อีริคสันย้ำชัด 5G พร้อมแล้วสำหรับการทำธุรกิจ
• 5G เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการไปสู่ Thailand 4.0 การพัฒนาก้าวกระโดดเข้าสู่ยุคดิจิทัลในหลายภาคส่วนจำเป็นต้องใช้ 5G โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิดสำหรับอนาคต
• ประเทศไทยต้องมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการจัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งเป็นพื้นฐานโครงสร้างที่มีความสำคัญของประเทศ
วุฒิชัย วุฒิอุดมเลิศ หัวหน้างานฝ่ายผลิตภัณฑ์โครงข่าย อีริคสัน ประเทศไทย แบ่งปันข้อมูลในหัวข้อ 5G เพื่อการทำธุรกิจ ในงานสัมมนา 5G ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 “4G และ IoT เป็นพื้นฐานของ 5G ผู้ให้บริการในประเทศไทยควรมีการเตรียมความพร้อมให้มั่นใจว่าโครงข่าย 4G และ IoT ที่มีอยู่นั้น
พร้อมสำหรับการเปลี่ยนถ่ายสู่ 5G” วุฒิชัยกล่าว “อีริคสันคาดการณ์ว่าในปี 2563 จะเริ่มมีการใช้งาน 5G ทั่วโลก และภายในปี 2566 จะมีผู้ใช้งานบนโครงข่าย 5G ถึงหนึ่งพันล้านราย เพื่อที่จะยกระดับการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เทียบเท่ากับ 12 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมดจะอยู่บนโครงข่าย 5G” วุฒิชัยแชร์ข้อมูลจาก Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุดเดือนมิถุนายน 2561
ในปี 2566 ปริมาณการใช้ข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า เป็นจำนวนถึง 107 เอ็กซะไบต์ (EB) ต่อเดือนหรือเทียบเท่ากับผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมดทั่วโลกดูวีดีโอสตรีมมิ่งพร้อมกันเป็นเวลา 10 ชั่วโมงติดต่อกัน นอกจากนี้ปริมาณการใช้ข้อมูลทั่วโลกผ่านเครือข่าย 5G จะมีมากถึงถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าการใช้ 4G/3G/2G ในวันนี้รวมกันถึง 1.5 เท่า
5G จะถูกนำมาใช้ในเขตเมืองมีความหนาแน่นของประชากรสูงก่อนเฉกเช่นเดียวกับ 2G, 3G และ 4G ทั้งนี้เนื่องจากต้องการสร้างบริการอินเตอร์ความเร็วสูงทั้งแบบเคลื่อนที่และประจำที่ยกระดับการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและ Fixed Wireless Access หลังจากนั้นก็จะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค และสาธารณสุข เป็นต้น
สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยี 5G และ IoT จะสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ให้บริการได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22 ของรายได้ โดยอุตสาหกรรมการผลิตจะเป็นภาคส่วนที่ผู้ให้บริการสามารถสร้างรายได้จาก 5G ได้มากที่สุด (20 เปอร์เซ็นต์) อุตสาหกรรมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค (16 เปอร์เซ็นต์) ตามมาด้วยความปลอดภัยด้านสาธารณะ สุขภาพอนามัย การขนส่ง และด้านสื่อและการบันเทิง (12 เปอร์เซ็นต์)
วุฒิชัยกล่าวว่า “เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมสำหรับ 5G นั้น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต้องให้ความสำคัญและพูดคุยเกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่ที่เหมาะสม ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหลักของระบบการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ผู้ให้บริการและภาครัฐควรมองว่าคลื่นความถี่และโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นโครงสร้าง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของชาติ”
“อีริคสัน พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ด้านโครงข่ายและบริการสำหรับ 5G มีความพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการในประเทศไทยสามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเข้าสู่ยุค 5G ได้อย่างราบรื่น” วุฒิชัยกล่าวเพิ่มเติม
ที่มาของข้อมูล: Ericsson Mobility Report ฉบับเดือนมิถุนายน 2561
Leave a Reply