เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 9 และ iPhone X เรือธงรุ่นต่างค่าย ใครจัดหนักจัดเต็ม มาดูกันเลย!

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 9 และ iPhone X เรือธงรุ่นต่างค่าย ใครจัดหนักจัดเต็ม มาดูกันเลย!
Galaxy Note 9 และ iPhone X
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งสำหรับเปรียบเทียบสเปคมือถือที่เราได้นำมาให้ชมกันอยู่บ่อยครั้ง (ดูเพิ่มเติม) สำหรับในครั้งนี้เราจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมการเปรียบเทียบระหว่าง Samsung Galaxy Note 9 และ iPhone X สองเรือธงรุ่นต่างค่าย ที่มาพร้อมสเปคระดับไฮเอนด์ และมาพร้อมฟีเจอร์เด่นๆ ที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับ Galaxy Note 9 เรือธงรุ่นใหม่ดีไซน์พรีเมียมด้วยหน้าจอแบบ Infinity Display มีการอัพเกรดสเปคการใช้งาน ตลอดจนฟีเจอร์ต่างๆ ให้ครบครันมากกว่าเดิม โดยปากกา S Pen คู่ใจของ Galaxy Note 9 สนับสนุนการเชื่อมต่อ Bluetooth ได้แล้ว ซึ่งหัวปากกามีขนาดเพียง 0.7mm รองรับแรงกดได้ถึง 4096 ใช้งานได้ในระยะไกลสุด 10 เมตร พร้อมสเปคระดับเรือธง

ขณะที่ iPhone X ใช้ดีไซน์หน้าจอรอยบาก ติดตั้งกล้องเลนส์คู่แนวตั้ง ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แต่จะใช้เป็นฟีเจอร์ Face ID แทน และมาพร้อมสเปคการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานไม่น้อยหน้ากัน ส่วนจะมีสเปคการใช้งานแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด เราไปชมเปรียบเทียบสเปคการใช้งานระหว่าง Galaxy Note 9 และ iPhone X กันเลยค่ะ

เปรียบเทียบสเปคการใช้งาน Samsung Galaxy Note 9 และ iPhone X

 Features Samsung Galaxy Note 9 iPhone X
วันเปิดตัว :  – 9 สิงหาคม 2561  – กันยายน 2560
ราคา :  – 33,900.- (128GB)  – 40,500.- (64GB)
 –  – 46,500.- (256GB)
ระบบปฏิบัติการ :  – Android 8.1 Oreo  – iOS 11
หน้าจอ :  – หน้าจอ Super AMOLED  – หน้าจอ OLED
 – ขนาด 6.4 นิ้ว  – ขนาด 5.8 นิ้ว
 – ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล    – ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล
 – กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5  – เทคโนโลยี Super Retina HDR
 – Always-on display  – รองรับ 3D Touch
 – HDR10  – True-tone display
 – Multitouch  – Multitouch
CPU :  – Exynos 9810 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.7GHz  – Apple A11 Bionic แบบ Hexa-core ความเร็ว 2.39GHz
GPU :  – Mali-G72 MP18  – Apple GPU
RAM :  – 6GB  – 3GB
ความจำตัวเครื่อง :  – 128GB  – 64GB
 – microSD Card สูงสุด 512GB  – 256GB
 –  – ไม่รองรับ microSD Card
กล้องหลัง :  – 12MP (Wide-angle) + 12MP (Telephoto)  – 12MP (Wide-angle) + 12MP (Telephoto)
 – ค่ารูรับแสง f/1.5 กับ f/2.4 และ f2.4 ตามลำดับ  – ค่ารูรับแสง f/1.8 และ f2.4 ตามลำดับ
 – LED flash  – Quad LED flash
 – กันสั่น OIS ทั้งสองเลนส์  – กันสั่น OIS ทั้งสองเลนส์
 – ออปติคอลซูม 2 เท่า  – ออปติคอลซูม 10 เท่า 
 – ดิจิตอลซูม 10 เท่า  – ดิจิตอลซูม 10 เท่า
 – dual pixel PDAF  – PDAF
 – Super Speed Dual Pixel   – Focus Pixels
 – auto-HDR  – HDR
 – Portrait  – Portrait
 – Auto Focus  – Auto Focus
 – panorama  – panorama
 – touch focus  – touch focus
 –  – Live Photos
กล้องหน้า :  – 8MP  – 7MP
 – ค่ารูรับแสง f/1.7  – รูรับแสง f/2.2
S Pen :  – ขนาด 5.7×4.35×106.37 มม.  –
 – น้ำหนัก 3.1 กรัม  –
 – กันน้ำ IP68  –
Video :  – 2160p@60fps, 1080p@240fps, 720p@960fps  – 2160p@24/30/60fps, 1080p@30/60/120/240fps
Battery :  – 4000 mAh สนับสนุน Quick Charge และ Wireless Charging  – ใช้งานได้นานกว่า iPhone 7 สูงสุด 2 ชั่วโมง
ขนาด :  – 161.9×76.4×8.8 มม.  – 143.6×70.9×7.7 มม.
น้ำหนัก :  – 201 กรัม  – 174 กรัม
รองรับซิม :  – dual SIM  – Nano SIM
ระบบกันน้ำ :  – IP68  – IP67
ระบบเครือข่าย :  – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz  – 2G : GSM 850/900 /1800/1900 MHz
 – 3G : HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz  – 3G : HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz
 – 4G LTE  – 4G LTE
ระบบเชื่อมต่อ :  – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz)  – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
 – Bluetooth 5.0  – Bluetooth 5.0
 – USB Type-C  – USB 3.0
 – Samsung DeX  – พอร์ต Lightning
 – ANT+  – Apple Pay
 – NFC  – NFC
 – Bixby  – Siri
GPS :  – GPS  – GPS
 – A-GPS  – A-GPS
 – BDS  – BDS
 – GALILEO  – GALILEO
 – GLONASS  – GLONASS
Sensor :  – Fingerprint   – Face ID
 – Iris Scanner  – compass
 – Facial Recognition  – Accelerometer
 – Intelligent Scan  – Gyro
 – Heart Rate  – Proximity
 – RGB Light  – Barometer
 – Geomagnetic  –
 – Hall  –
 – Pressure  –
 – Accelerometer  –
 – Gyro  –
 – Proximity  –
 – Barometer  –
สี :  – โอเชี่ยนบลู (Ocean Blue)  – เทาสเปซเกรย์
 – เมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper)  – เงิน
 – มิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black)

Samsun-Galaxy-Note-91
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเปรียบเทียบสเปคการใช้งานของ Samsung Galaxy Note 9 และ iPhone X ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งเมื่อดูจากรายละเอียดข้างต้นแล้ว Samsung Galaxy Note 9 มีราคาอยู่ที่ 33,900 บาท สำหรับความจุ 128GB จุดเด่น ได้แก่ มีราคาถูกกว่า iPhone X ใช้หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล

มีกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ฟีเจอร์ Always-on display ใช้ชิปเซ็ต Exynos 9810 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.7GHz จีพียู Mali-G72 MP18 หน่วยความจำแรม 6GB มีรุ่นความจุ 128GB ให้เลือกซื้อ พร้อมรองรับ microSD Card สูงสุด 512GB กล้องหลังค่ารูรับแสงปรับได้ f/1.5 กับ f/2.4 และ f2.4 ตามลำดับ และฟีเจอร์อื่นๆ อีกเพียบ

ขณะที่ด้านหน้ามีกล้องเซลฟี่ 8MP ค่ารูรับแสง f/1.7 ตัวเครื่องกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP68 แบตอึด 4000 mAh สนับสนุน Quick Charge และ Wireless Charging, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด มีปากกา S Pen ที่รองรับ Bluetooth สนับสนุน Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz) มีฟีเจอร์ Fingerprint, Iris Scanner, Intelligent Scan และมีตัวเครื่องสีใหม่ Ocean Blue ที่ปากกา S Pen มีสีเหลือง เป็นต้น

 Features Samsung Galaxy Note 9 iPhone X
วันเปิดตัว :  – 9 สิงหาคม 2561  – กันยายน 2560
ราคา :  – 33,900.- (128GB)  – 40,500.- (64GB)
 –  – 46,500.- (256GB)
หน้าจอ :  – หน้าจอ Super AMOLED  – หน้าจอ OLED
 – ขนาด 6.4 นิ้ว  – ขนาด 5.8 นิ้ว
 – ความละเอียด 2960×1440 พิกเซล    – ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล
 – กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5  – เทคโนโลยี Super Retina HDR
 – Always-on display  – รองรับ 3D Touch
 – HDR10  – True-tone display
CPU :  – Exynos 9810 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.7GHz  – Apple A11 Bionic แบบ Hexa-core ความเร็ว 2.39GHz
GPU :  – Mali-G72 MP18  – Apple GPU
RAM :  – 6GB  – 3GB
ความจำตัวเครื่อง :  – 128GB  – 64GB
 – microSD Card สูงสุด 512GB  – 256GB
 –  – ไม่รองรับ microSD Card
กล้องหลัง :  – ค่ารูรับแสง f/1.5 กับ f/2.4 และ f2.4 ตามลำดับ  – ค่ารูรับแสง f/1.8 และ f2.4 ตามลำดับ
 – dual pixel PDAF  – PDAF
 – Super Speed Dual Pixel   – Focus Pixels
 – auto-HDR  – HDR
กล้องหน้า :  – 8MP  – 7MP
 – ค่ารูรับแสง f/1.7  – รูรับแสง f/2.2
S Pen :  – ขนาด 5.7×4.35×106.37 มม.  –
 – น้ำหนัก 3.1 กรัม  –
 – กันน้ำ IP68  –
Battery :  – 4000 mAh สนับสนุน Quick Charge และ Wireless Charging  – ใช้งานได้นานกว่า iPhone 7 สูงสุด 2 ชั่วโมง
รองรับซิม :  – dual SIM  – Nano SIM
ระบบกันน้ำ :  – IP68  – IP67
ระบบเชื่อมต่อ :  – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz)  – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
 – USB Type-C  – USB 3.0
 – Samsung DeX  – พอร์ต Lightning
Sensor :  – Fingerprint   – Face ID
 – Iris Scanner  – compass
 – Facial Recognition  – Accelerometer
 – Intelligent Scan  – Gyro
 – Heart Rate   – Proximity
 – RGB Light   – Barometer
 – Geomagnetic   –
 – Hall   –
 – Pressure   –
 – Accelerometer  –
 – Gyro  –
 – Proximity  –
 – Barometer  –
สี :  – โอเชี่ยนบลู (Ocean Blue)  – เทาสเปซเกรย์
 – เมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper)   – เงิน
 – มิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black) 

screen-15.31.53[21.08.2018]
ขณะที่ iPhone X มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 40,500 บาท จุดเด่นที่หน้าจอเทคโนโลยี Super Retina HDR รองรับฟีเจอร์ 3D Touch มีรุ่นความจุ 64GB และ 256GB ให้เลือกซื้อ กล้องหลังรองรับ Quad LED flash ฟีเจอร์ Live Photos, ออปติคอลซูม 10 เท่า และรองรับ Face ID เป็นต้น

Features iPhone X Samsung Galaxy Note 9
หน้าจอ :  – เทคโนโลยี Super Retina HDR  – HDR10
 – รองรับ 3D Touch  –
ความจำตัวเครื่อง :  – 64GB  – 128GB
 – 256GB  – microSD Card สูงสุด 512GB
กล้องหลัง :  – Quad LED flash  – LED flash
 – ออปติคอลซูม 10 เท่า   – ออปติคอลซูม 2 เท่า
 – Live Photos  –
ขนาด :  – 143.6×70.9×7.7 มม.  – 161.9×76.4×8.8 มม.
น้ำหนัก :  – 174 กรัม  – 201 กรัม
ระบบเชื่อมต่อ :  – พอร์ต Lightning  – USB Type-C
Sensor :  – Face ID  – Facial Recognition
สี :  – เทาสเปซเกรย์  – โอเชี่ยนบลู (Ocean Blue)
 – เงิน  – เมทัลลิก คอปเปอร์ (Metallic Copper)
 –  – มิดไนท์ แบล็ค (Midnight Black)

ทั้งนี้ Galaxy Note 9 และ iPhone X สำหรับรุ่นความจุเริ่มต้นมีราคาต่างกันที่ราว 6,600 บาท ซึ่ง iPhone X นั้นมีราคาที่แพงกว่าอยู่ที่ 40,500 บาท (64GB) ขณะที่ Galaxy Note 9 มีราคาถูกกว่าอยู่ที่ 33,900 บาท (128GB) และเมื่อดูจากข้อมูลโดยรวมแล้วพบว่า Galaxy Note 9 มีสเปคการใช้งานที่โดดเด่นกว่าหลายประการ

ไม่ว่าจะเป็น ราคาที่ถูกกว่า, ใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่, รองรับ microSD Card สูงสุด 512GB, หน้าจอใหญ่, แบตเตอรี่ความจุสุง, ใช้งานร่วมกับปากกา S Pen ที่รองรับ Bluetooth และมีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยของข้อมูลภายในตัวเครื่องที่หลากหลาย เป็นต้น

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความชื่นชอบของเพื่อนๆ แต่ละคนด้วย ว่าชอบรุ่นไหนมากกว่ากัน หรือวางงบไว้เท่าไหร่ เนื่องจากความชื่นชอบของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกันค่ะ