Galaxy S6 edge / iPhone 6 / HTC One m9+ / LG G4 ทดสอบละเอียดยิบ ใครเร็ว ใครแรง รู้กัน!
สวัสดีเพื่อนๆทุกท่าน วันนี้เราขอมานำเสนอการทดสอบ Samsung Galaxy S6 edge , iPhone 6 , HTC One m9+ , LG G4 ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ความรวดเร็วในการเล่นแอพพลิเคชั่นต่างๆ ความไวของเครื่อง การชาร์จแบตเตอรี่ หรือจะเป็นในส่วนของระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ เครื่องไหนหมดช้า เครื่องไหนหมดเร็ว เราไปดูบทความของ คุณ ดร มานะ แต่บางทีก็ไม่มานะ จาก Pantip.com กันเลยค่ะ
ผ่านพ้นไปแล้วกับ 6 เดือนแรกของปี 2015 เราได้เห็น Smartphone ทั้งแบรนด์จีน เกาหลี ไต้หวัน อเมริกา ออกมาหลายรุ่น ในรุ่นระดับ Hi-End หลักๆ ผมพยายามทำรีวิวให้ครบทุกตัว โดย 4 ตัวหลักที่เป็นที่ถกเถียงกันในตอนนี้ก็อยู่ในมือผมแล้ว (ด้วยความอนุเคราะห์ของกวางน้อย)
พูดตรงๆ ช่วงนี้เริ่มเบื่อการรีวิวแบบปกติละครับ ทำมาได้ 4 กระทู้ ให้เขียนยาวๆ บ่อยๆ ก็เริ่มเบื่อ เอาไว้ได้เครื่องเด็ดๆ จะมารีวิวกันอีกทีนะครับ พอดีได้เข้าไปดูวีดีโอที่ฝรั่งทำพวกรีวิวโหดๆ ก็อยากทำบ้าง พวกทดสอบเครื่องตก ขูดเครื่อง เอารถทับ ฯลฯ แต่ยังใจไม่กล้าพอ ครั้งแรกนี้ขอเริ่มที่เบาๆ ก่อนละกันนะครับ เอาเป็นทดสอบความไวเครื่องแบบโคตรละเอียดละกัน
ครั้งนี้ผมก็จะใช้เครื่องที่มีมาทดสอบทั้ง 4 รุ่น คือ Galaxy s6 edge / iPhone 6 / HTC One m9+ และ LG G4 ที่ยังคงสลับกันใช้กับคุณภรรยา ฮ่าๆๆ กติกาคือ
1. ให้แต่ละเครื่องทำอะไรเหมือนๆ กัน โดยเปิด app ที่เราใช้บ่อยๆ ทั้งหมด 17 แอพ มีทั้งแอพที่ใช้ Location Service, Social, Feed, Browser, เกม 3D บางแอพได้รับรองมาจากหลายสำนักว่ากินทรัพยากรดีนักแล ฮ่าๆๆ
2. ถ่ายทีละเครื่อง โดยจะเป็น Long take เริ่มจากแอพที่ 1-17 ยาวต่อเนื่องโดยไม่มีการพัก
3. จับเวลาหาผู้ชนะ
*หมายเหตุ อาจมีความคลาดเคลื่อนจากการกดของผมบ้างนะครับ แต่ขออนุโลมว่ามีผลไม่มากนะครับ (อย่าซีเรียส สนุกๆ นะ)
เอาละ เคลียร์แอพ เคลียร์แคชแล้ว ไปดูวีดีโอกันเลยดีกว่า
สรุปผลการรีวิว
และเราก็ได้ผู้ชนะการทดสอบแล้วครับ ผู้ชนะได้แก่ LG G4 ผู้นี้นี่เอง!!!
รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ S6 edge ตามมาด้วย HTC One m9+ และ iPhone 6
สำหรับแอนดรอยด์ทั้ง 3 เครื่องก็น่าจะแฟร์มากสำหรับการแข่งขันแบบนี้ เพราะแอพเองก็เหมือนกันทุกอย่าง การทำงานเบื้องหลังของแอนดรอยด์เองก็เหมือนกัน เรียกว่าแข่งกันที่ Performance จริงๆ แม้ว่า LG G4 จะชนะเลิศ แต่ S6 edge ก็ช้ากว่ากันนิดดดดเดียวเท่านั้น ที่ค่อนข้างน่าผิดหวังคือ HTC One m9+ ที่ค่อนข้างด้อยใน Performance ไม่สมกับเป็นเรือธงสุดหล่อ (เสียดายตำนาน m8 ที่เคยทำไว้)
สำหรับไอโฟนที่เป็น iOS นั้น จะบอกว่าแข่งกันด้วยคนละระบบปฏิบัติการก็ได้ เพราะ iOS จะรันแอพแตกต่างกับแอนดรอยด์ คือจะไม่ได้รันเบื้องหลังพร้อมๆกันได้ตลอดเวลา แต่จะแช่แข็งแอพที่เพิ่งปิดเอาไว้ ไม่ได้รันตลอด และยังมีโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกับแอนดรอยด์มาก แต่ถ้าวัดด้วย “เวลา” อย่างเดียว เหมือนในการใช้งานจริง เราก็พอจะยอมรับผลการทดสอบได้ (สาวกร้องไห้)
และนั่นคือผลการทดสอบความเร็วของทั้ง 4 รุ่นใน Ultimate Review ครั้งแรกของผม ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณครับ
ปล. ขอบคุณน้องแซลม่อน รุ่นน้องคณะที่มาช่วยถ่ายและตัดต่อวีดีโอครั้งนี้นะครับ
ไหนๆ จะทำริวิวละเอียดๆ ทั้งที ขอแถมการรีวิวเรื่องที่หลายๆ แบรนด์ขายของกันใหญ่ คือเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ที่เคลมกันว่าชาร์จเร็วกันนักหนาว่าจะเร็วขนาดไหน อยากเล่นมานานละ มาลองกันเลยครับ
ข้อกำหนด ทั้ง 4 เครื่องต้อง
1. มี Battery Cycle ที่ยังอยู่ในข่าย 100% Performance
2. ใช้ที่ชาร์จของทั้ง 4 แบรนด์ ต่อเข้าวงจรเปิดปิดสวิตช์พร้อมกันได้
3. ชาร์จโดยใช้เวลา 40 นาที แล้วหยุดเพื่อวัดเปอร์เซนต์แบต
4. คำนวณอัตราการชาร์จเป็นมิลลิแอมป์ต่อนาที เพราะแต่ละเครื่องมีแบตเตอรี่ไม่เท่ากัน
ไปดูวีดีโอกันก่อนดีกว่า
อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่า เพื่อความยุติธรรม เราจะตัดปัจจัยเรื่องแบตเล็กแบตใหญ่ออกไป โดยคำนวนอัตราการชาร์จ Battery ต่อ 1 mAh เพื่อความยุติธรรมในการวัดค่า เพราะแต่ละเครื่องมีความจุแบตเตอรี่ไม่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น LG G4 แบตเตอรี่ 3000 mAh ใช้เวลาในการชาร์จจาก 0% จนเต็ม 100% ทั้งหมด 61:05 นาที เมื่อหารค่าเฉลี่ยต่อ mAh ออกมาจะได้เวลาชาร์จต่อ mAh เป็นจำนวน 1.22 วินาที
สรุปผลออกมาหลังจากการชาร์จ 40 นาที ได้ผลดังนี้ครับ
1. Galaxy S6 edge ได้แบตทั้งหมด 60% จากความจุ 2600 mAh คิดเป็น 1560 mAh หรือ 39 mAh ต่อนาที
2. iPhone 6 ได้ทั้งหมด 32% จากความจุ 1810 mAh คิดเป็น 579.2 mAh หรือ 14.48 mAh ต่อนาที
3. LG G4 ได้ทั้งหมด 34% จากความจุ 3000 mAh คิดเป็น 1020 mAh หรือ 25.5 mAh ต่อนาที
4. HTC One M9+ ได้ทั้งหมด 39% จากความจุ 2840 mAh 1107.6 mAh หรือ 27.69 ต่อนาที
สรุปว่า S6 edge ชาร์จได้เร็วที่สุด รองลงมาคือ HTC One M9+, LG G4 และ iPhone 6 ที่มาในอันดับสุดท้ายครับ
จะเห็นว่า ความแตกต่างที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากอแดปเตอร์ของ S6 edge ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้ามากกว่า โดยปกติแล้ว Charger ของสมาร์ทโฟนทั่วไปให้กำลัง 5 วัตต์ แต่ Fast Charger ของ S6 edge ให้กำลังไฟที่ 10 วัตต์ (เทียบเท่ากับ Charger ของ iPad) ซึ่งตัวสมาร์ทโฟนต้องรองรับการชาร์จแบบนี้ ไม่อย่างนั้น หากเอา Charger 10 วัตต์ ไปชาร์จเครื่องอื่นอาจไม่ได้รับการชาร์จอย่างเต็มประสิทธิภาพและเป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่ครับ
**หมายเหตุ เพื่อความเข้าใจง่าย การรีวิวนี้จะทดสอบตั้งแต่การชาร์จที่แบต 0% จนแบตเต็ม 100% เท่านั้น จะนับรวมช่วง Pre-charge และ Post-charge ที่จะมีอัตราการชาร์จช้ากว่าช่วงปกติเข้าไปด้วยเลยครับ ถ้าให้อธิบายเรื่อง Pre-Charge / Post-Charge อาจลองเทียบกับการนอนหลับของคน จะมีช่วงหลับตื่นสองช่วง คือ เพิ่งหลับ และก่อนตื่นนอน เทียบเท่ากับช่วง Pre-Charge และ Post-Charge แต่ระหว่างการหลับลึกที่คนเราจะได้พักผ่อนและซ่อมแซมร่างกายเต็มที่นั้น เปรียบเทียบได้กับการ Charge โทรศัพท์ซึ่งจะมีการปล่อยกระแสเต็มที่ และช่วงนี้คือช่วงที่ชาร์จได้เร็ว โดยมากอยู่ระหว่างการชาร์จที่ 15%-90% รีวิวนี้จะนับรวมการชาร์จทั้งหมดทุกช่วง และหาค่าเฉลี่ยเพื่อความเข้าใจง่ายและเทียบเสมือนการใช้งานจริงที่สุดครับ
แถม 2!!! คือตอนทำเฉพาะชาร์จไปแล้วเกิดสงสัยว่าถ้าเราปล่อยให้รันแบตจนหมด เครื่องไหนจะชนะ เลยลองดูเล่นๆ ปรากฎว่าผลที่ได้ทำให้ผมถึงกับอึ้ง!!! ก็เวอร์ไป… เอาเป็นว่า เพื่อไม่ให้เสียของ เลยถ่ายวีดีโอมาด้วย ลองดูกันนะครับว่าเครื่องไหนแบตหมดช้า หมดเร็ว ต่างกันยังไงบ้าง
ผมทดสอบโดยกดให้แบตเหลือ 20% ทุกเครื่อง แล้วรัน asphalt 8 ยาวๆ ไปจนแบตหมด ทีนี้ ตัว s6 edge กับ G4 มันจะปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติตอนแบตจะหมดด้วย เลยถ่ายมาทั้งแบบที่เครื่องอื่นๆ ปรับความสว่างลดลงตาม กับแบบที่ไม่ได้ปรับลดตาม ลองดูผลกันนะครับ
สรุปว่า แบตของ s6 edge ที่ความจุเกือบจะน้อยที่สุด ใช้งานได้นานที่สุด เหตุผลคงเป็นเพราะจอแบบ OLED ที่ใช้พลังงานน้อยกว่า จอเล็กกว่า และการปรับลดความสว่างอัตโนมัติ ที่ทำให้แบตหมดช้ากว่าชาวบ้านนั่นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ คุณ ดร มานะ แต่บางทีก็ไม่มานะ จาก www.pantip.com
Leave a Reply