ย้อนอดีตมือถือดัง รุ่นแรกของโลก เมื่อ 30 ปีก่อน
ตอนนี้คงจะมีใครหลายคนกำลังเฝ้ารอ iPhone 6 อย่างใจจดใจจ่อกันอยู่ หรือไม่ก็รอการเปิดตัวของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ สเปคแรงๆ ไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy Note 4, Sony Xperia Z3 เป็นต้น และในระหว่างรอนี้ เราลองย้อนอดีตกลับมาดูมือถือรุ่นแรกของโลกกันก่อนดีกว่า ว่าแตกต่างจากสมัยนี้ยังไง บางคนอาจจะเกิดทัน หรือทันใช้ด้วยซ้ำไปมั้งนี่
ทางเว็บไซต์ redmondpie ได้เขียนบทความข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางเราจึงได้หยิบยกมาให้ดูกันว่า มือถือรุ่นแรกของโลกนั้นเป็นยังไง หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่เราจะขอพูดถึงอีกที สำหรับมือถือรุ่นแรกของโลกนั้น ผลิตจากบริษัท Motorola ที่เราก็คุ้นหูกันดี ในชื่อรุ่นว่า Motorola DynaTAC 8000X ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 1984 (หรือปี พ.ศ. 2527) ซึ่งปีนี้ก็มีอายุครบ 30 ปีพอดี แต่สำหรับราคาในตอนนั้น ต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเป็นเจ้าของได้ ถ้าหากจะได้ครอบครองเจ้ามือถือยักษ์ตัวนี้ล่ะก็ ต้องมีเงินถึง $4,000 หรือประมาณ 128,600 บาท (่ซึ่งในอดีตเมื่อ 30 ปีก่อน ราคาอาจจะไม่ถึงหลักแสน แต่ก็ถือว่าแพงมากในยุคนั้นอยู่ดี) แล้วตอนนี้ล่ะ มือถือที่สเปคแรงๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 30,000 แล้ว ซึ่งราคานี้ก็ถือว่าแพงทีเดียว (ไม่รวมพวกบรรดามือถือไฮโซอย่าง Vertu หรือ Tag Heuer หรือมือถือพิเศษรุ่น Limited Edition ทั้งหลาย)
Motorola DynaTAC 8000X มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องแบบที่ใครหลายคนเรียกกันว่า กระบอกน้ำ มาพร้อมเสาอากาศรับสัญญาณ ด้วยขนาด 13 x 1.75 x 3.5 นิ้ว หนาแบบสุดๆ ถือจับทีแทบจะใช้สองมือเลยทีเดียว แถมยังหนักถึง 793 กรัม ถ้าถือคุยนานๆ ก็เมื่อยมือได้เลย แต่คงไม่นานเกิน 30 นาทีแน่นอน เพราะว่าเจ้าแบตเตอรี่ของเครื่องนี้สามารถใช้งานได้เพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น อีกอย่างถ้าคุยนาน ค่าโทรศัพท์ก็คงจะเปลืองมากแน่ๆ
สำหรับในยุคนี้ ทุกอย่างก็ดูจะกลับตรงกันข้ามกันไปหมด อย่างแรกเลยคือ การครอบครองที่ง่ายขึ้น ด้วยราคาที่สามารถเข้าถึงได้ทุกชนชั้น ไม่เพียงแต่เฉพาะคนรวยเท่านั้นที่จะสามารถพกมือถือไว้กับตัว และราคาก็มีหลากหลายตั้งแต่ถูกมากหลักร้อยไปจนถึงแพงมาก ที่ช่วยเป็นตัวเลือกให้กับความหลากหลายทางสังคม ในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่อง ก็ถูกย่อส่วนลง ทั้งขนาดของที่ไม่ใหญ่และหนาจนเกินไปให้เทอะทะ และใช้งานได้สะดวกขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มนุษยชาติก็ผ่านมันมาได้แล้ว ต้องขอขอบคุณมือถือเครื่องแรกของโลกของเราจริงๆ…
Credit : redmondpie
Leave a Reply