ผลประกอบการ True เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 16.3 พันล้านบาท เพิ่มจากปีที่เเล้ว 4.7 พันล้านบาท

ผลประกอบการ True เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 16.3 พันล้านบาท เพิ่มจากปีที่เเล้ว 4.7 พันล้านบาท

บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2557 ที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า จากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับการเติบโตอย่างยั่งยืนหลังการปรับฐานธุรกิจและการเงิน

ในไตรมาส 2 ปี 2557 กลุ่มทรู มีรายได้จากการให้บริการโดยรวม จำนวน 16.3 พันล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้าเป็น 4.7 พันล้านบาท เพื่อการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม หากไม่รวมผลประกอบการในปี 2556 ของ 8 บริษัทย่อยที่ขายไปในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา EBITDA เพิ่มสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งในอัตราร้อยละ 21.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาด

ทั้งนี้ กลุ่มทรู รายงานผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (NIOGO) ไม่รวมภาษีเงินได้รอตัดบัญชี จำนวน 935 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวดีขึ้นมากถึงร้อยละ 57.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า จาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และการรับรู้ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (“TRUEGIF”)

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า “ปี 2557 นับเป็นอีกก้าวสำคัญของกลุ่มทรู โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นและมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเดินหน้าเป็นผู้ให้บริการคอนเวอร์เจนซ์อย่างเต็มรูปแบบ จากการผสมผสานบริการต่างๆ ได้อย่างลงตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยความพร้อมด้านคุณภาพการให้บริการ ความหลากหลายของคอนเทนต์ และความครอบคลุมของโครงข่ายคุณภาพทั่วประเทศ ทั้งเครือข่าย 3G ของทรูมูฟ เอช ซึ่งครอบคลุมแล้วร้อยละ 97 ของประชากรทั่วประเทศ พร้อมเสริมศักยภาพเครือข่ายด้วย 4G ความเร็วสูง และโครงข่ายบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตผ่านทั้งเทคโนโลยี FTTx และ DOCSIS ที่จะครอบคลุม 5 ล้านครัวเรือนภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เข้าถึงลูกค้าในแต่ละพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น และแคมเปญคอนเวอร์เจนซ์โดยเฉพาะแพ็กเกจ “ทรูสุขคุณสาม” ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการเพิ่มความผูกพันกับบริการต่างๆ ภายในกลุ่มทรู อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการขยายฐานลูกค้าในทั้ง 3 ธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นเป็น 27.48 ล้านราย โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ฐานลูกค้ากลุ่มทรูโมบายล์ มีจำนวน 23.19 ล้านราย ทรูออนไลน์ (บรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต) 1.94 ล้านราย และทรูวิชั่นส์ 2.34 ล้านราย

กลุ่มทรูโมบายล์ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการรายเดือนที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อันเป็นผลมาจากความมั่นใจเรื่องเครือข่ายคุณภาพที่ครอบคลุมของทรูมูฟ เอช ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการใช้งานดาต้าที่เพิ่มมากขึ้น ผนวกกับความพร้อมเต็มที่ของ 4G LTE รายแรกในไทยที่ใช้ได้จริงของทรูมูฟ เอช ที่ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และใจกลางเมืองอีก 14 จังหวัด ซึ่งแคมเปญ “เปลี่ยนเลย… 4G Advance Forward จากทรูมูฟ เอช” ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ทำให้มีผู้ใช้บริการ 4G มากกว่า 600,000 รายแล้วและยังคงเติบโตเร็วอย่างต่อเนื่อง

ทรูออนไลน์ ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับคุณภาพของบริการ โดยเฉพาะการเลือกใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่ให้ความเสถียรและความเร็วสูงอย่าง DOCSIS 3.0 และ FTTX ที่ให้บริการผ่านสายไฟเบอร์คุณภาพสูง ซึ่งให้ความเร็วสูงสุดถึงระดับ Gigabit สร้างมาตรฐานบรอดแบนด์ความเร็วใหม่ที่สูงสุดในตลาดเมืองไทย นอกจากนี้ ทรูออนไลน์ ยังคงเป็นรายแรกที่สร้างมาตรฐานความเร็วใหม่โดยให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 30 Mbps ด้วยแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์“ทรูสุขคุณสาม” ที่เพิ่มความคุ้มค่ายิ่งขึ้น ในราคาที่เหมาะสมอย่างมาก

สำหรับ ทรูวิชั่นส์ ยังคงมุ่งเน้น การสร้างความแตกต่างด้วยการเพิ่มรายการคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีคอนเทนต์ HD คุณภาพทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 50 ช่องรายการ ขณะที่ ดิจิตอลทีวี ช่องทรูโฟร์ยู นั้น ยังคงสร้างสรรค์คอนเทนท์คุณภาพสะท้อนจุดยืนที่ชัดเจนของช่อง ที่เป็น EnterTRENDment นำกระแส เป็นเทรนด์ใหม่ของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และผู้ชมทั่วไป ซึ่งทำให้ช่องทรูโฟร์ยูติดอันดับ 1 ใน 5 ของช่องดิจิตอลทีวีที่มีผู้ชมมากที่สุด

นอกจากนี้ การเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับไชน่า โมบายล์ จะช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้กับกลุ่มทรูจากการร่วมมือกันในหลายด้าน อีกทั้งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบดุลและฐานะทางการเงินของบริษัท เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต”

นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การระดมทุนจำนวน 65 พันล้านบาท ยังมีความชัดเจนมากขึ้น หลังได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้ จะเป็นการปรับฐานทางการเงินครั้งสำคัญของกลุ่มทรู จากระดับหนี้สินที่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งการได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างไชน่า โมบายล์ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจของกลุ่มทรู ให้พร้อมรับการเติบโตอย่างมั่นคง”


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *