รีวิว Apple Watch กับ 8 ข้อที่ผมอยากบอกคุณ

รีวิว Apple Watch กับ 8 ข้อที่ผมอยากบอกคุณ

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีรีวิว Apple Watch  มาฝากเพื่อนๆกัน เผื่อเพื่อนๆคนไหนสนใจที่จะซื้อมาลองใช้กันบ้าง บทความที่นำมาฝากนี้เป็นของ คุณ Tong tongie จาก Pantip.com ไปดูกันค่ะว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

8 ข้อยุทธ์อยากบอก ถ้าคุณสนใจ AppleWatch

หลังจากผมได้ใช้สมาร์ทวอทช์จากแอปเปิ้ลมาครบ 10 วัน ก็จะมาขอรีวิวเป็นข้อๆ ตามความรู้สึกส่วนตัว สำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของนวัตกรรมใหม่จากค่ายผลไม้แห่งแห่งนี้

1. งามหรูเรียบ วัสดุงานประกอบเค้าดีตามสไตล์ สำหรับนาฬิกาเกินหมื่นบาททำออกมาแลดูสวยงาม ไม่ว่าจะรุ่นต่ำสุดอย่าง Sport ไปจนถึงรุ่นมาตรฐานที่มีราคาแพงกว่า แต่ถ้าอยากได้สายสวยๆแนะนำรอของยี่ห้ออื่นดีกว่า เพราะของแอปเปิ้ลแพงมากๆ

2. รับให้ได้นะต้องชาร์จแบตมันทุกวัน ถ้ามองในมุมนาฬิกาควรหยิบจับใส่ข้อมือง่ายๆ การมานั่งชาร์จทุกวันคงปวดหัว แม้แบตเตอรี่จากการใช้งานจริงยังไงก็ครบวัน พอกลับถึงที่พักคุณก็ต้องชาร์จอยู่ดี แต่วิธีชาร์จเค้าง่ายนะ วางบนแท่นมีแม่เหล็กดูดก็เหมือนวางไว้เฉยๆนั้นแหละ แต่สำหรับคนที่เดินทางบ่อยอาจเบื่อที่จะต้องพกพาอุปกรณ์สายชาร์จไปอีกหนึ่งชุด

3. ไม่วิ่ง ไม่ปั่น ไม่สนใจข้อมูลสุขภาพ ความสามารถที่ดีงามหายไปกว่าครึ่ง เพราะส่วนหนึ่งที่แอปเปิลโปรโมทนาฬิกา คือฟังก์ชั่นด้านสุขภาพนี่แหละครับ ไม่ว่าจะวัดการเต้นของหัวใจผ่านเซนเซอร์ด้านหลังของเรือน รวมทั้งการจับการเคลื่อนไหวต่างๆมากมายที่จะบันทึกให้คนใช้งานดู

4. แอพมาตรฐานที่ให้มาเลิศ แอพโหลดเพิ่มโคตรแย่ ถ้าใครซื้อมาจะมีแอพลงให้อยู่สิบกว่าแอพ ซึ่งมีทั้งความสามารถด้านออกกำลังกาย ดูรูปภาพ รีโมทเล่นเพลง รีโมทกล้อง เช็คเมล์ เช็คข้อความ ดูสภาพอากาศ ปฏิทิน Siri และโทรศัพท์ คือดีมากใช้งานรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นแอพอื่น เช่น Line Nike+ Endo อะไรพวกนี้ทำหน้าที่ได้เพียง “หน้าจอที่สอง” ของแอพในมือถือเท่านั้นเอง ต้องพัฒนาอีกเยอะ เพราะฮาร์ดแวร์บางอย่างแอปเปิ้ลยังไม่อนุญาตให้แอพอื่นเข้าถึง อย่างเวลาวิ่งกับ Nike+ ก็ไม่สามารถดูอัตราการเต้นของหัวใจได้ หรือแอพ Line สามารถดูแชทได้เฉพาะที่เรายังไม่ได้อ่าน เป็นต้น

5. คนขับรถต้องชอบ คุยโทรศัพท์ผ่านนาฬิกาได้ แม้ยี่ห้ออื่นอย่างซัมซุง หรือโมโตจะทำได้นานแล้ว แต่ผมเพิ่งเคยมาใช้จริง กดรับได้ที่หน้าจอ ขับไปคุยไปโดยมือยังจับพวงมาลัยคุยชัดเจน แม้เสียงลำโพงน่าจะดังกว่านี้อีกหน่อย แต่ฟังตรงข้ามเราได้ยินชัดเลยในพื้นที่ปิดแบบรถยนต์ และถ้าจะปิดเสียงเรียกเข้าก็เอามือกุมหน้าจอค้างไว้เสียงก็หยุด หรือจะตอบข้อความด่วนไปก็ได้ครับ ผ่านตัวเรือนเลย

6. หน้าจอสีสันสวยงาม มีแบบหน้าปัดให้เลือกไม่เบื่อ พร้อมปรับแต่งตามใจได้เยอะเลย จะเลือกโชว์ข้อมุลอะไร และในอนาคตน่าจะมีแบบเยอะกว่านี้แน่นอน ที่สำคัญจะแจ้งเตือน แจ้งปลุกมีสั่นที่ข้อมือไม่พลาดชัวร์ แถมบันทึกปฏิทิน หรือแจ้งเตือน ด้วย Siri จากนาฬิกาได้เลย

7. แอพมหาศาล และ WachOS 2 อนาคตที่น่าตื่นเต้น โลโก้แอปเปิ้ลซะอย่าง ทุกบริษัทจึงพร้อมพุ่งเข้ามาทำแอพให้ เพราะมีโอกาสทำเงินสูงกว่าสมาร์ทวอทช์ยี่ห้ออื่น การมาของ OS2 จะเพิ่มการเข้าถึงฟังก์ชั่นใหม่ๆ และแอพอื่นๆจะสามารถใช้ฮาร์ดแวร์ได้ครบทุกอย่างของนาฬิกาเรือนนี้ ที่สำคัญจะได้เป็นเนทีฟแอพ แอพที่ทำงานได้ด้วยตัวเองสักที

8. ซื้อดีมั้ย? คุ้มมั้ย คำถามที่ต้อง ถามตัวเอง

– ถ้าคุณรักสุขภาพ + ชอบออกกำลังกาย + สาวกแอปเปิล + Geek เทคโนโลยี คุณน่าจะชอบมันมาก และยิ่งไม่มีปัญหาเรื่องเงิน ซื้อเถอะครับ
– ถ้าชอบความหรูหรา กับเงินหลักหมื่นต้นๆ คุณจะมีคู่แข่งมากมายมหาศาล แต่ความเป็นแอปเปิล บวกกับแฟชั่นหลากหลาย ของสายและเคสที่จะตามมาอีกเพียบ บางทีมันก็อาจเป็นที่ชื่นชอบของคนรักแฟชั่นชอบอัพเดตเทรนด์ใหม่ๆ
– ถ้ากะซื้อมาใช้เสมือนสมาร์ทโฟนที่ข้อมือ คุณคงต้องผิดหวัง เพราะมันยังคงทำหน้าที่ “หน้าจอที่สอง” มากกว่า ณ ตอนนี้ และราคานี้ลองมอง Pebble Time ก็เป็นอะไรที่หน้าสนใจดี แบตทนกว่าแถมใช้ได้กับ Android ด้วย
– ถ้ากะมาใช้ออกกำลังกายอย่างเดียว คุณก็ต้องผิดหวังอีกนั้นแหละ เพราะแอพ Workout ของตัวเรือนมันยังไปไม่สุด ไม่สามารถเอาข้อมูลไปแชร์ได้กับแอพออกกำลังกายอื่นๆ และแอพอื่นๆก็ยังต้องพึ่งพาการซิงค์กับไอโฟน แถมแอปเปิ้ลวอทช์ใส่ว่ายน้ำไม่ได้นะครับ ยิ่งถ้าออกกำลังกายแบบโหดๆ เช่น วิ่งมาราธอน หรือปั่นจักรยาน 100 กิโลขึ้นไปแบตอาจหมดระหว่างทาง

ฉะนั้นลองสำรวจพฤติกรรมและเงินในกระเป๋าของตัวคุณเองว่าคุณเหมาะกับนวัตกรรมใหม่จากบริษัทที่รวยที่สุดของโลกแห่งนี้หรือไม่ ส่วนตัวผมเองคิดว่าเรายังพอไปด้วยกันได้ และจะรอ WatchOS2 ด้วยความตื่นเต้นต่อไป แต่ใครไม่ใจร้อนอาจรอ Gen 2 ที่ปรับปรุงอะไรมาให้ดีมากขึ้นทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ก็ได้นะครับ แต่นั้นแหละ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ 555 เพราะคอนเซปต์ผม ซื้อก่อน ใช้ก่อน ชอบเป็นหนูทดลอง

ปล. แถมเรื่องใส่วิ่งครับ ยังต้องถือ iPhone วิ่งไปกับนาฬิกาด้วยนะครับ แอพ Nike+ Endo Strava ยังไม่สามารถใช้งานเพียงลำพัง แถมยังไม่สามารถเข้าถึงอัตราการเต้นของหัวใจในฮาร์ดแวร์ตัวเรือนได้ ทำหน้าที่เป็นหน้าจอที่สองไว้เเสดงผลเฉยๆ ซึ่งน่าจะปรับปรุงให้ทำได้ใน Watch OS2 ส่วนเรื่องการวิ่งตัวเปล่าสามารถทำได้กับแอพ Workout ในตัวเรือนครับ ต้องเลือก Indoor Run/Walk ข้อมูลระยะทางจะเก็บด้วยตัวจับความเคลื่อนไหวในตัวเรือน ซึ่งวิ่งบนลู่วิ่งในฟิตเนส หรือตามสวน ใส่แค่นาฬิกาก็สามารถจับระยะได้ครับ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ คุณ Tong tongie จาก www.pantip.com