รีวิว OPPO A7 จอใหญ่ 6.2 นิ้ว ดีไซน์รอยบาก Waterdrop แบตจุใจ 4230 mAh ขุมพลัง Snapdragon 450 แรม 4GB บอดี้ฝาหลังสุดงาม ในราคาสบายกระเป๋า!
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ ก็เปิดตัวพร้อมกับวางจำหน่ายไปสักพักแล้วในประเทศไทย สำหรับ OPPO A7 สมาร์ทโฟนน้องใหม่จากตระกูล A Series โดยมาพร้อมตัวเครื่อง 2 สีใหม่ ได้แก่ Glaring Gold สีทองสไตล์เรียบหรู สง่างาม และ Glaze Blue สีน้ำเงินเข้มอมเขียว ดูสุขุม มีเสน่ห์ น่าค้นหา ดีไซน์ฝาหลังกระจกดูดีมีระดับสุดพรีเมียม ลวดลายเป็นเส้นตรงแนวตั้งมีเอกลักษณ์เล่นกับมิติของแสงเวลาที่แสงตกกระทบ
OPPO A7 โดดเด่นด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่เต็มตา 6.2 นิ้ว มีรอยบากดีไซน์หยดน้ำ Waterdrop Screen สัดส่วนพื้นที่การแสดงผลมากถึง 88.4% ใช้งานลื่นไหลด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 450 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.8GHz มีหน่วยความจำแรม 4GB คู่ความจุ 64GB ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Color OS 5.2 บนพื้นฐาน Android 8.1 Oreo ที่รองรับ Google Assistant, Multitasking, Video Editing, Google Lens, Music on Display และ O-Roaming
ถ่ายภาพสวยด้วยกล้องหลังเลนส์คู่ 13MP + 2MP พร้อม AI มีกรอบสีทองครอบเลนส์กล้องดูหรูหรา ขณะที่กล้องเซลฟี่คมชัดขึ้นถึง 16MP พร้อม AI Beauty 2.1 และ AR Sticker รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ได้พร้อมกับ microSD Card สูงสุด 256GB รองรับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าอันฉับไว และแบตเตอรี่สุดอึด 4230 mAh สามารถใช้งานได้ยาวนาน พร้อมระบบประหยัดพลังงานอันทรงประสิทธิภาพอย่าง AI Battery ที่คอยจัดการกับแอปฯ ที่ค้างการใช้งานอยู่เบื้องหลัง และไฟล์ขยะต่างๆ
OPPO A7 มีราคาจำหน่ายเพียง 6,990 บาท โดยหาซื้อได้ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังจัดโปรโมชั่นสุดคุ้มต้อนรับปีใหม่ร่วมกับ AIS และ TrueMove H ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ในประเทศไทยด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
AIS
• ราคาพิเศษเพียง 3,990 บาท
• เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจ 4G+ FUN Plus Unlimited 599 บาท
• ชำระค่าบริการล่วงหน้า 1,000 บาท
• รับส่วนลดคืน 100 บาท นาน 10 เดือน
• ระยะเวลาโปรโมชั่น วันนี้ – 10 มกราคม 2562
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.hotdeal.ais.co.th
TrueMove H
• ราคาพิเศษเพียง 3,990 บาท
• เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจ 4G+ FUN Unlimited 599 บาทขึ้นไป
• ชำระค่าบริการล่วงหน้า 1,000 บาท
• รับส่วนลดคืน 100 บาท นาน 10 เดือน
• ระยะเวลาโปรโมชั่น วันนี้ – 15 มกราคม 2562
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://truemoveh.truecorp.co.th/device/detail
และในวันนี้ทาง ninethaiphone จะขอพาไปชมรีวิว OPPO A7 เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนที่จะซื้อกันค่ะ และหากเพื่อนๆ เห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ก็อย่าลืมกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงาน และบอกต่อเพื่อนๆ คนอื่นด้วยนะคะ ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้นเราไปติดตามกันเลย
ข้อมูลสเปค OPPO A7
Features | OPPO A7 |
วันเปิดตัว : | – พฤศจิกายน 2561 |
ราคา : | – 6,990.- (ณ วันที่ 22 ส.ค. 62) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 8.1 Oreo ครอบทับ Color OS 5.2 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS LCD |
– ขนาด 6.2 นิ้ว | |
– อัตราส่วน 19:9 | |
– ความละเอียด 1520×720 พิกเซล | |
– Corning Gorilla Glass 3 | |
CPU : | – Snapdragon 450 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.8GHz |
GPU : | – Adreno 506 |
RAM : | – 4GB |
ROM : | – 64GB |
– microSD Card สูงสุด 256GB | |
กล้องหลัง : | – 13MP + 2MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.2 และ f/2.4 | |
– LED Flash | |
– Auto Focus | |
– HDR | |
– Panorama | |
กล้องหน้า : | – 16MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– HDR | |
Video : | – 1080p@30fps |
Battery : | – 4230 mAh |
ขนาด : | – 155.9×75.4×8.1 มม. |
น้ำหนัก : | – 168 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM: 850/900/1800/1900MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/2100MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n 2.4GHz |
– Bluetooth 4.2 | |
– microUSB 2.0 | |
– OTG | |
GPS : | – A-GPS |
– GLONASS | |
– GALILEO | |
– BDS | |
Sensor : | – Fingerprint |
– Accelerometer | |
– Proximity | |
– E-Compass | |
– Light Sensor | |
– G-Sensor | |
สี : | – ทอง (Glaring Gold) |
– ฟ้า (Glaze Blue) |
แกะกล่อง OPPO A7
OPPO A7 บรรจุมาในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดโทนสีขาว หน้ากล่องมีโลโก้แบรนด์ OPPO ชื่อรุ่น A7 และภาพตัวเครื่องสีน้ำเงินเข้มอมเขียว (Glaze Blue) ปรากฏเด่นชัด เผยให้เห็นตัวเครื่องสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ กล้องหลังเลนส์คู่ มีสแกนลายนิ้วมือ และมีกรอบสีทองครอบไว้ดูหรูหรา
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– OPPO A7 ตัวเครื่องสีทอง (Glaring Gold)
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– สาย micro USB
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
– ใบรับประกันสินค้า
– เคสยางแบบใส
– ฟิล์มกันรอยแบบใส (ติดมาแล้วกับตัวเครื่อง)
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด (Ejection Pin)
ทำความรู้จัก OPPO A7
ด้านหน้า OPPO A7 ใช้หน้าจอ IPS LCD ดีไซน์ Waterdrop Screen ที่มาพร้อมรอยบากทรงหยดน้ำแบบใหม่ มีสัดส่วนพื้นที่การแสดงผลมากถึง 88.4% บนจอแสดงผลขนาดกว้างถึง 6.2 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 ความละเอียด 1520×720 พิกเซล (HD+) และป้องกันรอยขีดข่วนด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ผู้ใช้งานสามารถดูหนัง, ฟังเพลง, เล่นเกม หรือท่องอินเทอร์เน็ตได้แบบเต็มอรรถรสผ่านจอกว้างเต็มสายตา และหากสังเกตดีๆ บนหน้าจอจะมีขอบสีขาวเล็กๆ บริเวณฝั่งขวามือ ส่วนนี้เราเรียกกันว่า Smart Side Bar ค่ะ เดี๋ยวเราค่อยไปทำความรู้จักกันอีกครั้งในหัวข้อ Interface
ด้านหน้าส่วนบน ปรากฏรอยบากทรงหยดน้ำบริเวณกึ่งกลางหน้าจอด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ติดตั้งเลนส์กล้องหน้าสำหรับเซลฟี่
เหนือรอยบากเพียงเล็กน้อยเป็นลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ โดยกล้องหน้าของ OPPO A7 คมชัดด้วยความละเอียด 16MP มาพร้อม AI Beauty 2.1, AR Sticker และรองรับฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้าค่ะ
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ มีการเว้นขอบด้านล่างไว้เพียงเล็กน้อยแต่ไม่มีฟังก์ชันการใช้งานใดๆ
ด้านหลัง OPPO A7 ดีไซน์ฝาหลังใช้วัสดุกระจกดูดีมีระดับสุดพรีเมียม ลวดลายเป็นเส้นตรงมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นเล่นกับมิติของแสงเวลาที่แสงตกกระทบ ผิวสัมผัสฝาหลังเรียบเนียน มีขอบสีทองครอบเลนส์กล้องหลังคู่และไฟแฟลช พร้อมเคลือบตัวเครื่องด้วย Anti-reflective coating ทำให้ฝาหลังสว่างขึ้น 37%
โดยตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีทอง (Glaring Gold) เรียบหรู สง่างาม และสีน้ำเงินเข้ม (Glaze Blue) ให้ความรู้สึกสุขุม มีเสน่ห์ น่าค้นหา ตัวเครื่องถือใช้งานง่ายจับกระชับมือดี ซึ่งมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 155.9×75.4×8.1 มม. และมีน้ำหนัก 168 กรัม
ด้านหลังส่วนบน ติดตั้งกล้องเลนส์คู่ความละเอียด 13MP + 2MP พร้อมไฟแฟลช LED ครอบด้วยกรอบสีทองสุดหรูหรา ถัดลงมาตรงกลางเพียงเล็กน้อยคือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือขอบทอง
ด้านบนตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มกดหรือฟังก์ชันการใช้งานใดๆ
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ลำโพงเสียง, ช่องเสียบพอร์ต micro USB, รูไมโครโฟน และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านซ้ายตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องใส่ซิมการ์ด และปุ่มปรับระดับเพิ่ม-ลดเสียง
OPPO A7 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot โดยรองรับ 2 ซิมการ์ด (Nano SIM) และ microSD Card ที่รองรับสูงสุด 256GB ได้ภายในถาดเดียว โดยไม่ต้องเลือกใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ รูปแบบจำนวน 3 ช่อง คือ SIM + SIM + microSD Card
ด้านขวาตัวเครื่อง มีแค่เพียงปุ่มพาวเวอร์ สำหรับเปิด-ปิด, รีสตาร์ทการใช้งาน และล็อคตัวเครื่อง
การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ด้านข้างตัวเครื่อง
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ OPPO A7 ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 450 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.8GHz มีหน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 506 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Color OS 5.2 บนพื้นฐาน Android 8.1 Oreo เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 76623 คะแนน ซึ่งคะแนนใกล้เคียงกับของ OPPO A83 2018 16GB (คลิกชมรีวิว) และ Realme C1 (คลิกชมรีวิว) ที่เราได้รีวิวให้ชมกันไปแล้วก่อนหน้านี้
สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ OPPO A7 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล CPH1901, รันระบบปฏิบัติการ Android 8.1, ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 450, GPU Adreno 506, หน้าจอ 6.2 นิ้ว ความละเอียด 1520×720 พิกเซล, กล้องหลัง 13MP + 2MP, กล้องหน้า 5MP, แบตเตอรี่ 4230 mAh, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 1719MB และความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 46.52GB เป็นต้น
เมื่อทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile โดยเปิดใช้งาน Game Space และปรับเฟรมเรทกลาง พบว่า OPPO A7 สามารถเล่นเกม PUBG Mobile ได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน้าจอค้างหรือกระตุกมากวนใจ ระบบทัชสกรีนไหลลื่น ภาพกราฟิกสวย มุมมองแบบเต็มหน้าจอไร้ขอบ เล่นได้อย่างเต็มอรรถรสทั้งประสิทธิภาพความลื่นไหล ภาพกราฟิก ความคมชัด และระบบเสียง และด้วยการที่ OPPO A7 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ Waterdrop Screen ดีไซน์รอยบากทรงหยดน้ำ ทำให้จอแสดงผลนั้นใหญ่ขึ้น เล่นเกมได้แบบกว้างเต็มตา เห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
ส่วนประสิทธิภาพด้านแบตเตอรี่เราได้ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เริ่มต้นกันด้วยแบตเตอรี่ 95% จากนั้นพบว่าการเล่นเกมในระยะเวลาดังกล่าวแบตเตอรี่ของ OPPO A7 ลดเหลือ 80% ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว แบตเตอรี่ใช้งานได้นานต่อเนื่อง และตัวเครื่องไม่มีอาการร้อนแต่อย่างใด
สำหรับ Game Space เราสามารถปรับตั้งค่าการใช้งานได้เอง ทั้งการเร่งความเร็วกราฟิก, ปรับแต่งการเล่นเกมให้ราบรื่น, เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานแบตเตอรี่, ปิดการปรับแสงสว่างแบบอัตโนมัติ, ล็อคความสว่างหน้าจอ และปิดแจ้งเตือนกั้นการรบกวนต่างๆ ระหว่างเล่นเกม
ระหว่างเล่นเกมสามารถดึงแถบการใช้งานที่ซ่อนอยู่ข้างหน้าจอแสดงผลด้วยการปัดหน้าจอด้านซ้ายไปทางขวา จากนั้นก็จะมีแอปฯ มาให้เลือกใช้งาน เราสามารถตอบกลับข้อความหรือแชทต่างๆ ได้เลย โดยจะแสดงขึ้นเป็นหน้าต่างเล็กๆ ไม่กระทบกับเกมที่เรากำลังเล่น ซึ่งในส่วนนี้เราเรียกกันว่า Smart Side Bar นอกจากนี้ยังรองรับการแคปภาพหน้าจอ การบันทึกวิดีโอหน้าจอ ปิดกั้นการรบกวนต่างๆ ได้อีกด้วย
ด้านการชม YouTube ก็รองรับ Smart Side Bar เช่นเดียวกัน โดยสามารถตอบข้อความหรือแชทต่างๆ, การเข้าถึงโซเชียลมีเดีย, ไฟล์ในตัวเครื่อง, กล้องถ่ายภาพ, การแคปภาพหน้าจอ และการบันทึกวิดีโอหน้าจอได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มแอปฯ ที่ใช้งานบ่อยๆ ได้อีกด้วย
การใช้งาน YouTube สามารถกางหรือบีบนิ้วเพื่อปรับให้ภาพพอดีกับหน้าจอได้ค่ะ ซึ่งการขยายจนเต็มหน้าจอจะเป็นการซูมภาพเข้าจนไม่เหลือขอบด้านข้างและเห็นภาพได้ใกล้ตามากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดมาตรฐานจะยังคงเหลือขอบด้านข้างอยู่เพียงเล็กน้อย
Interface
หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน และเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนมุมขวาขึ้นค่ะ
หลังจากที่ปลดล็อกหน้าจอแล้วจะพาเข้าสู่หน้า Home screen โดยมีมาให้จำนวน 2 หน้า และสามารถเพิ่มหน้าได้ภายหลัง สำหรับแอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องนั้นรองรับการใช้งานได้อย่างครบครันจัดวางแอปฯ เป็นระเบียบไม่รก
เมื่อกดค้างไปที่หน้าจอจะสามารถย้ายตำแหน่งหรือลบแอปฯ ภายในเครื่องได้ง่ายๆ
มีตัวช่วยด้านความสะดวกสบายแบบชาญฉลาด อาทิ ปุ่มการนำทาง : นำทางด้วยปุ่มเสมือน หรือลากนิ้วขึ้น, ผู้ช่วยขับรถ : การเชื่อมต่อ Bluetooth ในรถแบบอัตโนมัติ, ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ระหว่างขับรถ, แถบอัจฉริยะ : หรือ Smart Side Bar จะเป็นแถบเครื่องมือรวมแอปฯ ที่ใช้งานบ่อย เปิดใช้งานได้ขณะเล่นเกมหรือชม YouTube, ลูกบอลช่วยเหลือ : ลักษณะจะคล้ายกับปุ่ม Assistive Touch ของ iPhone ใช้งานด้วยการแตะ ยกตัวอย่างเช่น แตะ 1 ครั้ง เพื่อย้อนกลับ หรือแตะค้างเพื่อไปยังหน้าจอหลัก เป็นต้น
สำหรับ Smart Side Bar ซึ่งหากดึงบริเวณขอบสีขาวเล็กๆ บริเวณมุมขวาของหน้าจอ จะปรากฏเป็นแถบการใช้งานเป็นแอปฯ หลักๆ ที่เราใช้งานบ่อย ในส่วนนี้สามารถเพิ่มเติมแอปฯ ตั้งค่าเป็น Shotcut ได้ด้วย ระหว่างเล่นเกม หรือดูหนัง ใช้งาน YouTube ต่างๆ สามารถปัดหน้าจอทางฝั่งซ้ายเพื่อเข้าถึง Smart Side Bar แล้วตั้งค่าการแจ้งเตือนข้อความ, การกดบันทึกหน้าจอ, การแคปภาพหน้าจอ, การปิดแจ้งเตือนต่างๆ หรือเข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ค่ะ
เมื่อเลื่อนหน้าจอด้านบนลงจะพาเข้าสู่หน้า Quick Settings เมนูแถบแจ้งเตือนสามารถเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
มีร้านขายธีมสวยๆ ให้เลือกใช้งานทั้งดาวน์โหลดฟรีและแบบเสียเงินค่ะ
รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Google Assistant หรือผู้ช่วยส่วนตัวของเรา ที่มีความสามารถในการตอบรับ โต้ตอบกลับ และเข้าถึงการทำงานต่างๆ บนเครื่องสมาร์ทโฟนอย่างรวดเร็ว ใช้งานง่ายๆ ด้วยการกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ (ต้องตั้งค่าเปิดใช้งานก่อนนะคะ)
ศูนย์รวมแอปฯ Google มีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแผนที่, Google Chrome, Gmail, Play Music หรือ YouTube เป็นต้น พร้อมรองรับการใช้งานเบราว์เซอร์ Opera และสามารถดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่มเติมได้ที่ Google Play
โหมดเครื่องมือการใช้งานมีมาให้แบบครบครัน เริ่มต้นที่ เครื่องบันทึกเสียง, เข็มทิศ
เครื่องคิดเลข, การโคลนโทรศัพท์ที่สามารถย้ายข้อมูลทั้งหมดที่มีในเครื่องเก่าไปยังมือถือเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็ว, วิทยุ FM
โน๊ตของ Keep รองรับการจดบันทึกต่างๆ ทั้งในรูปแบบการพิมพ์และการวาดค่ะ
ปฏิทิน, นาฬิกาปลุก นาฬิกาจับเวลา และแอปฯ วัดสภาพอากาศ
เมนูหน้าโทรศัพท์ และการรับส่งข้อความ
สำหรับ Phone Manager หรือตัวจัดการโทรศัพท์ เป็นตัวช่วยจัดการไฟล์ต่างๆ บนสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำรองข้อมูล สแกนไวรัส ทำความสะอาดไฟล์ขยะในเครื่อง และคืนค่าได้อย่างสะดวกสบาย
เมนูการตั้งค่าต่างๆ ภายในตัวเครื่อง
สามารถปรับตั้งค่าตัวกรองแสงสีฟ้าได้ที่โหมดการปกป้องในเวลากลางคืน เพื่อถนอมสายตาระหว่างใช้งานยามค่ำคืน โดยหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล และสามารถปรับอุณหภูมิความเข้มของโทนสีเหลืองได้เองอีกด้วย โดยตั้งเป็นกำหนดเวลา หรือเปิดใช้งานทันทีก็ได้
OPPO A7 มีระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง และรองรับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า ซึ่งในการลงทะเบียนจำเป็นต้องตั้งค่ารหัสผ่านก่อน และการลงทะเบียนระบบการจดจำด้วยใบหน้าเพื่อผลลัพธ์ที่ดี ควรถือเครื่องสมาร์ทโฟนให้ห่างจากใบหน้าราว 20-50 ซม. และควรหลีกเลี่ยงการบันทึกใบหน้าในที่ที่มีแสงสว่างมากเกินไปด้วยค่ะ
OPPO A7 มาพร้อมระบบประหยัดพลังงานหรือโหมด “การประหยัดกำลังไฟ” โดยระบบจะปิดแอปฯ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อหยุดการทำงานอันเป็นเหตุให้แบตเตอรี่หมดอย่างรวดเร็ว, มีการลดความสว่างของหน้าจอลง, ปิดการสั่นสะเทือนเมื่อแตะไปที่ไอคอนต่างๆ และมีโหมดประหยัดพลังงานแบบสมาร์ทด้วย
รองรับการโคลนแอปฯ ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานแอปฯ แชทได้พร้อมกัน 2 บัญชี ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการล็อกอินหลายบัญชีค่ะ
สำหรับการใช้งานฟังก์ชัน Split Screen หรือโหมดการใช้งาน 2 หน้าจอ สามารถเข้าถึงได้หลากหลายวิธี อาทิ การลาก 3 นิ้วขึ้นด้านบนเพื่อเปิดการใช้งาน, การกดค้างไปที่ปุ่ม Recent Apps เพื่อเข้าสู่โหมดแบ่งหน้าจอในแอปฯ ที่รองรับ หรือกดไปที่ปุ่ม Recent Apps ครั้งเดียวจากนั้นปัดหน้าแอปฯ ลง 1 ครั้ง จะมีตัวเลือกให้ใช้งานหน้าจอแบ่ง เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Split Screen นอกจากนี้ยังสามารถล็อคแอปฯ ที่ใช้งานบ่อยๆ เพื่อเข้าถึงอย่างรวดเร็ว และสะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
หน้าแสดงไฟล์ และหน่วยความจำภายในเครื่อง
หน้าแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสมาร์ทโฟน และหน้าอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ๆ
มีแอปฯ เคล็ดลับในการใช้งานที่รวบรวมทริคต่างๆ ไว้ในที่เดียว อาทิ การใช้งานระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า, การทำงานของ Multitasking ที่ง่ายขึ้น, การแก้ไข้วิดีโอ, การถ่ายภาพด้วยปุ่มปรับระดับเสียงข้างตัวเครื่อง, การใช้งานคำสั่งเสียง, ฟังก์ชันลดการรบกวนระหว่างขับขี่, การใช้งาน 2 หน้าจอ, การแคปหน้าจอในแนวยาว, การใช้งาน OPPO Share และการ Clone มือถือ เป็นต้น
ในส่วนนี้เป็น Game Space ตัวช่วยดีๆ สำหรับคอเกม โดยสามารถตั้งค่าโหมดประสิทธิภาพแบบต่างๆ ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินไปกับเกมสุดโปรด อาทิ ปิดแจ้งเตือน, กั้นการรบกวนต่างๆ, เร่งความเร็วกราฟิก, ล็อคความสว่างหน้าจอ และปิดการปรับแสงสว่างแบบอัตโนมัติ เป็นต้น
หากกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะขึ้นหน้าแอปฯ ที่ใช้งานไปแล้วทั้งหมด สามารถเคลียร์แอปฯ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดไปที่กากบาท หรือปัดขึ้นทีละแอปฯ ก็ได้ ซึ่งการเคลียร์แอปฯ จะช่วยเพิ่มหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง
รองรับ Music Party เปิดเพลงจากสมาร์ทโฟนหลายๆ เครื่องได้พร้อมกันเพื่อกระจายเสียงออกมาเป็นเหมือนชุดเครื่องเสียง เข้าร่วมง่ายๆ ด้วยการสแกน QR Code ด้านการโอนย้ายไฟล์ในตัวเครื่องเข้า PC ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเสียบสาย micro USB และหากต้องการปิด-เปิดเครื่องให้กดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ด้านข้างตัวเครื่อง โดยเลื่อนขึ้นเป็นการรีเซ็ตเครื่อง ส่วนการเลื่อนลงเป็นการปิดเครื่องค่ะ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้ากันเลย โดยกล้องหน้าของ OPPO A7 มาพร้อมความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง f/2.0 มีโหมดการใช้งาน ได้แก่ โหมดถ่ายวิดีโอแบบย่นเวลา หรือถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse นั่นเอง, โหมดบันทึกวิดีโอความละเอียดตั้งแต่ระดับ HD กับระดับสูงสุด Full HD รองรับโหมด Beauty 2.1 และฟิลเตอร์สี
โหมดถ่ายภาพออโต้ปกติที่รองรับฟังก์ชัน Depth Effect สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ หรือถ่ายภาพ Portrait (รูปหยดน้ำด้านบน), AI Beauty 2.1 ปรับค่าความสวยเนียน, HDR สำหรับถ่ายภาพย้อนแสง, แฟลช LED, ตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, อัตราส่วนภาพถ่าย และฟิลเตอร์สีต่างๆ
สำหรับ AI Beauty 2.1 สามารถปรับค่าความสวยเนียนได้ในพริบตาแบบ Auto ด้วยระบบ AI และเลือกปรับค่าได้ถึง 6 ระดับ ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง
มีโหมด Sticker ที่ช่วยเพิ่มความน่ารักให้แก่ภาพถ่าย สามารถจับโฟกัสใบหน้าได้ไวค่ะ
ลำดับถัดไปเรามาชมโหมดถ่ายภาพของกล้องหลัง โดยกล้องหลังของ OPPO A7 มีความละเอียด 13MP + 2MP พร้อม LED flash เริ่มกันที่ โหมดถ่ายวิดีโอแบบย่นเวลา หรือถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse, โหมดบันทึกวิดีโอความละเอียดตั้งแต่ระดับ HD และสูงสุด Full HD ที่รองรับโหมด Beauty 2.1, ไฟแฟลช LED และฟิลเตอร์สี
โหมดถ่ายภาพออโต้ปกติ รองรับการถ่ายภาพ HDR, AI Beauty 2.1, เปิดแฟลช LED, ตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, อัตราส่วนภาพถ่าย และฟิลเตอร์สีต่างๆ แต่จะไม่รองรับฟังก์ชัน Depth Effect เหมือนกับกล้องหน้า แต่มีระบบ AI Beauty 2.1 ให้เลือกปรับใช้งานได้ 6 ระดับ
ส่วนโหมดถ่ายภาพบุคคลเป็นการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง
และมีโหมด Sticker ช่วยเพิ่มความน่ารักให้แก่ภาพถ่ายเช่นเดียวกับกล้องหน้าค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก OPPO A7
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก OPPO A7
สำหรับกล้องหน้าของ OPPO A7 มีความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อมระบบ AI Beauty 2.1 สามารถปรับแต่งค่าผิวสวยเนียนได้มากถึง 6 ระดับ หรือจะปรับแบบ Auto ด้วยการทำงานของ AI แบบสวยเนียนทันใจเลยก็ได้ ซึ่งระบบจะประมวลผลให้แบบอัตโนมัติพร้อมมอบภาพเซลฟี่ที่ดีที่สุดให้เรา
ผลลัพธ์ที่ได้ OPPO A7 ถ่ายภาพเซลฟี่ออกมาได้คมชัดดี แต่อาจมีบางจังหวะที่จะฟุ้งไปหน่อยขึ้นอยู่ที่สภาพแสง ส่วนระบบ AI Beauty 2.1 ระบบ AI ช่วยให้ภาพถ่ายออกมาสวยเนียนเอาใจสาวๆ สายเซลฟี่ และเลือกปรับได้หลายระดับตามต้องการ
ส่วนตัวแล้วชอบระดับ 1 และ 3 เนื่องจากภาพที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ จะเห็นได้อย่างชัดเจนจากรอยคล้ำใต้ดวงตา เมื่อเปรียบเทียบภาพถ่ายโหมดปกติกับปรับโหมด Beauty ด้านภาพถ่ายโหมด Sticker ก็จับใบหน้าได้หลายคน และระบบโฟกัสทำงานได้ไว เราไปชมตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่กันเลยค่ะ
ถ่ายภาพปกติ > ถ่ายภาพ Beauty 2.1 ด้วยระบบ AI แบบ Auto > ปรับ Beauty 2.1 ระดับ 1 ตามลำดับ
ปรับ Beauty 2.1 ระดับ 3 > ระดับ 6 > โหมดถ่ายภาพ Sticker
สรุป
สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนสเปคดี จอใหญ่เต็มตา เซลฟี่สวย ดีไซน์งาม แบตเตอรี่อึดๆ ในราคาไม่เกิน 7 พัน สำหรับ OPPO A7 ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี โดยเคาะราคาอยู่ที่ 6,990 บาท แถมมีโปรโมชั่นแพ็กเกจสุดคุ้มร่วมกับ AIS และ TrueMove H ให้เป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 3,990 บาท แค่สมัครแพ็กเกจตั้งแต่ 599 บาทขึ้นไป และชำระล่วงหน้า 1,000 บาทตามที่กำหนด โดยจะได้รับส่วนลด 100 บาท นานถึง 10 เดือน
สำหรับ OPPO A7 มาพร้อมสเปคการใช้งานที่ครบครัน หน้าจอดีไซน์รอยบากทรงหยดน้ำ ทำให้จอกว้าง 6.2 นิ้ว มีสัดส่วนพื้นที่การแสดงผลมากถึง 88.4% กันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 จอสว่างสดใสดี รูปลักษณ์ดีไซน์ฝาหลังเป็นเอกลักษณ์ใช้วัสดุกระจกสุดพรีเมียมลวดลายเป็นเส้นตรงสวยงามแปลกใหม่เล่นกับมิติของแสงเวลาที่แสงตกกระทบ ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีทอง (Glaring Gold) เรียบหรู สง่างาม และสีน้ำเงินเข้ม (Glaze Blue) ให้ความรู้สึกสุขุม มีเสน่ห์ น่าค้นหา
ด้านหลังตัวเครื่องมีกรอบสีทองครอบเลนส์กล้อง และตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือดูหรูหรา ตัวเครื่องหนาเพียงเล็กน้อยเนื่องจากจุแบตเตอรี่มาเยอะ ขอบเหลี่ยม และมีลักษณะโค้งรับไปกับมือ สำหรับประสิทธิภาพของกล้องถ่ายภาพ มาเริ่มกันที่กล้องหลังความละเอียด 13MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ ถ่ายภาพออกมาได้สวยคมชัดสีสันสดใส ระบบโฟกัสจับได้ไว
ขณะที่กล้องหน้าความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง f/2.0 เซลฟี่ออกมาได้คมชัดดี ปรับแต่งภาพสวยเนียนทันใจด้วยระบบ AI Beauty 2.1 ที่ชาญฉลาด สามารถปรับแต่งผิวเนียนได้ถึง 6 ระดับ หรือจะใช้โหมด Auto ปรับแต่งด้วยระบบ AI อัจฉริยะเลยก็ได้ ภาพสวยงามเป็นธรรมชาติ เพิ่มความน่ารักให้แก่ภาพถ่ายด้วย AR Sticker และถ่ายภาพได้คมชัดในสภาพย้อนแสงด้วยโหมด HDR
เล่นเกมไม่กระตุกและทำงานลื่นไหลด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 450 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.8GHz สามารถเล่นเกม PUBG ไฟล์ใหญ่ๆ กราฟิกสูงได้อย่างลื่นไหลไม่หน่วง อีกทั้งยังเก็บข้อมูลได้เยอะด้วยหน่วยความจำ RAM 4GB + ROM 64GB ทำงานบนระบบ Color OS 5.2 บนพื้นฐาน Android 8.1 Oreo ที่รองรับ Google Assistant, Multitasking, Video Editing, Google Lens, Music on Display และ O-Roaming
พร้อมรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot โดยรองรับ 2 ซิมการ์ด (Nano SIM) และ microSD Card ที่รองรับสูงสุด 256GB ได้ภายในถาดเดียว โดยไม่ต้องเลือกใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ ส่วนด้านแบตเตอรี่ OPPO A7 มีแบตเตอรี่ความจุ 4230 mAh ใช้งานจุใจนานข้ามวัน มีระบบประหยัดพลังงานทรงประสิทธิภาพอย่าง AI battery ที่คอยจัดการกับแอปฯ ที่ค้างการใช้งานอยู่เบื้องหลัง และไฟล์ขยะต่างๆ ทำให้เครื่องใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Asus ZenFone Max Pro (M1)
– Huawei Y9 2019
– Xiaomi Redmi Note 6 Pro
– OPPO A3s รุ่น 32GB
– Realme C1
– Nokia 5.1 Plus
– Samsung Galaxy A6
– vivo Y85
– Honor 8X
– Wiko View 2 Plus
ขอขอบคุณ บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด
Leave a Reply