iPhone 12 Pro Max 2022 ไอโฟน 12 โปร แม็กซ์ ราคา
iPhone 12 Pro Max ราคา 39,900 บาท (128GB), 43,900 บาท (256GB), 51,900 บาท (512GB) (ข้อมูล ณ เดือน มิ.ย. 65)
iPhone 12 Pro Max มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ 1.สีกราไฟต์ 2.สีเงิน 3.สีทอง 4.แปซิฟิกบลู
สเปกเครื่อง iPhone 12 Pro Max
Features | iPhone 12 Pro Max |
วันเปิดตัว : | – ตุลาคม 2563 |
ราคา : | – 39,900.-(128GB) |
– 43,900.- (256GB) | |
– 51,900.- (512GB) | |
– (ข้อมูล ณ เดือน มิ.ย. 65) | |
OS : | – iOS 14 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ OLED |
– ขนาด 6.7 นิ้ว | |
– จอภาพ Super Retina XDR | |
– ความละเอียด 2778×1284 พิกเซล | |
– HDR 10 | |
CPU : | – Apple A14 Bionic แบบ Hexa-Core ความเร็ว 3.1GHz |
GPU : | – Apple GPU |
RAM : | – 6GB |
ROM : | – 128GB |
– 256GB | |
– 512GB | |
กล้องหลัง : | – 12MP + 12MP + 12MP + TOF 3D LiDAR Scanner |
– ค่ารูรับแสง f/1.6 + f/2.2 + f/2.4 | |
– True Tone Flash | |
– Dual Pixel PDAF | |
– กันสั่น OIS | |
– Apple ProRAW | |
– Deep Fusion | |
– ออปติคอลซูม 5 เท่า | |
– ดิจิตอลซูม 12 เท่า | |
– HDR อัจฉริยะ 3 | |
กล้องหน้า : | – 12MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.2 | |
– Retina Flash | |
– HDR | |
Video : | – 4K@24/30/60fps, 1080p@30/60/120/240fps |
Battery : | – เล่นวิดีโอสูงสุด 20 ชั่วโมง |
– ฟังเพลงสูงสุด 80 ชั่วโมง | |
ขนาด : | – 160.8×78.1×7.4 มม. |
น้ำหนัก : | – 226 กรัม |
รองรับซิม : | – Nano-SIM |
ระบบกันน้ำ : | – IP68 |
ระบบเครือข่าย : | – 4G LTE |
– 5G | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi‑Fi 802.11ax |
– Bluetooth 5.0 | |
– USB Lightning 2.0 | |
– NFC | |
– MagSafe | |
– Wireless Charging | |
GPS : | – GPS |
– GLONASS | |
– Galileo | |
– QZSS | |
– BeiDou | |
Sensor : | – Face ID |
– Accelerometer | |
– Gyroscope | |
– Proximity | |
– Compass | |
– Barometer | |
สี : | – กราไฟต์ |
– แปซิฟิกบลู | |
– เงิน | |
– ทอง |
• A14 Bionic ที่แรงแซงหน้าชิปในบรรดาสมาร์ตโฟนอื่น ๆ ไปไกลหลายขุม ระบบกล้องระดับโปรที่ยกระดับการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยไปอีกขั้น และยิ่งเหนือชั้นขึ้นไปอีกบน iPhone 12 Pro Max รวมทั้ง Ceramic Shield ที่ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า มาดูกันว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ทำอะไรได้บ้าง
• ขอบบางลง หน้าจอกว้างขึ้น
• iPhone 12 Pro Max จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.7″
• iPhone 12 Pro จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.1″
• Ceramic Shield แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน iPhone นั้นมีกระจกที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาร์ตโฟนอยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะเพิ่มความทนทานของ iPhone 12 Pro ให้มากขึ้นไปอีก เราจึงต้องคิดค้นวัสดุแบบใหม่หมดขึ้นมา
• ผลึกเซรามิกระดับนาโน แล้วก็ถึงเวลาของ Ceramic Shield ซึ่งเกิดจากการนำผลึกเซรามิกระดับนาโนซึ่งแข็งแกร่งกว่าโลหะส่วนใหญ่ไปผสมลงในกระจก อาจจะฟังดูง่าย แต่จริง ๆ แล้วกระบวนการนี้ยากกว่าที่ใครหลายคนคิด เพราะเซรามิกส่วนมากนั้นไม่ได้มีความโปร่งใส
ดังนั้นเราจึงคิดค้นสูตรแบบเฉพาะตัวขึ้นมาในการควบคุมชนิดของผลึกและระดับความเป็นผลึกของเซรามิก ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเซรามิกจนถึงขีดสุด ในขณะที่ยังคงความใสเอาไว้ได้ด้วย นี่คือความล้ำที่ทำให้ Ceramic Shield เหมาะที่จะนำมาทำเป็นจอภาพอย่างไร้ที่ติ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นครั้งแรกในสมาร์ตโฟนกับความแข็งแกร่งที่มากกว่ากระจกบนสมาร์ตโฟนไหน ๆ อีกด้วย
• กระบวนการแลกเปลี่ยนไอออนคู่ ถึงจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีเสมอไป ดังนั้นเราจึงใช้กระบวนการแลกเปลี่ยนไอออนคู่ของเราที่ใช้บนกระจกด้านหลัง เพื่อป้องกันจอภาพจากรอยเล็ก ๆ รอยขีดข่วน และร่องรอยจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน
• ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า นอกจาก Ceramic Shield แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เสริมความทนทานของตัวเครื่องด้านหน้ายิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งก็คือจอภาพที่เรียบเสมอกันกับขอบของโทรศัพท์ซึ่งช่วยเพิ่มการป้องกันในอีกระดับ และจากทั้งหมดนี้ เราจึงได้ iPhone ที่ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า นับเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจากปีก่อนหน้าได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone
• สแตนเลสสตีล เกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม
• เรื่องทนน้ำ ลอยลำมาเลย ความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ IP68 ชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม
• 4 สีสวยสะกด แปซิฟิกบลู, ทอง, เงิน และกราไฟต์
• A14 Bionic ที่พอจะสูสีก็มีแต่ชิปรุ่นที่แล้วของเราเท่านั้น A14 Bionic เป็นชิป 5 นาโนเมตรตัวแรกในอุตสาหกรรม ซึ่งมาพร้อมส่วนประกอบสุดล้ำที่มีความกว้างแค่เพียงระดับอะตอมเท่านั้น รวมถึงมีทรานซิสเตอร์มากขึ้น 40%
ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในขณะที่ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นเพื่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน พร้อมด้วย ISP ใหม่ที่เป็นขุมพลังสำหรับการบันทึกวิดีโอแบบ Dolby Vision ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่กล้องภาพยนตร์ระดับโปรยังทำไม่ได้ และแน่นอนว่าไม่มีโทรศัพท์ไหนที่ทำได้เช่นกัน
• อีกครั้งกับชิปที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟน ความสามารถใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับ iPhone 12 Pro นั้นต้องการความเร็ว ซึ่งยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี และวิธีหนึ่งในการทำให้ชิปเร็วขึ้นก็คือการเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ ซึ่งหมายความว่าเราต้องเพิ่มขนาดชิป หรือลดขนาดทรานซิสเตอร์
• ทรานซิสเตอร์ 11.8 พันล้านตัว แน่นอนว่าเราเลือกที่จะลดขนาด และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ iPhone 12 Pro ที่มาพร้อมชิประดับ 5 นาโนเมตรตัวแรกของอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนประกอบเล็กจิ๋วในระดับอะตอม
จึงสามารถใส่ทรานซิสเตอร์ให้แน่นชิดติดกันได้อย่างเหลือเชื่อ ส่งผลให้พลังงานไหลผ่านระหว่างทรานซิสเตอร์ได้เร็วขึ้นโดยที่มีการสูญเสียระหว่างทางน้อยลง และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ชิป A14 Bionic มีประสิทธิภาพเหนือชั้นยิ่งขึ้น ทั้งยังประหยัดพลังงานด้วยในเวลาเดียวกัน
• Neural Engine แบบ 16-core 11 ล้านล้านรายการประมวลผลต่อวินาที เราเพิ่มประสิทธิภาพของ Neural Engine ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกโดยการเพิ่มจำนวนคอร์อีก 2 เท่า จาก 8 เป็น 16 คอร์ จึงทำให้งานที่ต้องใช้การเรียนรู้ของระบบหนัก ๆ
อย่างการใช้ Deep Fusion เพื่อปรับปรุงรายละเอียดในรูปภาพนั้นเร็วขึ้นสูงสุดถึง 80% นอกจากนี้เรายังยกระดับตัวเร่งความเร็วด้านการเรียนรู้ของระบบที่มีมาให้โดยเฉพาะบน CPU ให้เร็วขึ้นอีก 70% เพื่อให้แอพทุกตัวได้ใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ทั่วทั้งชิป
• โปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพแบบใหม่หมด บันทึกวิดีโอ 4K HDR ในแบบ Dolby Vision ทั้งหมดนี้มีผลอะไรกับคุณบ้าง บอกเลยว่านับไม่ถ้วน ทั้งประสิทธิภาพที่แรงขึ้นทั่วทั้งระบบและ HDR อัจฉริยะ 3 ที่ช่วยให้ภาพถ่ายสมจริงยิ่งขึ้น
รวมถึงการลดนอยซ์แบบอ้างอิงการเคลื่อนไหวของภาพอันล้ำสมัยบนโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มรายละเอียดในวิดีโอคุณภาพสูง หรือแม้แต่การเข้ารหัสแบบ Dolby Vision ไปพร้อม ๆ กันขณะที่คุณถ่าย แทนที่จะทำบนคอมพิวเตอร์ระดับโปรในสตูดิโอตัดต่อ เชื่อสิว่ายากที่จะมีอะไรเหมือนชิป A14 Bionic แล้วเราก็อยากรู้แล้วว่าคุณจะทำอะไร ๆ น่าทึ่งด้วยชิปนี้ได้บ้าง
• สแกนเนอร์ LiDAR AR ระดับความเร็วแสง สแกนเนอร์ LiDAR บน iPhone 12 Pro จะวัดระยะเวลาที่แสงใช้ในการสะท้อนกลับมาจากวัตถุ จึงสามารถสร้างแผนผังแนวลึกของพื้นที่ที่คุณอยู่ได้ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม และด้วยความแม่นยำและรวดเร็วสุด ๆ ทำให้แอพ AR ในทุกวันนี้สามารถเปลี่ยนห้องของคุณให้กลายเป็นป่าดงดิบที่สมจริง หรือแสดงให้ดูได้แบบเป๊ะ ๆ ว่ารองเท้าผ้าใบคู่ใหม่จะเข้ากันกับคุณมั้ย
• AR ระดับความเร็วแสง iPhone ได้รับการออกแบบมาเพื่อ AR อยู่แล้วตั้งแต่เริ่มแรก และวันนี้สแกนเนอร์ LiDAR ใน iPhone 12 Pro ก็พร้อมที่จะพาคุณไปสัมผัสกับความสามารถในอีกขั้นที่เหนือกว่า
• ยิ่งข้อมูลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น แผนผังแนวลึกที่ละเอียดในระดับนาโนวินาที สแกนเนอร์ LiDAR สามารถวัดระยะในแนวลึกที่แน่นอนโดยการจับเวลาเดินทางของลำแสงที่มองไม่เห็นจากตัวส่งสัญญาณไปยังวัตถุ และกลับมาที่ตัวรับสัญญาณ
จากนั้น LiDAR จะทำงานร่วมกับเฟรมเวิร์กความลึกของ iOS 14 เพื่อสร้างข้อมูลความละเอียดสูงปริมาณมหาศาล ซึ่งครอบคลุมมุมมองภาพทั้งหมดของกล้อง และยังมีการยิงลำแสงต่อเนื่องเป็นจังหวะในระดับนาโนวินาที เพื่อวัดพื้นที่นั้นอยู่ตลอดเวลาและเพิ่มความแม่นยำให้กับแผนผังแนวลึก ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่จะพลิกโฉมวงการ AR
• AR ที่รวดเร็วทันใจ เพียงชั่วพริบตา LiDAR ก็เข้าใจพื้นผิวแบบต่าง ๆ ในพื้นที่ของคุณ แอพ AR จึงสามารถเริ่มวิเคราะห์ฉากนั้นเพื่อสร้างประสบการณ์ในแบบที่เข้ากันได้ทันที
• เรขาคณิตในฉาก LiDAR สามารถแสดงพื้นผิวทุกประเภทในห้องได้อย่างละเอียด จึงสามารถวางคอนเทนต์ไว้ตรงไหนก็ได้ที่ควรอยู่เพื่อให้ดูสมจริง ไม่ว่าจะเป็นบนส่วนโค้งของโซฟา บนพนักเก้าอี้ หรือแม้แต่บนโต๊ะรก ๆ ของคุณ
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้แอพ AR ฉลาดยิ่งกว่าเดิมมาก ยกตัวอย่างเช่น หากมีการฉายภาพทิวทัศน์ลงบนห้องนั่งเล่นของคุณ หญ้าก็จะขึ้นเฉพาะบนพื้นและทอดยาวไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือทุกอย่างจะปรับเข้ากับพื้นที่ของคุณอย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง
• การผสานร่วมที่ดูเนียนตา แผนผังแนวลึกที่มีความแม่นยำยิ่งขึ้นช่วยให้ iPhone 12 Pro เข้าใจว่าวัตถุไหนอยู่หน้าวัตถุไหน ดังนั้นเมื่อตัวละคร AR วิ่งผ่านหน้าบ้านคุณ ก็จะตัดผ่านด้านหลังรถและด้านหน้าต้นไม้อย่างถูกต้องแม่นยำ เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เต็มอิ่มสมจริงแบบไม่เสียอารมณ์
• ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน LiDAR ยังช่วยปลดล็อคความสามารถอันล้ำสมัยให้กับระบบกล้องระดับโปรด้วย อย่างการออโต้โฟกัสได้รวดเร็วยิ่งขึ้นถึง 6 เท่าในสภาวะแสงน้อย ส่วนรายละเอียดในแผนผังแนวลึกจาก LiDAR ก็ช่วยให้กล้องไวด์สามารถถ่ายภาพบุคคลในโหมดกลางคืนได้ และในวันนี้ถึงแม้จะอยู่ในที่แสงน้อย แต่ Neural Engine ก็ยังสามารถรังสรรค์ให้ตัวแบบอยู่ในโฟกัสในขณะที่ฉากหลังเบลอได้อย่างสวยงาม
• ระบบกล้องระดับโปร โหมดกลางคืนในมิติใหม่ โหมดกลางคืนสามารถใช้ได้แล้วกับทั้งกล้องไวด์และอัลตร้าไวด์ และบันทึกภาพในสภาวะแสงน้อยได้สวยงามน่าทึ่งกว่าครั้งไหน ๆ อีกทั้งยังมี LiDAR ที่ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลในโหมดกลางคืนเป็นจริงได้ และด้วยกล้องไวด์ที่รับแสงได้มากขึ้นถึง 27% จึงถ่ายทอดรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น และโฟกัสได้คมขึ้นไม่ว่าในช่วงกลางวันหรือกลางคืน
– กล้องไวด์พร้อมรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 สามารถรับแสงได้มากขึ้น 27%
– เลนส์ไวด์ใหม่ พร้อมชิ้นเลนส์ 7 ชิ้น เพื่อความคมชัดแบบขอบจรดขอบ
– ระบบ OIS ใหม่ ปรับแก้ตำแหน่งได้ถึง 5,000 ครั้งต่อวินาที
– LiDAR ช่วยให้การออโต้โฟกัสเร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่าในสภาวะแสงน้อย
• 12 Pro Max กล้องเต็ม ๆ แม็กซ์ iPhone ที่ใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับระบบกล้องระดับโปรที่ทำงานได้อย่างเต็มแม็กซ์ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นถึง 47% พร้อมด้วยพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น จึงทำให้กล้องไวด์สามารถรับแสงได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และมีระบบ OIS ใหม่ที่ช่วยป้องกันการสั่นไหวที่เซ็นเซอร์ แทนที่จะเป็นเลนส์ เพื่อให้ภาพของคุณดูนิ่ง แม้ในจังหวะที่คุณนิ่งไม่อยู่ นอกจากนี้ยังมีกล้องเทเลโฟโต้ 65 มม. ใหม่ ที่ให้คุณซูมเพื่อถ่ายภาพบุคคลได้ใกล้ยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
• นิ่ง ๆ สวย ๆ วันนี้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) บน iPhone 12 Pro สามารถปรับแก้ตำแหน่งของกล้องไวด์ได้ถึง 5,000 ครั้งต่อวินาที หรือเร็วกว่า iPhone 11 Pro ถึง 5 เท่า และระบบนี้ก็ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมเพื่อให้คุณได้ภาพที่คมชัดและวิดีโอที่ไม่สั่นไหวในทุกครั้งที่คุณถ่าย แต่การจะทำให้กล้องไวด์ของ iPhone 12 Pro Max นิ่งนั้น เราต้องคิดค้นระบบที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง
• กล้องใหม่ ระบบ OIS ก็ใหม่ เรายกระดับเซ็นเซอร์ไวด์ใน iPhone 12 Pro Max ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมด้วยพิกเซลที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้รับแสงได้มากขึ้น จึงสามารถถ่ายทอดรายละเอียดและสีสันในรูปภาพได้มากยิ่งขึ้น
และเรายังออกแบบระบบป้องกันการสั่นไหวที่ขยับแค่เพียงเซ็นเซอร์ เพื่อให้ตัวเซ็นเซอร์มีความนิ่งยิ่งกว่าที่เคย จนได้เป็นระบบ OIS ในแบบที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ และนี่แหละคือสิ่งที่จะสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
• เทคโนโลยีระดับ DSLR ในตัวเครื่องระดับ iPhone ก่อนหน้านี้ ระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์นั้นมีเฉพาะในกล้อง DSLR และนี่คือครั้งแรกที่มีการปรับระบบนี้มาให้เหมาะกับ iPhone ทีนี้ไม่ว่าคุณจะถ่ายวิดีโอลูก ๆ ขณะที่วิ่งไล่จับกันอยู่ในสวน หรือยื่น iPhone ออกไปนอกหน้าต่างรถที่ขับอยู่บนถนนที่ขรุขระ คุณก็จะได้ภาพที่นิ่งยิ่งกว่าที่เคย
• ภาพถ่ายบุคคลที่พร้อมเปล่งประกายทุกค่ำคืน ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืนที่ถ่ายด้วยกล้องไวด์จะมีสีสันที่สดใส พร้อมด้วยโบเก้อันสวยงาม ซึ่งช่วยเสริมความโดดเด่นของตัวอาคารที่มีไฟส่อง แสงไฟบนท้องถนน หรือแสงอะไรก็ตามในฉากหลัง
• แม้จะมีแสงไฟจากจุดเล็ก ๆ เพียงจุดเดียว แต่ LiDAR และชิป A14 Bionic ของเราก็สามารถรังสรรค์ลวดลายและรายละเอียดทั้งหมดในฉากหน้าได้อย่างครบถ้วน พร้อมสีสันที่สวยสมจริงทั่วทั้งห้อง
• Deep Fusion จะเริ่มทำงานเมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงสว่างน้อยถึงปานกลาง โดย Neural Engine จะวิเคราะห์ภาพจากหลายค่าแสงทีละพิกเซล เพื่อถ่ายทอดรายละเอียดในแว่นขยาย นางแบบ และผนังออกมาอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
• ความคิดลึก ๆ ที่อยู่เบื้องหลัง Deep Fusion การถ่ายภาพในที่สว่างจ้าให้คมกริบและมีรายละเอียดชัดเจนนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ในสถานการณ์ที่มีแสงน้อยถึงปานกลาง อย่างการถ่ายวิวทิวทัศน์ในยามเช้า หรือดินเนอร์ใต้แสงเทียน Deep Fusion จะเข้ามาช่วยเนรมิตรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อภาพสวยดังใจ
• บันทึกภาพคร่อมหลายค่าแสงต่อหนึ่งภาพ ทุกอย่างเริ่มต้นเหมือนกับภาพถ่าย HDR โดยเมื่อคุณถ่ายภาพ กล้องจะบันทึกภาพแบบคร่อมเพิ่มอีกหลายเฟรมโดยที่แต่ละเฟรมมีค่าแสงต่างกัน แล้วจึงนำเฟรมเหล่านั้นมาประกอบเข้าด้วยกันเป็นภาพ HDR ที่มีค่าแสงเหมาะสมที่สุดสำหรับสิ่งที่คุณถ่าย โดยเพิ่มรายละเอียดในส่วนไฮไลท์และเงามืด พร้อมกับลดนอยซ์โดยรวมลง
• วิเคราะห์หลายล้านพิกเซลแบบเรียลไทม์ Deep Fusion บน iPhone 12 Pro ล้ำหน้าไปไกลกว่า HDR เพราะทุกพิกเซลของหลาย ๆ เฟรมที่ถ่ายด้วยค่าแสงต่างกันจะถูกส่งผ่าน Neural Engine ของชิป A14 Bionic
จากนั้น Neural Engine จะเลือกส่วนที่ดีที่สุดของแต่ละพิกเซลโดยพิจารณาจากส่วนที่มีความคมชัด สีสัน ไฮไลท์ และเงามืดดีที่สุด แล้ว Neural Engine ก็จะรวมพิกเซลเหล่านั้นเข้าด้วยกัน กลายเป็นภาพถ่ายสุดท้ายที่มีรายละเอียดครบถ้วน
• Neural Engine เร็วขึ้น 80% ไม่มีสมาร์ตโฟนไหนมาพร้อม Deep Fusion และยิ่งชิป A14 Bionic มีความเร็วที่สูงมาก Deep Fusion จึงทำงานได้ดียิ่งขึ้นและเร็วยิ่งกว่าที่เคย และในปีนี้เรารู้สึกตื่นเต้นที่ Deep Fusion จะมาอยู่ในกล้องทุกตัว ซึ่งรวมถึงกล้อง TrueDepth ด้านหน้าด้วย คราวนี้ไม่ว่าคุณจะถ่ายอะไร ภาพที่ได้ก็จะมีรายละเอียดในระดับที่คุณจะต้องประทับใจเอามาก ๆ
• โหมดภาพถ่ายบุคคล ปรับมาให้เป๊ะ การเรียนรู้ของระบบบน iPhone 12 Pro นั้นสามารถแยกตัวแบบออกจากฉากหลังได้ดียิ่งขึ้น และยังมีตัวควบคุมในด้านการสร้างสรรค์ต่าง ๆ ที่ให้คุณปรับความเบลอของฉากหลังและแสงบนใบหน้าได้อีกด้วย
• เก็บรายละเอียดมากขึ้นในพริบตาด้วย AI HDR อัจฉริยะ 3 จะปรับไฮไลท์ เงา และแสงคอนทัวร์ให้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางวัน แต่คุณก็ยังเห็นรายละเอียดบนใบหน้าของนางแบบ
และเฉดสีของเงาที่จะเข้มขึ้นไปเรื่อย ๆ ไปจนถึงสีดำสนิท
• HDR อัจฉริยะ 3 บันทึกความมหัศจรรย์ของช่วงเวลาโกลเด้นอาวร์ไว้ครบทุกอณู โดยการเก็บทุกรายละเอียดบนก้อนหิน ในขณะที่ยังคงแสดงสีฟ้าหลายเฉดบนท้องฟ้าได้อย่างสมจริง
• HDR อัจฉริยะ 3 ปรับไวท์บาลานซ์ได้อย่างแม่นยำในขณะที่ฟองคลื่นยังคงรูปร่างและรายละเอียดที่ชัดเจน ถึงแม้ว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
• นอกเหนือจากใบหน้าแล้ว HDR อัจฉริยะ 3 ยังใช้การเรียนรู้ของระบบเพื่อแยกแยะสภาพแวดล้อมแบบต่าง ๆ จึงสามารถถ่ายทอดรายละเอียดอย่างรอยแตกบนผืนดินและความขรุขระของเนินเขาออกมาได้อย่างชัดเจน โดยไม่เพิ่มนอยซ์บนท้องฟ้า
• กล้องที่มีสายตาแบบตากล้อง เมื่อมี HDR อัจฉริยะ 3 กล้องก็สามารถแยกแยะสภาพแวดล้อมที่พบในชีวิตประจำวันได้เหมือนกับคุณ จากนั้นจึงปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ในภาพให้ดูสมจริงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
• กล้องที่มีสายตาแบบตากล้อง เมื่อมี HDR อัจฉริยะ 3 กล้องก็สามารถแยกแยะสภาพแวดล้อมที่พบในชีวิตประจำวันได้เหมือนกับคุณ จากนั้นจึงปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ในภาพให้ดูสมจริงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
• การเรียนรู้ของระบบอันล้ำสมัย ทั้งหมดนี้เป็นจริงได้ เพราะเราฝึกเครือข่ายนิวรอลโดยการแสดงภาพจากสภาพแวดล้อมที่หลากหลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จน Neural Engine บนชิป A14 Bionic เรียนรู้ที่จะแยกแยะสภาพแวดล้อมแต่ละแบบได้ไม่ต่างจากสมองมนุษย์
• Neural Engine เร็วขึ้น 80% การตัดสินใจเรนเดอร์ที่ชาญฉลาด Neural Engine ในชิป A14 Bionic รู้ทันทีและสามารถแยกตัวอาคารออกจากท้องฟ้า แยกภูเขาที่หิมะปกคลุมออกจากก้อนเมฆ หรือแม้แต่แยกอาหารออกจากจาน ทีนี้ก็สามารถบอกได้แบบเป๊ะ ๆ ว่าจะต้องใส่คอนทราสต์หรือดึงรายละเอียดตรงจุดไหน ปรับไวท์บาลานซ์ยังไง หรือเพิ่มความสดของสีสันอีกเท่าไหร่เพื่อให้ภาพนั้นดูเหมือนกับที่ตาคุณเห็น
ถ่ายด้วย iPhone 12 Pro Max
• ช่วงซูมแบบออปติคอล 2.5 เท่า ของกล้องเทเลโฟโต้ 65 มม. ให้คุณมองเห็นทุกรายละเอียดแบบใกล้ ๆ โดยไม่ต้องไปอยู่ตรงนั้นด้วยตัวเอง
• พิกเซลขนาดใหญ่ขึ้น บนกล้องไวด์ทำให้คุณมองเห็นลวดลายที่ซับซ้อน พื้นผิวที่มีความละเอียดลออ และรายละเอียดอันน่าทึ่งทั่วทั้งภาพ แม้ว่าคุณจะถ่ายด้วยแสงที่มีอยู่ในขณะนั้นก็ตาม
• สีสัน สวยสมจริงในเกือบทุกสภาพแสงจนคุณจะต้องทึ่ง อย่างชุดสีแดงโปร่งแสงของนางแบบ และสีสันสด ๆ หลายเฉดของนีออนของร้านอาหารด้านหลัง
มาดูภาพรวมของแต่ละกล้องกันแบบเร็ว ๆ
• Apple ProRAW พลังสร้างสรรค์ขั้นสุดสำหรับคนบ้าพลัง ProRAW มีข้อมูล RAW แบบมาตรฐานครบถ้วน พร้อมด้วยข้อมูลสำหรับกระบวนการจัดการภาพของ Apple คุณจึงปรับแต่งภาพได้ง่ายขึ้น เพราะมีการลดนอยซ์และการปรับค่าแสงแบบหลายเฟรมมาให้เรียบร้อย แค่นี้คุณก็มีเวลาในการปรับแต่งสีสันและไวท์บาลานซ์มากขึ้นแล้ว
• การบันทึกแบบ Dolby Vision สีสันมากขึ้น 60 เท่า อลังการไร้ขอบเขต iPhone 12 Pro ก้าวกระโดดจากการบันทึกแบบ HDR ระดับ 8 บิต มาเป็น 10 บิต จึงสามารถถ่ายวิดีโอได้สมจริงยิ่งขึ้นด้วยสีสันที่มากถึง 700 ล้านสี
และที่ดียิ่งกว่านั้น คือสามารถบันทึกในแบบ Dolby Vision ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้กันในสตูดิโอภาพยนตร์ หรือคุณจะตัดต่อวิดีโอ Dolby Vision และใช้ AirPlay เพื่อดูความแตกต่างในทุกรายละเอียดบนหน้าจอขนาดใหญ่ก็ทำได้เช่นกัน
• ประสบการณ์ใหม่แห่งการถ่ายวิดีโอระดับโปร บน iPhone เท่านั้น การก้าวกระโดดจากการบันทึกแบบ HDR ระดับ 8 บิต มาเป็น 10 บิต นั้นไม่ใช่น้อย ๆ เพราะสามารถบันทึกสีสันได้มากขึ้นอีกมหาศาล และการเพิ่ม Dolby Vision แบบครบวงจร ตั้งแต่เริ่มบันทึก ไปจนถึงตัดต่อ และเปิดเล่นนั้น ช่วยให้ iPhone 12 Pro ทำอะไร ๆ ได้มากยิ่งกว่ากล้องที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ด้วยซ้ำ
• การบันทึก Dolby Vision ในแบบเรียลไทม์ ปัจจุบันการปรับโทนสีในรูปแบบ Dolby Vision นั้นจะทำกับภาพยนตร์ทั้งเรื่องในช่วงโพสต์โปรดักชั่น ซึ่งเป็นกระบวนการที่กินเวลา และต้องทำบนคอมพิวเตอร์ระดับโปรในสตูดิโอตัดต่อ แต่วันนี้เวิร์กโฟลว์ที่ใหญ่ขนาดนี้ก็ยังมาอยู่ในกระเป๋าคุณได้ เป็นเพราะเราได้คิดค้นวิธีใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในการปรับแต่งแต่ละเฟรมให้อยู่ในรูปแบบ Dolby Vision ไปพร้อม ๆ กันขณะที่คุณถ่าย
• ISP ที่ออกแบบโดย Apple หลักการทำงานของมันก็คือ iPhone 12 Pro จะบันทึกภาพในสองค่าแสง แล้วส่งไปยังโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพแบบเฉพาะของเราเพื่อสร้างฮิสโตแกรม ซึ่งเป็นกราฟแสดงค่าแสงในช่วงต่าง ๆ ของแต่ละเฟรม จากนั้นจึงสร้างเมตาดาต้า Dolby Vision โดยอ้างอิงจากฮิสโตแกรมนั้น และที่ทำได้ขนาดนี้ในแบบเรียลไทม์ก็เป็นเพราะความเร็วสุดขั้วของชิป A14 Bionic นั่นเอง
• การตัดต่อแบบ Dolby Vision บนสมาร์ตโฟน ก่อนจะมี iPhone 12 Pro เรายังถ่ายวิดีโอ Dolby Vision บนสมาร์ตโฟนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเรื่องการตัดต่อก็ลืมไปได้เลย มาวันนี้คุณสามารถตัดต่อวิดีโอ Dolby Vision ทั้งหมดบน iPhone ได้ทันทีจากในแอพรูปภาพ, iMovie หรือ Clips หรือจะตัดต่อบน Mac ด้วย Final Cut Pro ก็ยังได้ (พร้อมใช้งานภายในปีนี้)
• Dolby Vision ตั้งแต่ต้นจนจบ iPhone 12 Pro มาพร้อมชิปที่เร็วชนิดหาตัวจับยาก ให้คุณถ่ายวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ได้สูงสุด 60 fps และนำมาตัดต่อง่าย ๆ ด้วยหลากหลายวิธีที่คุณคุ้นเคย แล้วส่งขึ้นทีวีโดยใช้ AirPlay ด้วยการแตะครั้งเดียว เรียกว่าเป็นประสบการณ์อันน่าทึ่งที่คุณจะหาไม่ได้จากโทรศัพท์อื่น ๆ
• แล้วคุณก็เปิดกล้องภาพยนตร์ได้ทุกคืน กล้องไวด์มาพร้อมเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น คุณจึงเห็นรายละเอียดในส่วนเงามืดได้มากยิ่งกว่าเดิม และยังเป็นครั้งแรกที่คุณสามารถถ่ายวิดีโอไทม์แลปส์ในโหมดกลางคืนบนขาตั้งเพื่อเก็บบันทึกการเคลื่อนไหวที่สวยงามตระการตาได้ด้วย ทีนี้ถ้าอยากจะถ่ายภาพยนตร์ทิ้งไว้ทั้งคืนก็ทำได้เลย
• กล้อง TrueDepth ไม่มีคำว่าดึกเกินไปสำหรับการเซลฟี่ในโหมดกลางคืน เมื่อโหมดกลางคืนมาอยู่ในกล้องหน้า คุณจึงถ่ายอะไร ๆ ที่คุณชอบอย่างตัวคุณเองในสภาวะแสงน้อยได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดด้วยสีสันที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้กล้อง TrueDepth ยังมาพร้อม Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 3 และการบันทึกแบบ Dolby Vision ด้วย คราวนี้ไม่ว่าจะสภาพแสงไหน คุณก็จะดูดีที่สุด
• จอภาพ Super Retina XDR จักรวาลแห่งพิกเซล จอภาพที่สว่างที่สุดของเราจะดียิ่งกว่าเดิมได้อย่างไร คำตอบก็คือทำให้ใหญ่ขึ้นอีกสิ โดยดีไซน์ใหม่ที่มีขอบแบนเรียบและ OLED แบบเฉพาะที่ยืดหยุ่น ทำให้เราสามารถขยายสีสัน ความสว่าง และคอนทราสต์อันน่าทึ่งของหน้าจอไปได้จนถึงสุดขอบ
• อุปกรณ์เสริม MagSafe อะไร ๆ ก็คลิกไปซะหมด
• ดึงดูดซึ่งกันและกันทันที แต่ละชิ้นส่วนจะติดเข้าด้วยกันด้วยแม่เหล็กได้อย่างมหัศจรรย์
• ซ้อนปุ๊บ ก็ไปได้ปั๊บ ติดเข้ากับเคส กระเป๋าสตางค์ หรือทั้งคู่ได้เลย (และไม่ต้องห่วง เพราะกระเป๋าสตางค์ยังมีการป้องกันเพื่อความปลอดภัยสำหรับบัตรเครดิตอีกด้วย)
• พลังชาร์จติดเทอร์โบ แม่เหล็กจะประกบเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบทุกครั้งเพื่อการชาร์จแบบไร้สายที่เร็วยิ่งขึ้น
• ระบบไร้สายเร็วขึ้นวันนี้เร็วติดเทอร์โบเร็ว ๆ นี้ iPhone 12 Pro มี LTE ความเร็วสูงสุด 2Gbps คุณจึงดาวน์โหลดไฟล์ใหญ่ ๆ อัพโหลดรูปภาพ และสตรีมวิดีโอคุณภาพสูงได้รวดเร็วยิ่งกว่าที่เคย และยังรองรับย่านความถี่มากที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟน สูงสุดถึง 32 ย่านสำหรับ LTE และ 20 ย่านสำหรับ 5G5 ซึ่งแน่นอนว่าพร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมสำหรับ 5G ที่เร็วสุดแรง
• iOS 14 คุณสมบัติที่ใช่ พร้อมใช้เสมอ มาพร้อมทางลัดมากมายที่จะช่วยให้คุณได้ใช้สิ่งที่ต้องการ ในเวลาที่คุณต้องการ
• เราลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ ด้วยการคิดนอกกรอบให้กับสิ่งที่อยู่ในกล่อง iPhone 12 Pro สามารถใช้กับอะแดปเตอร์แปลงไฟ, EarPods และสาย USB‑A เป็น Lightning ที่มีอยู่เดิมได้ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้มีอยู่เกลื่อนโลกของเราอยู่แล้วนับพันล้านชิ้น จนอุปกรณ์ชิ้นใหม่ ๆ ที่ออกมามักไม่ได้ถูกใช้งานด้วยซ้ำ เราจึงนำอุปกรณ์เหล่านี้ออกจากกล่องของผลิตภัณฑ์ iPhone ทั้งตระกูล โดยการกระทำเช่นนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
รวมถึงหลีกเลี่ยงการทำเหมืองแร่และการใช้วัสดุอันมีค่า อีกทั้งยังทำให้บรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็กลง ปริมาณของกล่องต่อรอบการจัดส่งมากขึ้น และนั่นหมายถึงรอบการจัดส่งโดยรวมที่น้อยลงกว่าเดิม และยิ่งไปกว่านั้นเรายังให้พันธมิตรด้านการผลิตของเราเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนอีกด้วย ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ทำให้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 2 ล้านเมตริกตันต่อปีเลยทีเดียว
คุณสามารถใช้สาย USB‑A เป็น Lightning เพื่อชาร์จ iPhone เครื่องใหม่ของคุณต่อไปได้ หรือใช้ประโยชน์จากการชาร์จแบบเร็วด้วยสาย USB‑C เป็น Lightning ที่มีมาให้แล้วในกล่อง ซึ่งสามารถใช้กับอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB‑C ที่มีอยู่เดิมและพอร์ตของคอมพิวเตอร์ได้
[iphone-price]
[mobile-price]
Leave a Reply