รีวิว ส่งซ่อมมือถือ LG ที่ศูนย์พระราม 9 ประทับใจสุดๆ!
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ การบริการนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าได้ วันนี้เรามีกระทู้บทความรีวิวประสบการณ์และความประทับใจของ คุณ Vet-vet-veT จาก Pantip.com ที่ได้มาแชร์ความรู้สึกในการส่งเครื่องที่ชำรุดไปซ่อมที่ ศูนย์ LG พระราม 9 เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปชมกันเลยค่ะ
ปกติผมไม่ค่อยได้รีวิวอะไรเท่าไหร่ แต่พอดีได้ไปใช้บริการซ่อมโทรศัพท์ มือถือ ที่ศูนย์ LG พระราม 9 เลยมีโอกาสได้มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ผมใช้ LG Optimus G ซึ่งก็ซื้อต่อมือสองมา ตั้งแต่ปี 2013 การใช้งานทั่วไป ไม่เคยมีปัญหาอะไร ทั้งด้าน Software และ Hardware เรียกว่าประทับใจคุณภาพโทรศัพท์ยี่ห้อนี้พอควรเลย (ก่อนหน้านี้ใช้ Sony)
จนมาปี 2015 เริ่มเจอปัญหาปุ่ม เปิดปิด และ ปรับเสียงเริ่มไม่ตอบสนอง ตอนแรกคิดว่าเป็นที่ Software แต่ค้นดูปัญหานี้ ส่วนมากที่เจอเป็นที่ Hardware โดยตรง ซึ่งก็เจอคนเป็นกันเยอะ ยิ่ง LG Nexus 4 ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับรุ่นนี้ ยิ่งเจอกันบ่อยมาก ในใจก็คิดว่าคงใช้เครื่องนี้ไปอีกสักพัก เพราะมันก็ยังใช้ได้ ก็เลยลองเอาเข้าศูนย์ซ่อมดู
ศูนย์ LG เห็นมีหลายสาขา แต่ไม่ใช่ทุกสาขาเอาโทรศัพท์เข้าซ่อมได้หมด อาจเพราะบางที่ไม่มีช่างด้วยผมไปใช้บริการที่ศูนย์ พระราม9 การเดินทางไม่ยากครับ ให้ง่ายก็ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วลงสถานีพระราม 9 จะโผล่มาหน้าเซ็นทรัลพระราม 9 พอดี ก็หามอไซด์รับจ้างข้างๆ พาไปส่งส่วนใหญ่จะรู้จักที่ตั้งศูนย์ครับ ค่ารถจำได้ว่า 30 บาทได้ ตัวศูนย์เป็นตึกแถวอยู่ในเวิ้งริมถนน สภาพก็ตามกาลเวลาครับ
ตอนเข้าไปไม่เจอช่าง เพราะพอดีช่างพักเที่ยง ยังไงเลี่ยงอย่าไปตอนเที่ยงครับ รอหลังบ่ายโมงสักพักช่างก็มา พอดีไม่มีคิวก่อนหน้า ผมก็คิวแรกเลย เอาเครื่องให้ช่างดู แกก็หา IMEI อ้างอิง พอป้อนเข้าไป แกว่าเลขผมแปลกๆ หาไม่เจอ ขอเปิดฝาหลังดูหน่อย (ในใจเราก็ไม่อยากให้เปิด เพราะมันแงะยาก กะให้แงะทีเดียวตอนเปลี่ยน) แต่ก็ต้องยอมให้แงะกันไป ช่างก็รับปากว่าไม่มีรอยแน่นอน จัดไปเชื่อใจช่างมาก
ตอนช่างแงะนี่ลุ้นมากครับ เพราะดูคลิปใน Youtube เห็นมันงัดกันยากมาก ช่างก็พยายามงัดมากครับ พยายามจนน่ากลัว จนผมนี่กลัวมันจะหักคามือ เพราะท่างัดแกน่ากลัวมาก สุดท้ายก็ออกครับ
พอค้นเลขเครื่องเสร็จ แกก็ประเมินว่า จะลองทำความสะอาดก่อนมั้ย บางทีเป็นแค่คราบเหนียว คราบ Oxide อาจไม่ต้องถึงขั้นเปลี่ยน ผมก็เลยถามว่า ถ้าล้างแล้วมันหายชัวร์มั้ย แกก็ไม่รับปากร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เลยเปลี่ยนดีกว่า เลยให้ประเมิณราคามา ตอนแรกกะเปลี่ยนแค่ปุ่มกด ทั้งสองจุด แต่เห็นราคาไม่แรง ก็เลยขอเปลี่ยนแบตเตอรี่ไปด้วยเลย ไหนๆ ก็แงะละ แล้วก็กะใช้ยาวด้วย (ราคาก็ตามที่แนบครับ)
ช่างบอกขอเบิกอะไหล่ ถ้ามาจะโทรแจ้ง ไม่น่าเกิน 1 สัปดาห์ พอรับเครื่องแล้วกลับ พอมานั่งดูดีๆ เห็นพลาสติกฝาหลัง ตรงรอบๆช่อง USB มัน เบี้ยวๆ บิดๆ ไปหน่อย ก็นะไม่รู้จะพูดอะไร ก็ทำใจไปครับ คิดว่าตรงนี้กรอบมันบางด้วย แกก็งัด อาจไม่ทันระวัง
หลังจากนั้นก็รอๆๆ สัก 3-4 วันก็มีโทรศัพท์มาแจ้งว่าอะไหล่มาแล้ว มาเปลี่ยนได้ คราวนี้ไปถึงก็เจอช่างคนเดิม ผมก็เกริ่นๆ ไปว่า คราวนี้ช่วยระวังหน่อยนะครับ พอดีรอบที่แล้ว พลาสติก มันบิดๆไปหน่อยนึง รอบนี้ดูแกงัดด้วยความชำนาญมากขึ้น สงสัยจะรู้ทางละ
เปลี่ยนปุ่มกดนี่ ตอนรื้อแทบจะแยกชิ้นส่วนออกมาเป็นชิ้นๆ เลยครับ แงะลงไปลึกมาก เชื่อแล้วว่าเปลี่ยนยากจริง ต้องบอกว่าช่าง แยกส่วนด้วยความชำนาญครับ ดูไม่รุนแรง รู้ทิศทางดี รอบนี้ไม่ลุ้นมากครับ แต่ก็ทึ่งช่างตอนเปลี่ยนสวิสเล็กๆ ว่าทำได้ไง เปลี่ยนแบตเตอรี่นี่ง่ายสุดละครับ ขันน๊อตไม่กี่ตัว
สรุป ก็ผ่านไปด้วยดี รอบนี้ไม่มีรอยเพิ่ม พร้อมกับปุ่มเปิดปิด และปรับเสียงที่กลับมาใช้งานได้ตามปกติ แบตเตอรี่เปลี่ยนมาใหม่ยังไม่เห็นความต่าง สงสัยก้อนเก่ายังไม่เสื่อม
อันนี้เป็นอะไหล่ที่เปลี่ยน ก็ให้กลับมาด้วย ก็เรียกว่าใครจะไปลองใช้บริการก็น่าจะโอเคครับ การบริการจัดว่าโอเคเลย ช่างก็ดูเป็นช่าง ไม่ใช่ช่างยิ้ม ช่างมัน ซึ่งในชีวิตเจอมาเยอะแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ คุณ Vet-vet-veT จาก www.pantip.com
Leave a Reply