เปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นกระเป๋าสตางค์ด้วยสุดยอดเทคโนโลยี NFC เทรนด์ล่าสุด “แค่แตะ”
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนได้กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ที่เรียกว่าขาดกันไม่ได้ งานวิจัยพบว่าพวกเขาจะรู้สึกกระวนกระวายเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต ถ้าไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟน นอกเหนือจากที่คนรุ่นใหม่จะใช้สมาร์ทโฟนเพื่ออัพเดตและติดตามข่าวสารตามโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ต่างๆ ใช้งานโทรศัพท์ บันทึกภาพ อีกสิ่งหนึ่งที่จะเป็นเทรนด์ใหม่และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือการใช้บริการโมบายล์เพย์เมนท์ (Mobile Payment) หรือการนำสมาร์ทโฟนมาใช้แทนกระเป๋าสตางค์ เพราะผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีความรู้ และความเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีเห็นว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้นกว่าที่เคย
สำหรับเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นกระเป๋าสตางค์ได้ก็คือเทคโนโลยี NFC หรือ Near Field Communication ที่อยู่บนสมาร์ทโฟนซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการรับส่งข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ด้วยหลักการรับคำสั่งผ่านตัวนำไฟฟ้าผ่านอากาศด้วยคลื่นวิทยุ หรือที่เรียกว่า RFID (Radio-Frequency IDentification) ที่จะกระตุ้นการทำงานด้วยการแตะ ในระยะห่างไม่เกิน 4 มิลลิเมตร ซึ่งการทำงานที่รองรับการแตะกันแบบนี้ ทำให้ NFC ถูกนำไปประยุกต์ใช้งานกับหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น การเงินการธนาคาร ระบบบัตรโดยสาร การจัดการคลังสินค้า หรือการส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยในประเทศไทยเอง ผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้สมาร์ทโฟนแทนบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยเพียงแค่นำสมาร์ทโฟนไปแตะที่ทางเข้าก็สามารถขึ้นรถไฟฟ้าได้แบบไม่เสียเวลา หรือใช้สมาร์ทโฟนชำระเงินแทนการพกพากระเป๋าสตางค์เวลาจะซื้อของตามร้านค้าต่างๆ ก็ไม่ต้องควักกระเป๋าสตางค์ออกมาให้วุ่นวายอีกต่อไป เรียกได้ว่าสะดวกครบในเครื่องเดียว
นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “การพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้บริโภคให้ดีขึ้นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ซัมซุงให้ความสำคัญ ซัมซุงถือเป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำเทคโนโลยี NFC มาอยู่บนสมาร์ทโฟน ซึ่งซัมซุงกำลังสร้างเทรนด์การใช้เทคโนโลยี NFC ให้แพร่หลายมากขึ้นในประเทศไทย เพราะซัมซุงเชื่อว่า NFC จะเข้ามาเปลี่ยนให้ชีวิตของคนรุ่นใหม่สะดวกสบายและคล่องตัวกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็น การใช้สมาร์ทโฟนจับจ่ายซื้อของตามร้านค้าต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าชั้นนำ ที่สามารถรองรับการใช้บริการโมบายล์เพย์เมนท์ ทั้งสิ้น 44 ร้านค้า รวมกว่า 1,600 สาขา ใช้สมาร์ทโฟนแทนบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอส จึงไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวซื้อบัตรอีกต่อไป รวมไปถึงการขอรับสิทธิประโยชน์ได้อย่างมากมาย ทั้งหมดนี้ทำได้บนสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว และเนื่องจากการใช้ NFC ยังไม่แพร่หลายนักในประเทศไทย ผู้บริโภคอาจจะยังรู้สึกลังเลและยังไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ดังนั้นซัมซุงจึงอยากจะให้ความรู้ผู้บริโภคเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวว่าจะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาสะดวกสบายและคล่องตัวมากขึ้น โดยสามารถมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย รวมทั้งเรื่องความเสถียรต่างๆ ของการใช้เทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ผ่านการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว
สำหรับสมาร์ทโฟนที่รองรับเทคโนโลยี NFC มีทั้งสิ้น 8 รุ่น ได้แก่ กาแลคซี่ เอส 5 (Galaxy S5) กาแลคซี่ โน้ต 3 รุ่น 3G และ LTE(Galaxy Note 3 / 3G and LTE) กาแลคซี่ โน้ต 2 (Galaxy Note 2) กาแลคซี่ เอส 4 (Galaxy S4) กาแลคซี่ เอส 3 (Galaxy S3) กาแลคซี่ เอส 3 มินิ (Galaxy S3 Mini) กาแลคซี่ เมก้า 6.3 (Galaxy Mega 6.3) และกาแลคซี่ เฟม (Galaxy Fame) โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 8 รุ่นนี้จะต้องใช้ร่วมกับซิม “AIS mPAY Rabbit” จึงจะสามารถใช้บริการโมบายล์เพย์เมนท์ได้ ผู้ที่สนใจบริการสามารถเปลี่ยนหรือซื้อซิม “AIS mPAY Rabbit” ได้ที่เอไอเอส ช็อป และเทเลวิซ ช็อปทุกสาขาในกรุงเทพฯ (ยกเว้นสาขาสนามบินสุวรรณภูมิ) หรือโทร. 1175 ได้แล้ว
ถ้าหากคุณเป็นคนกรุงที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบแล้วล่ะก็ ลองเปลี่ยนสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือของคุณให้กลายเป็นกระเป๋าสตางค์ แล้วคุณจะพบว่ายังมีเวลาเหลืออีกเพียบสำหรับสิ่งที่คุณอยากทำ เพราะทุกๆ นาทีมีค่าสำหรับคุณเสมอ
ขอขอบคุณข้อมูล matichon.co.th
Leave a Reply