กน้อย เพื่อปรับระดับเสียงในขณะสนทนา  ฝึกไปสักระยะหนึ่งก็จะชิน

ส่วนนิ้วชี้สามารถสั่งงานตัวเครื่องได้ด้วยการสแกนหรือลากนิ้วในบริเวณ Finger scanner

กระจกหน้าจอเป็นแบบป้องกันแบคทีเรีย ไม่ค่อยมีปัญหาเปื้อนคราบมันจากรอยนิ้วมือ ดูสะอาดตลอดเวลา เช็ดได้ง่าย ไม่ค่อยมีฝุ่นหรือคราบสกปรกมาติดเกาะบนผิวกระจกจอภาพ

เข้ากล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วจากหน้าจอที่ล็อคอยู่  ซึ่งรุ่นนี้เน้นกล้องถ่ายภาพเป็นจุดขายหลัก เพราะฉะนั้นมาดูตัวอย่างภาพถ่ายกันต่อเลย

 

ตัวอย่างภาพถ่าย

ในการทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องหลังในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายในสภาวะแสงน้อย  เพื่อทดสอบหลายด้าน ทั้งการจับโฟกัส การวัดแสง ความสว่างของภาพ ความเร็วชัตเตอร์ที่อาจมีผลกับการเบลอสั่นไหว และสุดท้ายเรื่องของ Noise

สำหรับผู้ที่ชอบการถ่ายภาพแบบชัดตื้น หรือหน้าชัดหลังเบลอ ก็น่าจะชอบภาพถ่ายของ ZTE Axon เพราะถ่ายภาพด้วยกล้องคู่ในโหมด Bokeh ช่วงรูรับแสง f/2.0 ไปจนถึง f/1.0  ช่วยให้บุคคลรือวัตถุในภาพถ่าย มีความโดดเด่นน่าสนใจ ในขณะที่ฉากหลังที่อยู่ไม่ไกลนัก ก็มีความเบลอแบบนุ่มนวลอย่างค่อนข้างดูเป็นธรรมชาติ

จากตัวอย่างภาพถ่ายข้างต้น ถือว่าน่าพอใจอย่างมาก  สมาร์ทโฟนทั่วไปไม่สามารถถ่ายภาพให้ฉากหลังเบลอแบบนี้ได้ ต้องใช้กล้องถ่ายภาพแบบ DSLR หรือ Mirrorless หรืออาจจะต้องเลนส์มาโครมาช่วย  แต่ ZTE Axon สามารถทำได้ดีในระดับที่น่าพอใจ  ในบางวันที่ไม่ได้พกกล้องถ่ายภาพพร้อมเลนส์ขนาดใหญ่ หาใช้ ZTE Axon ก็สามารถถ่ายภาพสวย ๆ แบบนี้ได้ทันเหตุการณ์ได้  ถ่ายภาพอาหาร วัตถุ ดอกไม้ หรือภาพบุคคลก็ได้เช่นกัน ด้วยกล้องคู่ การทำฉากหลังเบลอเพื่อให้จุดที่เราโฟกัสดูโดดเด่น ทำได้ไม่ยากเลย

ในส่วนของกล้องหน้า ก็ถือว่าน่าพอใจเช่นกัน ให้ความคม สีสันสวยงาม และสว่างดี มุมกล้องที่กว้างพอจะถ่ายภาพกับกลุ่มเพื่อนหลายคนได้  มีโหมด Beauty ที่ปรับผิวหน้าได้เป็นธรรมชาติ ไม่ดูเกินจริงไปมากนัก

 

ทดสอบประสิทธิภาพ

ไม่ผิดหวังสำหรับความแรงของ ZTE Axon ที่ทำคะแนนทดสอบได้ถึง 74032 ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของแบรนด์อื่น ๆ  ทำคะแนนได้ดีเยี่ยมทั้งในการประมวลผลทั่วไปและเกม 3D  แน่นอนว่าเกม 3D แรง ๆ ที่ต้องการชิปประมวลผลกราฟฟิคประสิทธิภาพสูง  จะรันเกมได้อย่างเร็วลื่น ภาพสวยงามแน่นอนเมื่อเล่นบน ZTE Axon

 

ซอฟต์แวร์

Lock screen และ Home screen ที่ลื่นไหล ใช้งานได้ดี ไม่มีอะไรให้ติ

Dialer ที่เว้นระยะห่างของ Key pad ได้ดี ไม่มีปัญหากดพลาด

รายการแอปพลิเคชั่นที่ติดตั้งจะโชว์บนหน้า Home screen เหมือน iPhone ไม่มี App drawer

Quick setting ปรับแต่งเองได้ มีให้เลือกมากมาย สะดวกในการใช้งาน   |  เมนูตั้งค่าหลัก ก็มีแยกเป็น Common กับ All  เพื่อให้โชว์เฉพาะบางเมนูที่นิยมใช้บ่อยกับแสดงครบทุกเมนูย่อย

จัดเต็มทั้งการสั่งงานด้วยสายตา นิ้วมือ เสียง และท่าทาง  สะดวกแบบไหนก็เลือกเปิดใช้แบบนั้นตามถนัด ควรเปิดใช้ตามความจำเป็น ไม่ใช่เปิดใช้ครบทุกอย่าง

กำหนดตำแหน่งปุ่ม Back และ Menu ได้ตามความถนัด   |   การสั่งงานด้วย Gesture ก็เลือกเปิดใช้ตามความจำเป็นได้

การสั่งงานด้วย Motion หรือตรวจสอบการเคลื่อนไหวของตัวเครื่องตามลักษณะการจับถือ ก็มีให้เลือกใช้มากมาย ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็เช่น Flip mute เมื่อมีสายเรียกเข้า หยิบขึ้นมาดู แล้วคว่ำหน้าลง เสียงเรียกเข้าก็จะเงียบลงทันที  นอกจากนี้ยังมีระบบสั่งงานแบบมัลติทัชหรือใช้หลายนิ้วอีกด้วย

ใช้สามนิ้วสไลด์ซ้ายขวาเพื่อสลับแอปฯ เลื่อนลงมาเพื่อปิดแอปฯ หรือบันทึกภาพหน้าจอด้วยการขยุ้มสามนิ้ว เป็นต้น

ปรับขนาดตัวอักษร ความเข้มสีหน้าจอ และโทนสีได้

เหลือพื้นที่ให้ผู้ใช้ได้ใช้อีกประมาณ 21GB

แบตเตอรี่อึดจริง จากการทดสอบใช้งานมา 1 เดือนเต็ม แบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 1 วันกว่า ถ้าไม่ค่อยถ่ายรูป ไม่ค่อยเล่น Social network และไม่เล่นเกม อาจจะชาร์จวันเว้นวันก็ยังไหว  ระบบปฏิบัติการ MiFavor ที่มาครอบทับ Android Lollipop  ก็มีอัพเดตแบบ OTA เพื่อปรับปรุงการทำงาน

เดิม ๆ มาพร้อม Android 5.0.2 มี Auto Update ลุ้นว่าจะได้อัพเดตในอนาคตอีก

เปลี่ยนรูปแบบวอลล์เปเปอร์และไอคอนได้ ด้วยการเขี่ยหน้าจอ ลากจากขอบล่างขึ้นมา

สาธิตให้ดูว่าไอคอนเปลี่ยนจากสีทองเป็นแบบทันสมัยสีสดใสแล้ว  Effect เปลี่ยนหน้า Home screen ก็ทำได้  เปลี่ยนได้บ่อย ไม่มีเบื่อ

ใช้ Audio Chipset ที่รองรับระบบเสียง Dolby Audio  โดยสามารถวาง Widget บนหน้า Home screen เพื่อเปิดหรือปิดระบบนี้ได้  รวมทั้งมีโหมดเสียงให้เลือกหลายแบบ เพื่อจำลองลักษณะเสียงหรือชดเชยเสียงที่เหมาะสมที่สุด

ในการถ่ายภาพ จะคล้ายกับ iPhone คือ แตะเพื่อโฟกัสแล้วสามารถเลื่อนปรับความสว่างของภาพได้  สั่งถ่ายภาพด้วยเสียงได้ด้วย ให้เปิดฟังก์ชั่น Voice control

ถ่ายวิดีโอเท่ ๆ ในแบบ Time lapse ได้  เปิดแสงไฟแฟลชแช่ไว้ได้

มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกหลายแบบ เพิ่มความหลากหลายให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องสนุกยิ่งขึ้น  ในส่วนของกล้องคู่ด้านหลัง สามารถปรับค่ารูรับแสงได้ โดยค่ามาตรฐานอยู่ที่ f/2.0  ปรับกว้างสุดได้ f/1.0  ฉากหลังก็ยิ่งเบลอมากขึ้น

เราสามารถ Refocus ภาพที่ถ่ายไปแล้วได้ในภายหลัง จะให้หน้าชัดหลังเบลอ หรือหน้าเบลอหลังชัด หรือจะให้ชัดตรงจุดใดของภาพก็ได้  เลือกระดับความเบลอได้อีกด้วย  เพราะกล้องได้บันทึกภาพทุกระยะชัดไว้แล้ว

Gallery ภาพถ่าย  ให้สังเกตว่าหากถ่ายภาพในโหมด Bokeh ที่ใช้ความสามารถของกล้องหลังคู่  จะมีสัญลักษณ์รูรับแสงที่ภาพถ่ายนั้น  เราสามารถปรับ Refocus ภายหลังได้

 

บทสรุป

ZTE Axon เป็นสมาร์ทโฟนที่จัดเต็มทั้งสเปคในทุกด้าน วัสดุที่ดีเยี่ยม แบตเตอรี่อึด ประสิทธิภาพโดยรวมถือว่าสูงมาก และถ่ายภาพได้สนุกกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป  ในระดับราคา 17,900 บาท ถือว่าคุ้มสำหรับทางเลือกใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร และถ่ายรูปได้สวยกว่า จนเพื่อน ๆ ต้องอิจฉาแน่นอน

สิ่งที่ประทับใจ

• หน้าจอแบบ IPS ที่คมชัดสีสวยอย่างมาก เนียนตาและสบายตากว่าจอ AMOLED  ให้สีสันและเฉดสีที่สมจริงเป็นธรรมชาติ เที่ยงตรง เหมาะกับการถ่ายภาพจริง ๆ
• วัสดุดีเยี่ยม งานประกอบประณีต รู้สึกดีเมื่อสัมผัส จับถนัดมือ ไม่ลื่นหลุดมือ
• ในขณะใช้งาน ตัวเครื่องมีความร้อนน้อยมาก ถ่ายภาพได้นานโดยไม่รู้สึกร้อน
• แบตเตอรี่อึดเพียงพอสำหรับการใช้งานหนัก ไม่ต้องชาร์จระหว่างวัน
• ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้สวยมาก รวมทั้งถ่าย Selfie ได้สวยเป็นธรรมชาติ
• กระจกหน้าจอ ไม่ค่อยสกปรกหรือเกิดคราบมันจากนิ้วมือ เพราะป้องกันแบคทีเรีย ทำความสะอาดง่าย ดูใหม่อยู่เสมอ และทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดี
• ชาร์จไฟได้ค่อนเร็วทันใจ และไม่เกิดความร้อนในขณะชาร์จ
• ระบบ Security ดีกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ระบบสแกนนิ้ว มีความแม่นยำ

ข้อสังเกต

• เป็นแบรนด์ใหม่ ที่มีคุณภาพดีมาก แต่คนไทยยังไม่คุ้น ต้องประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น และชี้แจงเรื่องบริการหลังการขายให้คนไทยรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นกว่านี้
• ไฟล์ภาพถ่ายในโหมด Bokeh จากกล้องหลังคู่ มีขนาดไฟล์ใหญ่มาก เฉลี่ย 13-14 MB
• หาซื้ออุปกรณ์เสริมได้ยากมากในประเทศไทย

ตัวเลือกอื่นที่มีราคาหรือคุณลักษณะใกล้เคียงกัน

• Samsung Galaxy S6
• OPPO R7 Plus
• Huawei P8 Premium
• Huawei P8 Max
• iPhone 6
• Huawei G7 Plus
• LG G4