รีวิว vivo V9 จอบิ๊กไซส์ 6.3 นิ้ว กล้องเซลฟี่ 24MP ผสานระบบ AI กล้องหลังคู่โดนใจ ในราคาสุดคุ้มค่า!
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ ก็เปิดตัวพร้อมกับวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย สำหรับสมาร์ทโฟนเซลฟี่รุ่นใหม่ล่าสุด vivo V9 ที่มาพร้อมสโลแกน Prefect Shot , Perfect View โดยเคาะราคาจำหน่ายเพียง 10,999 บาท ซึ่งในช่วงแรกจะวางจำหน่ายในประเทศไทย 2 สี ได้แก่ สีดำเซรามิค และสีทอง แต่ในอนาคตจะมีเครื่องสีน้ำเงินเข้ามาวางจำหน่ายค่ะ
สำหรับ vivo V9 ให้ผู้ใช้งานเปิดประสบการณ์ถ่ายภาพเซลฟี่คมชัดด้วยกล้องหน้าความละเอียด 24MP ฉลาดล้ำด้วยเทคโนโลยี AI เซลฟี่สวยด้วย AI Face Beauty ที่สามารถตรวจจับลักษณะของผู้ใช้งาน อาทิ อายุ เพศ โทนสีผิว สภาพผิว รวมถึงสภาพแสงโดยรอบ พร้อมฟีเจอร์ AI Selfie Lighting อัลกอริทึม AI ปรับภาพใบหน้า 2 มิติ ให้กลายเป็น 3 มิติ และปรับแสงที่ใบหน้าให้ออกมาโดดเด่น ซึ่งมีเอฟเฟ็กต์ให้เลือกมากมาย อีกทั้งยังรองรับ AR Stickers เพิ่มความสนุกให้กับการเซลฟี่อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีระบบจดจำใบหน้า AI Face Access ที่แม่นยำสำหรับปลดล็อกตัวเครื่อง หน้าจอ FullView ใหญ่เต็มตาขนาด 6.3 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 มองได้เต็มตาจุใจยิ่งขึ้นด้วยสัดส่วนต่อตัวเครื่องมากถึง 90% มองเห็นทุกรายละเอียดชัดเจนมากกว่าที่เคยมีมา ตัวเครื่องดีไซน์เพรียวบางทันสมัย ฝาหลังออกแบบผสมผสานความเงางามแบบ 3 มิติ
พร้อมเอาใจสายคาราโอเกะให้เพลิดเพลินกับการร้องคาราโอเกะบนสมาร์ทโฟน ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยความร่วมมือกับ WeSing และมี Game Mode ที่ผู้ใช้งานสามารถแชทขณะเล่นเกมได้เพียงแค่ลากนิ้วสามนิ้วลงมาบนหน้าจอ ก็สามารถแบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย ส่วนสเปคการใช้งานอื่นๆ ของ vivo V9 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 4.0 บนพื้นฐาน Android 8.1 Oreo เวอร์ชันล่าสุด
ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 626 แบบ Octa Core แรม 4GB จับคู่ความจุ 64GB และสเปคการใช้งานอื่นๆ ที่ครบครัน ซึ่งในวันนี้ทาง ninethaiphone จะนำเครื่อง vivo V9 มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการตัดสินใจ สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังเล็งๆ ไว้อยู่ ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น เราไปติดตามกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค vivo V9
Features | vivo V9 |
วันเปิดตัว : | – มีนาคม 2561 |
ราคา : | – 10,999.- (ณ วันที่ 9 เม.ย. 61) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 8.1 Oreo ครอบทับ Funtouch OS 4.0 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS |
– ขนาด 6.3 นิ้ว | |
– ครอบกระจก 2.5D | |
– ความละเอียด 2280×1080 พิกเซล (Full HD+) | |
– Multitouch | |
CPU : | – Snapdragon 626 แบบ Octa Core ความเร็ว 2.2 GHz |
GPU : | – Adreno 506 |
RAM : | – 4GB |
ความจำตัวเครื่อง : | – 64GB |
– microSD Card สูงสุด 256GB | |
กล้องหลัง : | – 16MP + 5MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– LED flash | |
– PDAF | |
– Geo-tagging | |
– touch focus | |
– face detection | |
– Beauty Mode | |
– HDR | |
– Panorama | |
กล้องหน้า : | – 24MP |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
Video : | – 2160p@30fps, 1080p@30fps |
Battery : | – 3260 mAh |
ขนาด : | – 154.81×75.03×7.89 มม. |
น้ำหนัก : | – 150 กรัม |
รองรับซิม : | – Hybrid dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/1900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4G |
– Bluetooth 4.2 | |
– microUSB 2.0 | |
– OTG | |
– 3.5mm jack | |
GPS : | – A-GPS |
– GLONASS | |
– GPS | |
Sensor : | – Fingerprint |
– Face Recognition | |
– accelerometer | |
– gyro | |
– compass | |
– proximity | |
สี : | – เซรามิคดำ |
– ทอง |
แกะกล่อง vivo V9
สำหรับ vivo V9 มาพร้อมสโลแกน Prefect Shot , Perfect View ด้วยหน้าจอใหญ่พร้อมกล้องเซลฟี่ความละเอียดสูง 24 ล้านพิกเซล ที่ให้อารมณ์และความรู้สึกมากขึ้นกว่าเดิม และเปิดประสบการณ์ความชัดแบบเต็มจอ ในราคาที่คุ้มค่าเพียง 10,999 บาท ซึ่งถูกบรรจุมาในกล่องสี่เหลี่ยมดูคุ้นตา
ด้านหลังกล่องมีการระบุสเปคการใช้งานเด่นๆ ของ vivo V9 อาทิ หน้าจอ FullView, กล้องเซลฟี่ 24MP, กล้องหลังเลนส์คู่ และหน่วยความจำแรม 4GB จับคู่ความจุ 64GB เป็นต้น
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– ตัวเครื่อง vivo V9 สีดำ
– หูฟังรุ่น XE100 with Remote and Mic
– คู่มือการใช้งาน
– สาย USB
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– ฟิล์มกันรอย (ติดมาแล้วกับตัวเครื่อง)
– เคสกันรอยแบบใส
ทำความรู้จัก vivo V9
ด้านหน้า vivo V9 มาพร้อมจอแสดงผล IPS ดีไซน์โฉมใหม่ FullView Display อัตราส่วน 19:9 ขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ครอบทับด้วยกระจก 2.5D สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องมากถึง 90% ขณะที่ขอบหน้าจอบางเพียง 1.75 มิลลิเมตร ทำให้รู้สึกจับถนัดมือเหมือนกำลังใช้งานสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.5 นิ้ว และจากดีไซน์หน้าจอโฉมใหม่นี้ เพื่อนๆ สามารถใช้งานในมุมมองที่กว้างขึ้นได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการท่องอินเตอร์เน็ต ดูหนัง หรือเล่นเกม ก็เต็มอิ่มเต็มตาครบทุกอรรถรสเลยค่ะ
ด้านหน้าส่วนบน พบรอยบากเล็กๆ บนขอบจอกึ่งกลางด้านบนหน้าจอ ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับ ลำโพงฟังเสียงสนทนา, เลนส์กล้องเซลฟี่ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0, ไฟแจ้งเตือนสถานะ และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ ที่เป็นแบบ On Screen ทั้งหมด และมีการเหลือขอบด้านล่างไว้เพียงเล็กน้อย
ด้านหลัง สำหรับตัวเครื่องของ vivo V9 ที่เราได้นำมารีวิวในวันนี้จะเป็นสีดำเงา ตัวเครื่องมีขนาด 154.81×75.03×7.89 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาเพียง 150 กรัม บอดี้เป็นพลาสติกที่ใช้วัสดุเคลือบเงาคล้ายเซรามิกดูพรีเมียมหรูหราขึ้น ฝาหลังมีความโค้งมนถือจับกระชับพอดีมือ การออกแบบผสมผสานความงามแบบสามมิติดูลงตัว และด้วยความที่เงางามขนาดนี้แน่นอนว่าเกิดรอยนิ้วมือได้ง่ายมากค่ะ
นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ที่มีขนาดกำลังดีสัมผัสกระชับมือ ตัวเครื่องไม่ใหญ่เทอะทะ มีดีไซน์สวยทันสมัย ติดตั้งกล้องหลังคู่แนวตั้งพร้อม LED flash ที่มุมซ้ายบน และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่กึ่งกลางตัวเครื่อง ถัดลงมาด้านล่างจะเป็นโลโก้แบรนด์ค่ะ
ด้านหลังส่วนบน ประกอบด้วย เลนส์กล้องคู่มุมซ้ายบนที่จัดวางในแนวตั้ง โดยมีความละเอียด 16MP + 5MP ถัดลงไปด้านล่างเพียงเล็กน้อยจะเป็น LED flash ซึ่งเลนส์กล้องจะนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่กึ่งกลางตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ถัดไปด้านล่างจะเป็นโลโก้แบรนด์ vivo ค่ะ
ด้านหลังส่วนล่าง พบข้อความลิขสิทธิ์สกรีนเอาไว้
ด้านบนตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, รูไมค์โครโฟนตัดเสียงรบกวน, พอร์ตเชื่อมต่อ micro USB และลำโพงเสียง
ด้านซ้ายตัวเครื่อง พบแค่เพียงช่องใส่ซิมการ์ด
โดย vivo V9 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot กล่าวคือสามารถใช้งาน SIM + SIM + microSD Card ได้ในถาดเดียว ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นค่ะ
ด้านขวาตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ปุ่มพาวเวอร์เปิด-ปิดตัวเครื่อง และปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง
การแคปภาพหน้าจอ ให้กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ vivo V9 ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 626 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.2GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 506 และทำงานบน Funtouch OS 4.0 บนพื้นฐาน Android 8.1 Oreo เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 9 หมื่นกว่าๆ ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ซึ่งการทำงานจริงก็สามารถทำได้ลื่นไหลดี ไม่มีสะดุดให้เห็นค่ะ
สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ vivo V9 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล vivo 1723 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 หน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 506 หน้าจอ 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2280×1080 พิกเซล กล้องหลังความละเอียด 15.9MP กล้องเซลฟี่ความละเอียด 23.8MP หน่วยความจำแรมที่ใช้ได้ทั้งหมด 1539MB และความจุที่ใช้ได้ทั้งหมด 48.55GB เป็นต้น
เมื่อนำไปทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกม พบว่าระบบทำงานได้ลื่นไหลไม่มีอาการหน่วง ภาพกราฟิกสีสันสดใสพอใช้ได้
และจากที่ทดลองใช้งานมานั้นไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือชมรายการต่างๆ บน YouTube พบว่าหน้าจอจะเหลือขอบด้านข้างเอาไว้ ทำให้ระหว่างใช้งานจะดูขัดตาเล็กน้อย ทั้งนี้ต้องรอทาง vivo ปล่อยตัวอัพเดทแก้ไขออกมาค่ะ
Interface
หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการเลื่อนหน้าจอด้านล่างขึ้น หรือหากติดตั้งระบบจดจำใบหน้าแล้ว ก็สามารถสแกนใบหน้าปลดล็อคตัวเครื่องเพื่อใช้งานได้ทันที และมุมล่างขวาจะเป็นการเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูปแบบฉับไว ส่วนมุมซ้ายล่างจะเป็นการเข้าสู่หน้าโทรสนทนาค่ะ สำหรับหน้า Home screen มีมาให้จำนวน 2 หน้า สามารถเพิ่มเติมได้ในภายหลัง โดยแอปฯ ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงานจัดวางอย่างเหมาะสมไม่รกจนเกินไปค่ะ
เมื่อสไลด์หน้าจอด้านล่างขึ้นจะพบกับหน้า Quick settings สำหรับเปิด-ปิดการใช้งานเมนูอื่นๆ ที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว มีการแสดงไอคอนแอปฯ ที่เราใช้ไปล่าสุดด้วย และเมื่อสไลด์หน้าจอด้านบนลงจะพบกับรายการแจ้งเตือนต่างๆ
การเปลี่ยนย้ายตำแหน่งของแอปฯ บนหน้า Home screen ทำได้ด้วยการกดค้างไปที่หน้าจอหรือแอปฯ ที่ต้องการ จากนั้นก็จะเคลื่อนย้ายได้ตามสะดวก และหากต้องการลบแอปฯ ทิ้งให้กดไปที่รูปกากบาทมุมซ้ายบนของแอปฯ นั้นๆ เพื่อถอนการติดตั้งแอปฯ รวมถึงตั้งค่าวิตเจ็ตได้ด้วยตนเองแบบง่ายๆ ด้วยการกดค้างไปบนหน้าจอบริเวณที่ว่างค่ะ
เมนูการตั้งค่าภายในตัวเครื่อง
vivo V9 มีระบบรักษาความปลอดภัย 3 รูปแบบ ได้แก่ การตั้งค่ารหัสปลดล็อกหน้าจอด้วยรหัสผ่าน, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง และระบบสแกนใบหน้า
ระบบสแกนใบหน้า Face Unlock สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือโดยระบบสแกนใบหน้าช่วยยกระดับระบบความปลอดภัยของสมาร์ทโฟนให้ดียิ่งขึ้น เพียงแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นคล้ายๆ กับกำลังถ่ายเซลฟี่ ก็สามารถปลดล็อคเครื่องได้อย่างรวดเร็ว ง่าย และสะดวกสบายมากขึ้นค่ะ
มาพร้อมโหมดพลังงานขั้นสูงที่จะรองรับแค่นาฬิกาปลุก, รายชื่อเบอร์โทร, โทรศัพท์สนทนา และข้อความเท่านั้น
iManager เป็นการจัดการพื้นที่ต่างๆ ภายในเครื่องให้ลื่นไหลขึ้น ด้วยการล้างข้อมูลขยะต่างๆ ในตัวเครื่อง หรือตั้งค่าการรับส่งข้อมูล รายละเอียดของข้อมูล รวมไปถึงการตั้งค่าเกี่ยวกับการใช้บริการเครือข่ายด้วยค่ะ
ในส่วนนี้จะเป็นหน้าแสดงหน่วยความจำที่ใช้งานไปแล้ว, หน้าแจ้งเตือนอัพเดทเป็น Android เวอร์ชั่นล่าสุด และตัวจัดการไฟล์ต่างๆ ภายในตัวเครื่อง
รองรับ Face Beauty ระหว่างสนทนาทางวิดีโอผ่านแอปฯ ที่รองรับการใช้งาน, รองรับการแจ้งเตือนด้วยแสงแฟลช และการใช้งานด่วนค่ะ
รองรับ Easy Touch ที่จะคล้ายๆ กับปุ่มโฮมบนหน้าจอหรือ Assistive Touch ของ iPhone
การใช้งานอัจฉริยะ เป็นการเปิดการใช้งานฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เพื่อปลุกหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น SmartWake การวาดตัวอักษรที่กำหนดผ่านหน้าจอที่กำลังสลีป, ใช้งานโดยไม่สัมผัส, เปิด/ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ, การโทรอัจฉริยะ, เขย่าเพื่อเปิดไฟฉาย, ซูมโดยการเอียงโทรศัพท์, การเตือนอัจฉริยะ และมีโหมดการใช้งานมือเดียวอีกด้วย
รองรับ Smart Split เวอร์ชันล่าสุด ฟังก์ชั่นนี้ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แอปฯ ได้หลายแอพฯ เช่น Facebook, WhatsApp, LINE, WeChat, YouTube ได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว เพียงใช้ 3 นิ้ว ลากลงมาที่หน้าจอ ก็สามารถแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ส่วน ให้ผู้ใช้งานได้สนุกทั้งความบันเทิง และการแชทได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ยังรองรับ App Clone ฟังก์ชั่นใหม่ที่ช่วยให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยสามารถเข้าใช้งานแอปพลิเคชันด้วยบัญชี 2 บัญชีพร้อมกันอย่างง่ายดาย, รองรับการใช้งานมือเดียว และฟีเจอร์ Picture-In-Picture ด้วยค่ะ
ศูนย์รวมแอปฯ Google มีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ หรือยูทูป เป็นต้น และเพื่อนๆ สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ที่ต้องการได้จาก Play Store ขณะที่การทำงานของ Google ว่องไวมากขึ้นด้วยการกดค้างไปที่ปุ่มโฮมบนหน้า Home Screen ค่ะ
ในครั้งแรกที่เราได้ทดลองใช้งาน vivo V9 ประสบปัญหาอย่างหนึ่งคือไม่สามารถดาวน์โหลดแอปฯ Facebook จาก Play Store ได้ แม้ว่าจะลองพิมพ์ชื่อลองค้นหาดูแล้วก็ตาม วิธีแก้ง่ายๆ ถ้าหากเพื่อนๆ เจอกับปัญหาดังกล่าวเช่นเดียวกัน คือให้ลองดาวน์โหลดแอปฯ ผ่าน V-Appstore แต่การใช้งานก็ยังมีหน่วงๆ และเด้งออกอยู่บ่อยๆ งานนี้ต้องรอทาง vivo ปล่อยตัวอัพเดทอย่างเดียวเลยค่ะ
แอปฯ วัดสภาพอากาศ,vivo Cloud เราสามารถสำรองข้อมูล ผู้ติดต่อ ข้อความ และบุ๊คมาร์ก โดยข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บรักษาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง เมื่อทำการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในครั้งต่อไป แค่ทำการล็อกอินข้อมูลก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิมทุกประการ และแอปฯ EasyShare สำหรับรับส่งข้อมูล ไฟล์ โอนข้อมูลต่างๆ
ปฏิทิน, นาฬิกาปลุก และโหมดถนอมสายตา Bluelight Filter ที่ระบบจะทำการตัดแสงสีฟ้าของหน้าจอออกเป็นโทนเหลืองนวล สามารถปรับได้หลายช่วงตามความต้องการของผู้ใช้งาน และสามารถตั้งค่ากำหนดเวลาเริ่มหรือสิ้นสุดการใช้งานโหมดถนอมสายตาได้อีกด้วย
การโทรสนทนา, ส่งข้อความ และ GPS ที่ระบุตำแหน่งได้แม่นยำพอสมควร
รองรับการบันทึกหน้าจอแบบแนวยาว
เครื่องมือการใช้งานมีมาให้ครบครัน เริ่มต้นที่สมุดโน้ต ที่สามารถ วาด เขียน และพิมพ์ได้ตามสะดวก, เครื่องคิดเลข
เครื่องบันทึกเสียง, เข็มทิศ, วิทยุ FM
รองรับโหมดมอเตอร์ไซค์ โดยจะเป็นการตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนต่างๆ, ปฏิเสธการรับสายโดยอัตโนมัติ พร้อมตอบกลับด้วย SMS ทันที หรือประเมินความเร็วในการขับขี่ก่อนรับสาย เป็นต้น
vivo.com จะเป็นแอปฯ ที่รวมข้อมูลการติดต่อศูนย์บริการบริเวณใกล้เคียง หรือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้งาน, เมื่อกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะขึ้นหน้าแอปฯ ที่ใช้งานไปแล้วทั้งหมด สามารถเคลียร์แอปฯ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดไปที่กากบาท และหากกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องจะมีเมนูปิดเครื่อง และปุ่มรีสตาร์ทระบบค่ะ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหน้ากันเลยค่ะ โดยจะรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่มจับภาพในมุมที่กว้างขึ้นไม่หลุดเฟรม พร้อมรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K
สำหรับโหมดถ่ายภาพ Face Beauty ผสานการทำงานของระบบ AI ที่ชาญฉลาด ที่สามารถตรวจจับลักษณะของผู้ใช้งาน อาทิ อายุ เพศ โทนสีผิว สภาพผิว รวมถึงสภาพแสงโดยรอบ พร้อมรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ขณะที่โหมดถ่ายภาพปกติรองรับได้ทั้งโหมด Live Photo และหน้าชัดหลังเบลอ
นอกจากนี้หลังจากที่เราถ่ายภาพยังมีฟีเจอร์ AI Selfie Lighting อัลกอริทึม AI จะปรับภาพใบหน้า 2 มิติ ให้กลายเป็น 3 มิติ และปรับแสงที่ใบหน้าให้ออกมาโดดเด่น มีเอฟเฟ็กต์ให้เลือกมากมาย อาทิ Natural Light, Studio Light, Stereo Light และแบล็คกราวน์ Monochrome โดยสามารถเลือกปรับได้ตามหมวดหมู่ที่ต้องการเลยค่ะ
น่ารักสุดๆ พร้อมเพิ่มความสนุกให้กับการเซลฟี่ด้วย AR Stickers โดยมีให้เลือกหลายรูปแบบ แต่จำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ตดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ก่อนนะคะ โดยเจ้า AR Stickers ของ vivo V9 สามารถจับใบหน้าของบุคคลที่อยู่ในเฟรมได้ทั้งหมดกล่าวคือ เมื่อถ่ายภาพ 3 คน AR Stickers ก็จะปรากฏทั้ง 3 คน เพิ่มความน่ารักให้กับภาพถ่ายได้เยอะเลยค่ะ
ลำดับถัดมาเราจะไปดูกันที่โหมดการใช้งานของกล้องหลัง โดยจะรองรับโหมดถ่ายภาพ Face Beauty เช่นเดียวกัน พร้อมรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ส่วนโหมดถ่ายภาพปกติก็รองรับได้ทั้งโหมด Live Photo และหน้าชัดหลังเบลอเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังสามารถตั้งค่าการถ่ายภาพ และภาพถ่ายได้เอง โดยมีลายน้ำให้เปิดใช้งานด้วย (ในลำดับถัดไปสำหรับตัวอย่างภาพถ่ายเราได้เปิดใช้งาน และไม่ได้เปิดใช้งานลายน้ำนะคะ) พร้อมรองรับโหมดการใช้งานโหมด HDR เพิ่มความละเอียดให้แก่ภาพถ่าย, โหมดเอกสาร, ถ่ายภาพเคลื่อนไหวช้า, ถ่ายภาพเคลื่อนไหวเร็ว และโหมดมืออาชีพที่สามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้เองค่ะ
รองรับโหมดถ่ายภาพพาโนรามา, บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K และรองรับ AR Stickers ได้เช่นเดียวกับกล้องหน้าค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก vivo V9
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก vivo V9
อีกหนึ่งจุดขายสำคัญของ vivo V9 คงหนีไม่พ้นกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียดสูง 24 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 โดยรองรับ Bokeh Mode ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, ปรับหน้าสวยทันใจอย่างเป็นธรรมชาติด้วย Face Beauty Mode ปรับได้ทั้งหมด 6 ระดับ พร้อมผสานระบบ AI ที่ชาญฉลาด และรองรับ AI Selfie Lighting ปรับแสงได้สวยดั่งใจ ซึ่งจากตัวอย่างภาพถ่ายเลือกปรับ Face Beauty อยู่ที่ระดับ 2 ภาพที่ได้ใบหน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติไม่เฟค
นอกจากนี้ยังรองรับ AR Stickers เพิ่มความสนุกให้กับการเซลฟี่อีกด้วยค่ะ ซึ่ง AR Stickers จะมีฟิลเตอร์สีที่ต่างกันไปในแต่ละตัวสติ๊กเกอร์ เรียกได้ว่าเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการเซลฟี่ หรือชอบแชร์ภาพถ่ายตนเองลงในโซเชียลต่างๆ ไม่ควรพลาดเลยค่ะ
จุดเด่น
– หน้าจอ FullView ขนาดใหญ่เต็มตา 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
– ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 626 แบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz
– หน่วยความจำแรม 4GB จับคู่ความจุ 64GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256GB
– รันระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับ Funtouch OS 4.0 เวอร์ชันล่าสุด
– กล้องหลังเลนส์คู่ 16MP + 5MP ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อม LED flash ทำงานออกมาได้ดีทีเดียว ภาพถ่ายที่ได้มีความสวยคมชัดดี
– กล้องหน้าความละเอียดสูง 24MP ค่ารูรับแสง f/2.0 รองรับ Bokeh Mode
– ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง รองรับ Bokeh Mode, AI Face Beauty Mode บิวตี้ปรับใบหน้าสวย, AI Selfie Lighting และ AR Stickers เพิ่มความสนุกให้กับการเซลฟี่
– รองรับระบบจดจำใบหน้า AI Face Access ที่แม่นยำ และสแกนลายนิ้วมือที่ฉับไวไม่แพ้กัน
– รองรับ Game Mode แชทหรือตัดการรบกวนขณะเล่นเกม
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid dual SIM
– แบตเตอรี่ความจุ 3260 mAh ใช้งานได้นานข้ามวัน และสแตนด์บายได้นานหลายวัน
– ตัวเครื่องมีความบางเบา ถือจับกระชับมือ ไม่ใหญ่เทอะทะ
– นับเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอ FullView กล้องหลังเลนส์คู่ กล้องหน้าสวยเนี้ยบ และสเปคอื่นๆ ครบครัน ที่มีค่าตัวไม่แพงเพียงแค่ 10,999 บาทเท่านั้น ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากค่ะ
ข้อสังเกต
– ช่วงที่ได้รับเครื่องมาทดลองใช้งานนั้น ไม่สามารถดาวน์โหลดแอปฯ Facebook ได้ผ่าน Play Store จำใจต้องดาวน์โหลดผ่าน V-Appstore แล้วรอให้ทาง vivo อัพเดทแก้ไขปัญหาส่วนนี้ในภายหลังค่ะ
– ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
– การรับชมผ่าน YouTube ยังไม่เต็มจอ เหลือขอบด้านข้างไว้อยู่เล็กน้อย ต้องรออัพเดทแก้ไขอีกเช่นเดียวกัน
– ตัวเครื่องสีดำที่ได้มาทดลองนั้นเป็นรอยนิ้วมือง่าย จำเป็นต้องใส่เคสไว้ตลอดเวลา
– ตัวเครื่องสีน้ำเงินจะวางจำหน่ายในภายหลังค่ะ (ยังไม่มีกำหนดการแน่ชัด)
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Asus ZenFone 4 Selfie Pro
– Huawei Y9 2018
– Gionee A1 Plus
– Moto G5S Plus
– Nokia 7 Plus
– OPPO F5
– OPPO R9s Pro
– Samsung Galaxy A3 (2017)
– Sony Xperia XA1 Ultra
– vivo V7+
ขอขอบคุณ บริษัท วีโว่ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
Leave a Reply