รีวิว realme 3 จอใหญ่ 6.2 นิ้ว แบตอึด 4230 mAh ขุมพลัง Helio P60 กล้องหลังคู่ AI บอดี้ไล่เฉดงดงาม ราคาถูกโดนใจ!
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทยสำหรับ realme 3 ภายใต้สโลแกน “Power Your Style” ชูจุดเด่นที่หน้าจอขนาดใหญ่กว้างเต็มตา 6.2 นิ้ว ดีไซน์รอยบากทรงหยดน้ำ ใช้งานลื่นไหลด้วยขุมพลัง Helio P60 ผสานระบบ AI สุดอัจฉริยะ มีหน่วยความจำแรม 4GB คู่ความจุ 64GB รองรับ microSD Card สูงสุดถึง 256GB
realme 3 รันบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 บนพื้นฐาน Android Pie ตัวเครื่องไล่เฉดงดงามแบบ Gradient Unibody Design แบตเตอรี่ให้มาจุใจ 4230 mAh พร้อมระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ AI Power Master และเทคโนโลยีใหม่ Battery Optimization สามารถเพิ่มการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้นด้วยการปรับลดความละเอียดหน้าจอ
ด้านหลังติดตั้งกล้องเลนส์คู่ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Chroma Boost รูปคมชัดขึ้นในหนึ่งช็อต และ Nightscape โหมดถ่ายภาพกลางคืนหรือช่วงแสงน้อย ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมระบบ AI Beauty ตรวจจับมากกว่า 296 จุดบนใบหน้าเพื่อภาพที่สวยงามที่สุด รวมถึงสเปคการใช้งานอื่นๆ ที่ครบครัน ที่เรียกได้ว่าให้มาแบบคุ้มค่าคุ้มราคาทีเดียว
ล่าสุด realme 3 รุ่นความจุ 4GB + 64GB ได้ปรับลดราคาใหม่เหลือเพียง 4,990 บาท จากปกติ 5,990 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Dynamic Black และ Radiant Blue หากเพื่อนๆ ท่านใดสนใจสามารถเป็นเจ้าของได้ที่ BaNANA, BKK Tablet Smartphone, Cyborg KONG, KingKongPhone, Team Tablet/Smartphone, MAXLINK, IBIZ, CSC และร้านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษร่วมกับ TrueMove H ให้เป็นเจ้าของในราคาถูกที่สุดด้วยส่วนลดกว่า 4,500 บาท ค่าเครื่องเริ่มต้นเพียง 1,490 บาท (เครื่องเปล่าราคา 4,990 บาท) เมื่อสมัครแพ็กเกจรายเดือน 699 บาท ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 1,500 บาท ระยะสัญญา 12 เดือน ตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Dynamic Black, Radiant Blue และ Classic Black ซึ่งตัวเครื่องสี Classic Black (4GB + 64GB) วางจำหน่ายแบบ Exclusive เฉพาะที่ True Shop เท่านั้นนะคะ
สำหรับวันนี้ทาง ninethaiphone มีรีวิว realme 3 ตัวเครื่องสี Radiant Blue มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน ซึ่งตัวเครื่องมีการไล่เฉดสีฟ้าไปยังสีเขียวผสมผสานกันอย่างลงตัวสวยงามเกินราคา พูดแล้วอย่ารอช้า เราไปชมรายละเอียดรีวิวทั้งหมดกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค realme 3
Features | realme 3 |
วันเปิดตัว : | – มีนาคม 2562 |
ราคา : | – 4,990.- (ณ วันที่ 26 ก.ค. 62) |
OS : | – Android 9.0 (Pie) ครอบทับ ColorOS 6 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS LCD |
– ขนาด 6.2 นิ้ว | |
– ความละเอียด 720×1520 พิกเซล (HD+) | |
– อัตราส่วน 19:9 | |
– กันรอย Corning Gorilla Glass 3 | |
– Multitouch | |
CPU : | – Helio P60 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.0GHz |
GPU : | – Mali-G72 MP3 |
RAM : | – 4GB |
ROM : | – 64GB |
– microSD Card สูงสุด 256GB | |
กล้องหลัง : | – 13MP + 2MP |
– ค่ารูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 | |
– เซ็นเซอร์ CMOS | |
– LED flash | |
– HDR | |
– PDAF | |
กล้องหน้า : | – 13MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– HDR | |
Video : | – 1080p@30fps |
Battery : | – 4230 mAh พร้อม AI Management |
ขนาด : | – 156.1×75.6×8.3 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก : | – 175 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 b/g/n 2.4G |
– Bluetooth 4.2 | |
– microUSB 2.0 | |
– OTG | |
– 3.5mm jack | |
GPS : | – GPRS |
– A-GPS | |
– GLONASS | |
– HSPA+ | |
Sensor : | – Fingerprint |
– Face Unlock | |
– Accelerometer | |
– Proximity | |
– Compass | |
– Light Sensor | |
– Gyroscope | |
– Geomagnatic | |
สี : | – Dynamic Black |
– Radiant Blue | |
– Classic Black (จำหน่ายเฉพาะที่ True Shop) |
แกะกล่อง realme 3
realme 3 บรรจุมาในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดโทนสีเทา หน้ากล่องระบุหมายเลข “3” สีเหลืองตัวโตๆ ตรงกลางกล่อง ถัดมาด้านล่างเป็นชื่อแบรนด์ realme สีเหลืองเช่นเดียวกัน
ข้างกล่องระบุชื่อรุ่นไว้เด่นชัด
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– realme 3 ตัวเครื่องสี Radiant Blue
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ (5V2A)
– สาย micro USB
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
– ใบรับประกันสินค้า
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด (Ejection pin)
– ฟิล์มกันรอยแบบใส (ติดมาแล้วกับตัวเครื่อง)
– เคสกันรอยซิลิโคนแบบใส
สำหรับ Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ของ realme 3 ครั้งนี้สกรีนชื่อแบรนด์ realme ไว้อย่างชัดเจน รองรับการชาร์จ 5V2A
ตัวเครื่องเมื่อสวมใส่เคส ด้านล่างมีฝาปิดบริเวณช่อง micro USB เพื่อป้องกันฝุ่นเข้าด้วยค่ะ
ทำความรู้จัก realme 3
ด้านหน้า realme 3 มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 สัดส่วนพื้นที่แสดงผลมากถึง 88.30% กรอบเล็กเพียง 2.05 มิลลิเมตร ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3 หน้าจอมีขนาดใหญ่เต็มตา สามารถรับชมคอนเท้นต์ต่างๆ ได้อย่างครบรส ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง เล่นเกม หรือท่องอินเทอร์เน็ต
ด้านหน้าส่วนบน มาพร้อมดีไซน์รอยบากทรงหยดน้ำ (Dewdrop Screen) ซึ่งเป็นตำแหน่งติดตั้งของเลนส์กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสง f/2.0 Large Aperture จำนวน 5 ชิ้นเลนส์ และเซ็นเซอร์ต่างๆ
เหนือรอยบากมีช่องลำโพงสนทนา ส่วนฟิล์มกันรอยนั้นเป็นแบบใสติดมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม ขณะที่ปุ่ม Recent Apps จะไม่มีไอคอนค่ะ แต่ใช้งานด้วยการปัดพื้นที่ว่างๆ ทางขวาใกล้กับปุ่มโฮมขึ้น ส่วนขอบด้านล่างมีการเว้นว่างไว้เล็กน้อยไม่มีฟังก์ชันการใช้งานใดๆ
ด้านหลัง ตัวเครื่องรูปลักษณ์สวยงามถือจับกระชับมือดีไซน์พรีเมียม บอดี้ไล่เฉดสีใช้วัสดุกระจกสะท้อนเงา ติดตั้งกล้องหลังเลนส์คู่พร้อม LED flash ที่มุมบนซ้าย ถัดมาตรงกลางเครื่องเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ มีโลโก้แบรนด์ realme มุมซ้ายล่าง ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 156.1×75.6×8.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 175 กรัม โดย realme 3 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่
• Dynamic Black – ได้รับแรงบันดาลใจมาจากทางช้างเผือก การเปลี่ยนแปลงที่เหนือความคาดหมาย ดีไซน์เหนือชั้นส่องประกายดุจความงามของ Chameleon Effect
• Classic Black – สีดำสุดคลาสสิค ดูดี มีสไตล์
• Radiant Blue – ซึ่งเป็นตัวเครื่องสีที่เราหยิบมารีวิวในวันนี้นั่นเอง เป็นการผสมผสานระหว่างสีฟ้าและสีเขียวที่ถูกขนานนามว่าเป็นที่สุดแห่งสีสันของชีวิต ให้ผู้ใช้งานได้สนุกไปกับไลฟ์สไตล์ที่ไร้ขีดจำกัด ด้วยเทคโนโลยีการเคลือบแบบ NCVM ที่รังสรรค์ให้เกิดเฉดสีที่น่าหลงใหล
ด้านหลังส่วนบน ประกอบด้วย กล้องหลังเลนส์คู่ บนสุดเป็นเซ็นเซอร์หลักความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสง f/1.8 ซึ่งสังเกตเห็นด้วยว่ามีวงแหวนสีเหลืองทองล้อมรอบเลนส์กล้องอยู่ ในส่วนนี้เราเรียกกันว่า realme Ring ค่ะ ถัดมาเป็นเลนส์รอง (Depth Sensor) ความละเอียด 2MP ค่ารูรับแสง f/2.4 รองรับ PDAF, ระบบ AI และไฟแฟลช LED ส่วนตรงกลางเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยมีกรอบสแตนเลสสีเงินล้อมรอบด้วย
กรอบเลนส์กล้องนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเพียงเล็กน้อยค่ะ
ด้านหลังส่วนล่าง พบเพียงโลโก้แบรนด์ realme สกรีนสีเงินสะท้อนแสง
โดยสีตัวเครื่องในบริเวณนี้จะเป็นเฉดที่อ่อนลงมาค่ะ
ด้านบนตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มกดการใช้งานใดๆ
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ลำโพงเสียง, ช่องเสียบพอร์ต micro USB, รูไมโครโฟน 2 ตัว แบบ CNC Drilled Holes และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านซ้ายตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องใส่ซิมการ์ด และปุ่มปรับระดับเพิ่ม-ลดเสียง
โดยช่องใส่ซิมการ์ดนั้นจะอยู่เหนือปุ่มปรับระดับเสียงค่ะ
realme 3 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot โดยรองรับ 2 ซิมการ์ด (Nano SIM) และ microSD Card ที่รองรับสูงสุด 256GB ได้ภายในถาดเดียว โดยไม่ต้องเลือกใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ รูปแบบจำนวน 3 ช่อง คือ SIM + SIM + microSD Card
ด้านขวาตัวเครื่อง มีแค่เพียงปุ่มพาวเวอร์ สำหรับเปิด-ปิดการใช้งานตัวเครื่อง
การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ด้านข้างตัวเครื่องค่ะ
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ realme 3 ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Helio P60 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.0GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Mali-G72 MP3 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 เวอร์ชันล่าสุด บนพื้นฐาน Android 9.0 (Pie) เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 132300 คะแนน ซึ่งทำคะแนนได้มากกว่า realme 2 Pro (คลิกชมรีวิว) และ realme C1 (คลิกชมรีวิว) ที่เราได้รีวิวให้ชมกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียวค่ะ
สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ realme 3 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล RMX1821 ภายใต้แบรนด์ realme, รันระบบปฏิบัติการ Android 9.0, ใช้ชิปเซ็ต Helio P60 แบบ 8 คอร์, GPU Mali-G72 MP3, หน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด 1520×720 พิกเซล, กล้องหลัง 13.1MP, กล้องหน้า 13.1MP, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 1945MB และความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 45.07GB เป็นต้น
สำหรับคอเกมทาง realme มีตัวช่วยดีๆ ระหว่างเล่นเกมด้วยฟังก์ชัน Game Space เราสามารถกำหนดค่าโหมดประสิทธิภาพแบบต่างๆ หรือตั้งค่าห้ามรบกวนขณะเล่นเกมได้แบบท็อปฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นการเร่งความเร็วกราฟิก ปรับแต่งเกมให้ราบรื่น และปิดกั้นการรบกวนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายเรียกเข้าหรือข้อความ ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมดียิ่งกว่าที่เคย นอกจากนี้ระหว่างเล่นเกมเรายังสามารถแคปหน้าจอ บันทึกวิดีโอหน้าจอ และตอบข้อความอื่นๆ ได้อีกด้วย
และเมื่อนำเครื่อง realme 3 มาทดสอบเล่นเกม PUBG MOBILE โดยปรับความละเอียดและเฟรมเรทอยู่ที่ระดับปานกลาง พบว่าตัวเครื่องเล่นเกมได้ลื่นไหลดี ไม่มีอาการกระตุก หน้าจอมีขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น
ขณะที่เกม RoV ก็ทำได้ลื่นไหลเช่นเดียวกัน ระหว่างเล่นไม่มีอาการกระตุกหรือค้าง เล่นได้แบบเพลินๆ เลย
และด้วยการที่ realme 3 มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ทำให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างเพลิดเพลิน ระบบทัชสกรีนลื่น เสียงดังคมชัด เต็มทุกอรรถรส ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ก็ไม่ต้องพูดถึง ให้ความจุมาที่ 4230 mAh ใช้งานกันแบบยาวๆ ซึ่งหลังจากที่ได้ลองเล่นเกม PUBG MOBILE สักระยะหนึ่ง พบว่าแบตเตอรี่ลดลงน้อยมาก ยังสามารถใช้งานอื่นๆ ได้อีกต่อเนื่อง ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว
Interface
หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน และเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนมุมขวาขึ้นค่ะ
หลังปลดล็อกหน้าจอจะพาเข้าสู่หน้า Home screen โดยมีมาให้จำนวน 2 หน้า และสามารถเพิ่มหน้าใช้งานได้ภายหลัง สำหรับแอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องถูกจัดวางเป็นระเบียบไม่รก รองรับการใช้งานครบครัน หากปัดหน้าจอซ้ายไปทางขวามือจะพาเข้าสู่หน้าผู้ช่วยอัจฉริยะ Smart Assistant สามารถใช้ฟังก์ชันที่ใช้บ่อยๆ ได้โดยการแตะเพียงครั้งเดียว และดูข้อมูลสำคัญอย่างรวดเร็วในขั้นตอนเดียว
หากปัดหน้าจอด้านล่างขึ้นจะเข้าสู่เมนูแอปฯ การใช้งานทั้งหมดภายในเครื่อง สามารถลบแอปฯ ออกได้ด้วยการกดค้างไปที่แอปฯ นั้นๆ แล้วจะปรากฏเมนูลบขึ้นมาค่ะ
เมื่อกดค้างไปที่หน้าจอ ในส่วนนี้เราสามารถปรับแต่งวิดเจ็ตได้เอง รวมถึงเปลี่ยนภาพพื้นหลัง และตั้งค่าการใช้งานหน้าจออื่นๆ ได้
ศูนย์รวมแอปฯ Google มีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแผนที่, Google Chrome, Gmail, Play Music หรือ YouTube เป็นต้น ขณะที่โหมดเครื่องมือการใช้งานก็มีมาให้แบบครบครัน เริ่มต้นที่ เครื่องบันทึกเสียง
เข็มทิศ, การโคลนโทรศัพท์ที่สามารถย้ายข้อมูลทั้งหมดที่มีในเครื่องเก่าไปยังมือถือเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
เครื่องคิดเลข มีฟังก์ชันแปลงสกุลเงิน และการแปลงค่าต่างๆ อาทิ น้ำหนัก, อุณหภูมิ, ความเร็ว, พลังงาน และแรงดัน เป็นต้น
วิทยุ FM, แอปฯ วัดสภาพอากาศ, ปฏิทิน
นาฬิกาปลุก, เมนูหน้าโทรศัพท์, การรับส่งข้อความ
สามารถดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่มเติมได้ที่ Google Play หรือใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ Opera นอกจากนี้ยังสามารถจัดการไฟล์ต่างๆ ภายในเครื่องได้อีกด้วย
สำหรับ Phone Manager หรือตัวจัดการโทรศัพท์ เป็นตัวช่วยจัดการไฟล์ต่างๆ บนสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำรองข้อมูล สแกนไวรัส ทำความสะอาดไฟล์ขยะในเครื่อง และคืนค่าได้อย่างสะดวกสบาย
Game Space ตัวช่วยดีๆ สำหรับคอเกม โดยสามารถตั้งค่าโหมดประสิทธิภาพแบบต่างๆ ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินไปกับเกมสุดโปรด
อาทิ ปิดแจ้งเตือน, กั้นการรบกวนต่างๆ, เร่งความเร็วกราฟิก, ค่าโหมดสมดุล, ใช้พลังงานต่ำ, เพิ่มประสิทธิภาพสูง และปิดการปรับแสงสว่างแบบอัตโนมัติ เป็นต้น
O Roaming การใช้บริการข้ามเครือข่าย เมื่อเรานำสมาร์ทโฟนไปใช้งานนอกพื้นที่ ทั้งในและนอกประเทศ ถัดมาเป็น iReader แหล่งรวมสำหรับคนรักหนังสือ ส่วนการแจ้งเตือนดูได้ง่ายๆ ด้วยการเลื่อนหน้าจอด้านบนลงค่ะ
เมนูการตั้งค่าต่างๆ ภายในตัวเครื่อง
สามารถปรับตั้งค่าตัวกรองแสงสีฟ้าได้ที่โหมดการปกป้องในเวลากลางคืน เพื่อถนอมสายตาระหว่างใช้งานยามค่ำคืน โดยหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล และเลือกปรับอุณหภูมิความเข้มของโทนสีเหลืองได้ โดยตั้งเป็นกำหนดเวลา หรือเปิดใช้งานทันที นอกจากนี้ยังสามารถเปิด-ปิดการแสดงผลช่วงรอยบากได้เองอีกด้วย
รองรับเทคโนโลยี Real Original Sound ระบบเสียงคุณภาพดี นอกจากนี้เมื่อกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์หรือปุ่มโฮมจะปรากฏฟังก์ชัน Google Assistant หรือผู้ช่วยอัจฉริยะขึ้นมาค่ะ
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ realme 3 รองรับทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง และระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า
สำหรับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการลงทะเบียนระบบการจดจำด้วยใบหน้า ควรถือเครื่องสมาร์ทโฟนให้ห่างจากใบหน้าราว 20-50 ซม. และควรหลีกเลี่ยงการบันทึกใบหน้าในที่ที่มีแสงสว่างมากเกินไป
มีตัวช่วยด้านความสะดวกสบายแบบชาญฉลาด อาทิ ปุ่มการนำทาง : นำทางด้วยปุ่มเสมือน หรือลากนิ้วขึ้น, ผู้ช่วยขับรถ : การเชื่อมต่อ Bluetooth ในรถแบบอัตโนมัติ, ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ระหว่างขับรถ, ลูกบอลช่วยเหลือ : ลักษณะจะคล้ายกับปุ่ม Assistive Touch ของ iPhone ใช้งานด้วยการแตะ ยกตัวอย่างเช่น แตะ 1 ครั้ง เพื่อย้อนกลับ หรือแตะค้างเพื่อไปยังหน้าจอหลัก เป็นต้น
รองรับโหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ โดยระบบจะปิดแอปฯ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อหยุดการทำงานอันเป็นเหตุให้แบตเตอรี่หมดอย่างรวดเร็ว, มีการลดความสว่างของหน้าจอลง, ปิดการสั่นสะเทือนเมื่อแตะไปที่ไอคอนต่างๆ และมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ Screen Battery Optimization ที่สามารถเพิ่มการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้นด้วยการปรับลดความละเอียดหน้าจอได้ตามต้องการ โดย Balance Mode เพิ่ม 5% และ High Energy Efficiency Mode อีก 10%
หน้าเก็บข้อมูลทั้งหมดในเครื่อง, หน้าอัพเดทเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ๆ และหน้าแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสมาร์ทโฟน
รองรับการโคลนแอปฯ ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานแอปฯ แชทได้พร้อมกัน 2 บัญชี ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการล็อกอินหลายบัญชีค่ะ
สำหรับการใช้งานฟังก์ชัน Split Screen สามารถเข้าถึงได้หลากหลายวิธี อาทิ การลาก 3 นิ้วขึ้นด้านบนเพื่อเปิดการใช้งาน หรือการกดค้างไปที่ปุ่ม Recent Apps เพื่อเข้าสู่โหมดแบ่งหน้าจอในแอปฯ ที่รองรับ เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Split Screen
นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายโอนไฟล์ภาพและไฟล์วิดีโอได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเสียบสาย USB เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ และปิด-เปิดเครื่องด้วยการกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่อง
การใช้งาน YouTube บนหน้าจอมีแถบการใช้งานที่เรียกว่า Smart Side Bar ซ่อนอยู่ด้านซ้ายของจอแสดงผล ได้แก่ การแจ้งเตือนข้อความ, การกดบันทึกหน้าจอ, การแคปภาพหน้าจอ, การปิดแจ้งเตือนต่างๆ และใช้งานแอปฯ โซเชียลมีเดีย
การรับชมวิดีโอบน YouTube สามารถใช้นิ้วกางหรือบีบเข้าเพื่อปรับภาพให้มีขนาดที่พอดีกับหน้าจอได้ค่ะ
ภาพมาตรฐานบน YouTube ยังดูได้ไม่เต็มจอ เหลือขอบสีดำด้านข้างอยู่
เราสามารถซูมเข้าเพื่อขยายจนเต็มหน้าจอได้ค่ะ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้า โดยกล้องหน้าของ realme 3 มาพร้อมความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสง f/2.0 Large Aperture จำนวน 5 ชิ้นเลนส์ ผสานการทำงานกับระบบ AI เราไปดูโหมดการใช้งานกล้องหน้าทั้งหมดของ realme 3 กันเลยค่ะ ได้แก่ โหมดถ่ายวิดีโอ ที่รองรับทั้งการบันทึกวิดีโอความละเอียดตั้งแต่ระดับ HD กับระดับสูงสุด Full HD, ถ่ายวิดีโอแบบย่นเวลา หรือถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse และถ่ายภาพพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง พร้อมรองรับโหมดฟิลเตอร์สีด้วยค่ะ
ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพออโต้ปกติ รองรับการถ่ายภาพ AI Beauty ตรวจจับมากกว่า 296 จุดบนใบหน้า ช่วยปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้สวยงามเป็นธรรมชาติ มีให้เลือกปรับทั้ง ใบหน้าสวยเนียน, ใบหน้าเรียว, ใบหน้าเล็ก, ปรับรูปคาง, ปรับดวงตาให้กลมโต, ปรับรูปทรงจมูก, การเก็บรายละเอียดโดยรวม และการสร้างมิติภาพให้โดดเด่น โดยโหมด AI Beauty เราสามารถเลือกปรับได้ 100 ระดับ หรือจะรีเซ็ตตั้งค่าให้ระบบ AI ปรับแต่งแบบอัตโนมัติเลยก็ได้ โดยจะสังเกตเห็นได้ที่จุดวงกลมเล็กๆ
ด้านบนมีฟิลเตอร์สี รองรับการถ่ายภาพ HDR ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพบุคคล การถ่ายภาพ Bokeh หน้าชัดหลังเบลอ ที่รองรับ AI Beauty ด้วยเช่นกัน
ลำดับถัดไปเรามาชมโหมดถ่ายภาพของกล้องหลัง โดยกล้องหลังของ realme 3 มีความละเอียด 13MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 พร้อม LED flash รองรับ PDAF Fast Focusing, Bokeh Effect, Multi-frame NR, Hybrid HDR, AI Scenes และ Recognition
เริ่มกันที่ โหมดถ่ายวิดีโอ ที่รองรับทั้งการบันทึกวิดีโอความละเอียดตั้งแต่ระดับ HD กับระดับสูงสุด Full HD, ถ่ายภาพพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง, โหมดผู้เชี่ยวชาญ สามารถปรับตั้งค่า White Balance, การควบคุมค่าแสง, ตั้งค่าขนาดรูรับแสง, ความไวชัตเตอร์ และ Auto Focus ได้เอง
โหมดถ่ายวิดีโอ Time Lapse, โหมดถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่น และโหมดถ่ายภาพออโต้ปกติ รองรับการถ่ายภาพ Chroma Boost รูปคมชัดขึ้นในหนึ่งช็อต สำหรับการถ่ายแบบ HDR ขั้นสุดเพิ่มความสดให้ภาพถ่าย พร้อมฟิลเตอร์สีต่างๆ และมีอีกโหมดหนึ่งคือ Nightscape ถ่ายภาพทัศนียภาพยามค่ำคืนออกมาได้สวยคมชัด ซึ่งตอนนี้ realme 3 ยังไม่ได้รับการอัปเดตโหมดนี้ แต่จะมีในเวอร์ชันต่อไปแน่นอนค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Chroma Boost
รองรับการถ่ายภาพ AI Beauty ช่วยปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้สวยงามเป็นธรรมชาติ มีให้เลือกปรับทั้ง ใบหน้าสวยเนียน, ใบหน้าเรียว, ใบหน้าเล็ก, ปรับรูปคาง, ปรับดวงตาให้กลมโต, ปรับรูปทรงจมูก, การเก็บรายละเอียดโดยรวม และการสร้างมิติภาพให้โดดเด่นเช่นเดียวกัน ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพบุคคลหน้าชัดหลังเบลอ
กล้องถ่ายภาพระบบ AI ฉลาด สามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เรากำลังถ่ายนั้นคืออะไร
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก realme 3
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก realme 3
สำหรับกล้องหน้าของ realme 3 มีความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสง f/2.0 มาพร้อมระบบปรับผิวสวยเนียนทันใจด้วย AI Beauty ช่วยปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้สวยงามเป็นธรรมชาติตามต้องการ มีให้เลือกปรับทั้ง ใบหน้าสวยเนียน, ใบหน้าเรียว, ใบหน้าเล็ก, ปรับรูปคาง, ปรับดวงตาให้กลมโต, ปรับรูปทรงจมูก, การเก็บรายละเอียดโดยรวม และการสร้างมิติภาพให้โดดเด่น โดยสามารถเลือกปรับได้ 100 ระดับ หรือจะรีเซ็ตตั้งค่าให้ระบบ AI ปรับแต่งแบบอัตโนมัติเลยก็ได้ โดยจะสังเกตเห็นได้ที่จุดวงกลมเล็กๆ นั่นเองค่ะ
ถ่ายภาพปกติไม่ปรับแต่ง > ถ่ายภาพ Beauty ระบบ AI > โหมดถ่ายภาพบุคคล
สำหรับผลลัพธ์ที่ได้ภาพเซลฟี่สวยคมชัด ภาพถ่ายปกติที่ไม่ปรับแต่งก็ทำออกมาได้ดี เห็นรายละเอียดทุกส่วนชัดเป็นธรรมชาติ เมื่อกดถ่ายภาพโหมด Beauty ด้วยระบบ AI ถือเป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเซลฟี่ ได้ภาพสวยเนียนทันใจ เห็นรายละเอียดเส้นผมและเสื้อผ้าคมชัด ระบบโฟกัสทำงานได้ไว โหมดถ่ายภาพบุคคลให้ภาพหน้าชัดหลังละลายที่นวลทีเดียวค่ะ
สรุป
• หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 สัดส่วนพื้นที่แสดงผลอยู่ที่ 88.30% กรอบเล็กเพียง 2.05 มิลลิเมตร ด้านบนมีรอยบากดีไซน์หยดน้ำ (Dewdrop Screen) พร้อมกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3
• การใช้งานลื่นไหลด้วยขุมพลัง Helio P60 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.0GHz พร้อมระบบ AI ที่อัจฉริยะ ประสิทธิภาพการใช้งานดี เล่นเกมได้ไหลลื่น มีหน่วยความจำแรม 4GB จับคู่ความจุ 64GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256GB
• ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด บนพื้นฐาน Android Pie ระบบปรับโฉมใหม่ สวยสะดุดตากว่าเดิม มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย พร้อม Boundless Desigh รูปโฉมสวยงามขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น, Penetrating Color, Native Android Operation Experience และ Omni-Upgraded รวมถึงการสลับแอปฯ ที่รวดเร็วด้วย
• มีตัวเครื่องให้เลือก 3 สี ได้แก่ Dynamic Black, Classic Black และ Radiant Blue ซึ่งแต่ละสีจะมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป เมื่อแสงตกกระทบตัวเครื่องต้องบอกเลยว่าสวยมากๆ ค่ะ
• แบตเตอรี่ใช้งานได้นานความจุ 4230 mAh มาพร้อมระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ AI Power Master และเทคโนโลยีใหม่ Battery Optimization ที่สามารถเพิ่มการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้น ด้วยการปรับลดความละเอียดหน้าจอได้ตามต้องการ โดย Balance Mode เพิ่ม 5% และ High Energy Efficiency Mode อีก 10% และรองรับการชาร์จ 5V2A
• กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 13MP + 2MP เลนส์ 5P ค่ารูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 มาพร้อมโหมด Nightscape ถ่ายภาพดีเยี่ยมในช่วงเวลากลางคืน หรือช่วงแสงน้อย ภาพที่ได้ไม่สั่น ลด Noise ของภาพได้ดี ทั้งยังให้ความละเอียดที่มากกว่า ถือได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนราคาไม่ถึงหมื่นที่มาพร้อมโหมดถ่ายภาพกลางคืนเลยก็ว่าได้นอกจากนี้ยังมีโหมด Chroma Boost สำหรับการถ่ายแบบ HDR เพิ่มความสดของสีภาพ และพัฒนา Dynamic Range เพื่อปรับความสมดุลของแสงภาพให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีโหมด Portrait อีกด้วย
• โหมดบันทึกวิดีโอรองรับที่ความละเอียดระดับ HD กับ Full HD และมีโหมดสโลว์โมชั่นที่ระดับ HD
• กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อม AI Beauty ปรับตั้งค่าความสวยต่างๆ ได้อย่างจุใจ ระบบโฟกัสจับใบหน้าไว
• มี Moto Ride Mode เอาใจเหล่านักขับขี่
ข้อสังเกต
– หน้าจอส่วนล่างเหลือพื้นที่ไว้เล็กน้อย น่าจะทำให้จรดขอบไปเลย
– ยังมีบางแอปฯ ที่ไม่สามารถใช้งานร่วมกับหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ (Dewdrop Screen) ได้ค่ะ
– ตัวเครื่องไม่กันน้ำ และยังคงใช้พอร์ต Micro USB
– ช่วงที่ได้เครื่องมาทดลองใช้งาน กล้องยังไม่อัปเดตโหมด Nightscape
– ตัวเครื่องสี Classic Black วางจำหน่ายแบบ Exclusive เฉพาะที่ True Shop เท่านั้น
– จำหน่ายผ่าน LAZADA ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Dynamic Black และ Radiant Blue
– รุ่น RAM 3GB + ROM 32GB วางจำหน่ายแบบ Exclusive เฉพาะที่ LAZADA เท่านั้น
– เปิดราคามาได้แบบโดนใจสุดๆ เมื่อเทียบกับสเปคการใช้งานที่ให้มา ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้าม ทั้งยังมีโปรโมชั่นร่วมกับ True ได้เป็นเจ้าของเครื่องในราคาที่ถูกขึ้นพร้อมเล่นเน็ต 4G แบบลื่นๆ
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Xiaomi Redmi Note 7
– Huawei Y9 2019
– Realme 2 Pro
– OPPO A7
– vivo Y91
– Samsung Galaxy A30
– Honor 10 Lite
– Asus ZenFone Max (M2)
– Honor 8X
– Samsung Galaxy J6+
ขอขอบคุณ บริษัท Realme Thailand
Written by : Nan Kanyarat Thongpeng
[realme-price]
[mobile-price]
Leave a Reply