แนะนำการใช้ Pro Mode ใน Samsung Galaxy Note 5

แนะนำการใช้ Pro Mode ใน Samsung Galaxy Note 5

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ สำหรับใครที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเลือกซื้อ Samsung Galaxy Note 5 ดีไหม? หรือจะรอ Samsung Galaxy S6 Edge Plus ที่กำลังจะวางจำหน่ายดีนะ? และแน่นอนว่าสิ่งที่เพื่อนๆ อยากจะทราบใน Samsung Galaxy Note 5 คงจะหนีไม่พ้นฟังก์ชั่น หรือฟีเจอร์ต่างๆ

วันนี้เราเลยขอมาแนะนำกระทู้บทความน่าสนใจของ คุณ สมาชิกหมายเลข 1173717 จาก Pantip.com ที่ได้มาแนะนำการใช้งานฟังก์ชั่นที่เพิ่มมาภายใน Pro Mode ของ Samsung Galaxy Note 5 เราไปชมบทความนี้กันเลยค่ะ

**บทความนี้ได้รับการสนับสนุนเครื่อง Samsung Galaxy Note5 จากทาง Samsung เพื่อเอามาใช้ในการทดสอบครับ**

วันนี้ผมจะมาแนะนำการใช้ Pro Mode ใน Samsung Galaxy Note 5 กันครับ ซึ่งมีบางส่วนที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าใน Samsung Galaxy S6

จะเห็นว่าหน้าตาใกล้เคียงกับ Mode ใน Samsung Galaxy S6 มาก แต่มีจุดที่เพิ่มมา 3 จุด คือ

– เพิ่มฟังก์ชั่นบางอย่างใน Pro Mode
– เพิ่ม Video collage
– เพิ่ม Live broadcast

แต่กระทู้นี้ ผมขออธิบายสิ่งที่เพิ่มเติมมาใน Pro Mode ของ Samsung Galaxy Note 5 อย่างเดียวก่อนละกันครับ


จุดที่ได้รับการปรับปรุงจุดแรก คือ Pro mode ใน Samsung Galaxy Note 5 สามารถควบคุม Shutter Speed ได้แล้ว


และ Pro mode ใน Samsung Galaxy Note 5 ยกเลิกการปรับความสว่างแบบ Auto แล้ว Exposure ใน Samsung Galaxy Note 5 จึงทำหน้าที่แค่เป็นตัวบอกความสว่างให้กับเรา เหมือนแถบวัดแสงในกล้อง DSLR

ข้อดีของการที่เราควบคุม Shutter Speed ได้เองคือ เราสามารถถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหวโดยไม่เบลอได้ง่ายขึ้น ส่วนความสว่างต้องควบคุมที่ iso เอา (Samsung Galaxy Note 5 ยังควบคุมรูรับแสงไม่ได้)


ส่วนการปรับ White balance ใน Samsung Galaxy Note 5 ก็ทำได้ละเอียดและดูดีขึ้น


สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นช่างภาพอาจจะงง ว่าการปรับ White Balance ได้มีข้อดียังไง นอกจากการเอาไว้ปรับให้สีตรง (ไม่อมเหลือง อมฟ้าเกินไป) การใช้ White Balance ต่างกัน ยังให้อารมณ์ภาพต่างกันอีกด้วยครับ


จะเห็นว่า ที่เดียวกัน มุมเดียวกัน แค่เปลี่ยนสี อารมณ์ก็เปลี่ยนไปครับ

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ Pro Mode ใน Samsung Galaxy Note 5 สามารถถ่ายภาพเป็น RAW (.dng ขนาดประมาณ 32 MB ) ได้

ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง (ในคอม) มากขึ้น แต่เท่าที่ลองใช้ ไฟล์ยังไม่เหมาะกับการถ่ายในที่แสงน้อยดัน iso สูงๆ เพราะ noise เยอะมาก จนใช้ jpg ดีกว่ามาก ส่วนใครไม่ได้เอาไปแต่งต่อในคอม ใช้ JPG เหมือนเดิมเถอะ ง่ายกว่า

โดยก่อนใช้ต้องเข้าไปตั้งค่า Setting ใน Pro Mode ก่อน และกล้องจะเซฟไฟล์ไว้ทั้ง raw + JPG


ภาพด้านซ้ายคือ JPG ด้านขวาคือ Raw ถ่ายที่ speed 1/125s iso800 ถ่ายตอนกลางคืน ในสภาพแสงน้อย มีเพียงไฟสีส้มจากเพดาน จะเห็นว่า raw ที่ iso 800 เกิด noise เยอะมาก แก้ใน LR PS ยังไง ก็สู้ JPG จากกล้องไม่ได้ (เพราะฉะนั้นตอนแสงน้อยใช้ JPG น่าจะดีกว่าครับ) แต่ถ้าตอนกลางวัน ใครอยากเอามาแต่งต่อในคอม ก็อัด RAW ได้เลย


iso ต่ำสุดที่ Samsung Galaxy Note 5 ทำได้คือ 50 และสูงสุดที่ 800


Manual Focus ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรต่างจากใน Samsung Galaxy S6 เหมาะกับเอาไว้ถ่ายอาหาร หรือของที่อยู่นิ่งๆ
หรือถ่ายเม็ดฝนบนหน้าต่าง ถ่ายโบเก้ อะไรแบบนั้นครับ


การซูม สามารถซูมได้สูงสุดที่ 8X (Digital Zoom) แต่คุณภาพก็จะลดลงตามลำดับ


เรื่องสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงคือ Live HDR คือการแสดงภาพ HDR ให้เราเห็นเลยก่อนกดถ่าย เพื่อตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้
อันนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนจากใน Samsung Galaxy S6 ครับ เหมาะกับการถ่ายย้อนแสง หรือในสภาพที่ความต่างแสงสูงๆ

สรุปแล้ว Samsung Galaxy Note 5 นอกจากเรื่องขีดๆ เขียนๆ ที่โปรโมทกันแล้ว ผมว่ากล้องและฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้อง
กลับทำได้ดีกว่าใน Samsung Galaxy S6 เสียอีก แต่น่าแปลกใจที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง

ปิดท้ายกันไปด้วย ภาพบางส่วนจาก Pro Mode ของ Samsung Galaxy Note 5 ครับ


ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ คุณ สมาชิกหมายเลข 1173717 จาก www.pantip.com