เปิดตัว Huawei Mate 20, Mate 20 Pro, Mate 20X และ Mate 20 RS เรือธงท็อปพรีเมียมส่งท้ายปี! เหนือชั้นกว่าด้วย AI สุดอัจฉริยะ
ล่าสุด Huawei แบรนด์ผู้ผลิตชื่อดังจากประเทศจีน ได้ทำการเปิดตัว Huawei Mate 20 และ Huawei Mate 20 Pro สมาร์ทโฟนท็อปพรีเมียมรุ่นใหม่ออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น และได้รับดีไซน์ที่แปลกใหม่ไปจากเดิม
สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ใช้จอแสดงผล OLED DCI-P3 HDR ความสว่าง 820 nits และใช้พลังงานน้อย ดีไซน์หน้าจอขอบโค้งแบบ Dual Edge โดยรุ่น Mate 20 Pro มาพร้อมหน้าจอ QHD+ ขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 สัดส่วนต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 86.90% พร้อมฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และมีรอยบากทรงยาว พร้อมรองรับฟีเจอร์ 3D Face Unlock
ขณะที่รุ่น Mate 20 มาพร้อมหน้าจอ FHD+ ขนาด 6.53 นิ้ว อัตราส่วน 18.7:9 สัดส่วนต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 88.07% มีรอยบากทรงหยดน้ำ และมีสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งทั้งคู่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Kirin 980 ระดับ 7 นาโนเมตร พร้อมด้วย Dual NPU หน่วยประมวลผล AI คู่ ใช้ GPU Mali-G76 โมเด็ม Cat.21 ความเร็ว 1.4Gbps รันระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0 มีลำโพงสเตอรีโอบนและล่างที่ซ่อนเอาไว้ในพอร์ต USB-C
นอกจากนี้ Mate 20 และ Mate 20 Pro ยังถูกติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล โดยมาพร้อมเทคโนโลยี Dynamic Pressure Sensing (DPS) รองรับแรงกดได้ 10 ระดับ และสามารถปลดล็อคตัวเครื่องไวขึ้นถึง 30%
ด้านกล้องถ่ายภาพทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ใช้เลนส์ Leica พร้อมกันสั่น Huawei AIS ผสานโหมด AI และ AR ที่พัฒนาร่วมกับแพลตฟอร์ม AR Core ของ Google โดยรุ่น Mate 20 ใช้กล้องหลังความละเอียด 12MP (Wide Angle) + 16MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ
ขณะที่รุ่น Mate 20 Pro ใช้กล้องหลังความละเอียด 40MP (Wide Angle) + 20MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ
ทั้งยังได้ได้นำเสนอการ์ดหน่วยความจำรูปแบบใหม่ Nana Memory Card (NM Card) ความจุ 256GB ที่มีขนาดเล็กกว่า microSD Card ถึง 45% และมีความเร็วถึง 90Mb/s นั่นทำให้ตัวเครื่องสามารถรองรับ Nano Sim และ NM Card ได้ในถาดซิมเดียวกัน พร้อมสนับสนุนสัญญาณ GPS แบบคู่ และรองรับ WiFi ได้เร็วที่สุด
สนับสนุนเทคโนโลยี SuperCharge 2.0 40W ชาร์จจาก 0% ถึง 70% ภายในเวลา 30 นาที สำหรับ Mate 20 Pro ที่มีความจุ 4200 mAh และ 0% ถึง 58% ภายในเวลา 30 นาที สำหรับ Mate 20 ที่มีความจุ 4000 mAh อีกทั้งยังรองรับ Wireless Quick Charge 15W และ Qi Wireless Charging อีกด้วย
และนอกจากจะเปิดตัว Mate 20 และ Mate 20 Pro ออกมาแล้ว พร้อมกันนี้ Huawei ยังได้เปิดตัว Huawei Mate 20X และรุ่นพิเศษ Porsche Design Huawei Mate 20 RS ออกมาพร้อมกันอีกด้วย นั่นหมายความว่าช่วงท้ายปีนี้ Huawei เปิดสมาร์ทโฟนจากตระกูล Mate 20 Series ทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ Mate 20, Mate 20 Pro, Mate 20X และ Mate 20 RS
สำหรับรุ่น Mate 20X นั้นมีดีไซน์เหมือนกับรุ่น Mate 20 แต่จะมีขนาดจอที่บิ๊กกว่าถึง 7.2 นิ้ว แบตพันธุ์อึด 5000 mAh พร้อมรองรับ SuperCharge 40W และ Wireless Quick Charge 15W รองรับการใช้งานปากกาดิจิตอล M Pen รับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับ มีระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ใช้วัสดุ Graphene ที่เคลมว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าระบบอื่นถึง 20 เท่า
รวมถึงเอาใจคอเกมด้วยอุปกรณ์เสริม Game Pad เล่นเกมได้โดนใจมากขึ้น ส่วนรุ่นพิเศษ Porsche Design Huawei Mate 20 RS นั้นใช้วัสดุด้านหลังเป็นหนังคล้ายเบาะรถ Porsche พร้อมมีการเล่นสีสไตล์รถแข่งอีกด้วย พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปชมรายละเอียดทั้งหมดแบบเต็มๆ กันเลยค่ะ
สเปคการใช้งานของ Huawei Mate 20
– หน้าจอ OLED DCI-P3 HDR ขนาด 6.53 นิ้ว อัตราส่วน 18:7:9
– ความละเอียด 2244×1080 พิกเซล (Full HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0
– CPU Kirin 980 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.6GHz
– GPU Mali-G76MP10
– RAM 4GB และ 6GB
– ROM 128GB
– NM Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ Leica ความละเอียด 12MP (Wide Angle) + 16MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ พร้อม dual tone LED flash, laser focus, phase focus, contrast focus, กันสั่น Huawei AIS
– กล้องหน้าความละเอียด 24MP ค่ารูรับแสง f/2.0
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Dual SIM
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
– ลำโพงสเตอริโอคู่
– สนับสนุน Dual 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz and 5GHz), Bluetooth 5.0 LE, GPS , NFC, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh สนับสนุน SuperCharge
– ขนาดตัวเครื่อง 158.2×77.2×8.3 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 188 กรัม
– มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Blue, Black และ Twilight
สเปคการใช้งานของ Huawei Mate 20 Pro
– หน้าจอ OLED DCI-P3 HDR ขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9
– ความละเอียด 3120×1440 พิกเซล (Quad HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0
– CPU Kirin 980 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.6GHz
– GPU Mali-G76MP10
– RAM 6GB และ 8GB
– ROM 128GB และ 256GB
– NM Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ Leica ความละเอียด 40MP (Wide Angle) + 20MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ พร้อม dual tone LED flash, laser focus, phase focus, contrast focus, กันสั่น Huawei AIS
– กล้องหน้าความละเอียด 24MP ค่ารูรับแสง f/2.0
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Dual SIM
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล
– ฟีเจอร์ 3D Face Unlock
– มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
– ลำโพงสเตอริโอคู่
– สนับสนุน Dual 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz and 5GHz) , Bluetooth 5.0 LE, GPS, NFC, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh สนับสนุน SuperCharge 40W และ Wireless Quick Charge 15W
– ขนาดตัวเครื่อง 157.8×72.3×8.6 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 189 กรัม
– มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Midnight Blue, Black, Twilight และ Emerald Green
สเปคการใช้งานของ Huawei Mate 20X
– หน้าจอ OLED DCI-P3 HDR ขนาด 7.2 นิ้ว อัตราส่วน 18.7:9
– ความละเอียด 2244×1080 พิกเซล (Full HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0
– CPU Kirin 980 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.6GHz
– GPU Mali-G76MP10
– RAM 6GB
– ROM 128GB
– NM Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ Leica ความละเอียด 40MP (Wide Angle) + 20MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ พร้อม dual tone LED flash, laser focus, phase focus, contrast focus, กันสั่น Huawei AIS
– กล้องหน้าความละเอียด 24MP ค่ารูรับแสง f/2.0
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Dual SIM
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– ฟีเจอร์ 3D Face Unlock
– มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP53
– ลำโพงสเตอริโอคู่ Dolby Atmos
– สนับสนุน Dual 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz and 5GHz), Bluetooth 5.0 LE, GPS, NFC, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh สนับสนุน SuperCharge
– ขนาดตัวเครื่อง 174.6×85.4×8.15 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 232 กรัม
– มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Phantom Silver และ Midnight Blue
สเปคการใช้งานของ Porsche Design Huawei Mate 20 RS
– หน้าจอ OLED DCI-P3 HDR ขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9
– ความละเอียด 3120×1440 พิกเซล (Quad HD+)
– ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับ EMUI 9.0
– CPU Kirin 980 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.6GHz
– GPU Mali-G76MP10
– RAM 8GB
– ROM 256GB และ 512GB
– NM Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลัง 3 ตัว เลนส์ Leica ความละเอียด 40MP (Wide Angle) + 20MP (Ultra Wide Angle) + 8MP (Telephoto) ค่ารูรับแสง f/1.8, f/2.2 และ f/2.4 ตามลำดับ พร้อม dual tone LED flash, laser focus, phase focus, contrast focus, กันสั่น Huawei AIS
– กล้องหน้าความละเอียด 24MP ค่ารูรับแสง f/2.0
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Dual SIM
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผล
– ฟีเจอร์ 3D Face Unlock
– มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
– ลำโพงสเตอริโอคู่
– สนับสนุน Dual 4G VoLTE
– รองรับ Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz and 5GHz) , Bluetooth 5.0 LE, GPS, NFC, USB Type-C
– แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh สนับสนุน SuperCharge 40W และ Wireless Quick Charge 15W
– ขนาดตัวเครื่อง 157.8×72.3×9.7 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 187 กรัม
ราคาวางจำหน่าย Huawei Mate 20
– รุ่น RAM 4GB + ROM 128GB ราคา 799 ยูโร หรือประมาณ 30,000 บาท
– รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 849 ยูโร หรือประมาณ 32,000 บาท
ราคาวางจำหน่าย Huawei Mate 20 Pro
– รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 1,049 ยูโร หรือประมาณ 39,700 บาท
ราคาวางจำหน่าย Porsche Design Huawei Mate 20 RS
– รุ่น RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 1,695 ยูโร หรือประมาณ 64,000 บาท
– รุ่น RAM 8GB + ROM 512GB ราคา 2,095 ยูโร หรือประมาณ 79,000 บาท
ราคาวางจำหน่าย Huawei Mate 20X
– รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 899 ยูโร หรือประมาณ 34,000 บาท
** ค่าเงินของยุโรปจะสูงกว่าไทยเนื่องจากภาษี เมื่อนำเข้าไทยราคาจะต่ำกว่านี้ค่ะ
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลระบุว่า Huawei Mate 20 และ Mate 20 Pro เริ่มวางจำหน่ายแล้วในประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมเป็นต้นไป รุ่น Mate 20X จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมเป็นต้นไป และรุ่น Porsche Design Huawei Mate 20 RS จะวางจำหน่ายวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
ส่วนแฟนๆ ในประเทศไทยคาดว่าจะได้เป็นเจ้าของเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน เนื่องจากเริ่มมีโฆษณาตามช่องทางต่างๆ ให้ได้เห็นกันแล้ว ซึ่งหากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ โดยเพื่อนๆ สามารถติดตามข่าวสารอย่างรวดเร็วทันใจได้ที่ www.ninethaiphone.com
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.fonearena.com (1) (2), huawei.com
Leave a Reply