Apple เก้าอี้สะเทือน! หลังจากที่ iPhone X ไม่แรงอย่างที่คิด? ด้านแบรนด์จีนรุกหนักติด Top 5 ถึง 3 แบรนด์
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกท่านค่ะ วันนี้เรามีบทความดีๆ จาก “ประชาชาติธุรกิจ“ มาฝากให้ได้รับชมกัน โดยเป็นบทความเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของตลาดสมาร์ทโฟนในโลกที่ตอนนี้แบรนด์จีนเขาไม่ได้มาเล่นๆ ติด Top 5 มากถึง 3 แบรนด์ ด้วยกลยุทธ์ราคาไม่แพง แต่มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจ และพูดถึง iPhone X สมาร์ทโฟนฉลองครบรอบ 10 ปีของ Apple ที่ไม่ได้ปังอย่างที่คิด พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปชมบทความนี้กันเลยค่ะ
หลังมีผู้ใช้งานโพสต์กระทู้บนโลกออนไลน์ว่า iPhone ของตนทำงานช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุด “Apple” ออกมายอมรับว่าทางบริษัทจงใจทำให้ iPhone รุ่นเก่าๆ ทำงานช้าลง ผ่านการอัปเดตระบบปฏิบัติการ iOS 11.2.0 ซึ่งจะลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องรุ่นเก่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เครื่องดับโดยไม่ทันตั้งตัว และช่วยรักษาอะไหล่ภายในเครื่องไปในตัว
Apple ระบุว่าฟีเจอร์ดังกล่าวจะทำงานกับเฉพาะ iPhone 6, iPhone 6s, iPhone SE ซึ่งเริ่มมีการปรับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และปีนี้ได้ขยายมายัง iPhone 7 ทั้งยังมีแผนขยายฟีเจอร์ดังกล่าวไปยังรุ่นอื่นๆ ในอนาคต แม้ Apple จะอ้างเหตุผลว่าเพื่อไม่ให้แบตเตอรี่ทำงานหนัก ป้องกันไม่ให้เครื่องดับแบบกะทันหัน
แต่กรณีที่เกิดขึ้นก็ได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้บริโภคหลายคน และทำลายความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ Apple เพราะมองว่านี่คือการเอาเปรียบของ Apple เพื่อบีบให้ผู้บริโภคเปลี่ยนไปซื้อรุ่นใหม่ที่ทันสมัยขึ้น ทำให้มีกลุ่มผู้บริโภคในรัฐอิลลินอยส์ และแคลิฟอร์เนีย ฟ้องบริษัท Apple โดยระบุว่าการกระทำของ Apple ไม่ได้รับการยินยอมจากผู้บริโภค ถือเป็นการบังคับทางอ้อมให้ต้องซื้อรุ่นใหม่ที่พัฒนาออกมาทุกปี
อาจเรียกว่าเป็นหนึ่งปัจจัยลบที่เข้ามากระทบความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ Apple เพราะแม้ว่าจะเป็นความตั้งใจดีของ Apple แต่ด้วยความที่ไม่สื่อสารกับลูกค้าจนกลายเป็นเรื่องของความโปร่งใส และทำให้เกิดคำถามขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ Apple อาจจะเคยทำอะไรที่เป็นการเอาเปรียบลูกค้ามากกว่านี้หรือไม่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่ถึง 2 เดือน หลังจาก Apple เปิดตัว iPhone X หรือ iPhone 10 มือถือเรือธงฉลองครบรอบ 10 ปี ที่หน้าจอปราศจากปุ่มกดใดๆ และสามารถสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้ และหลายๆ คนคาดว่านี่คือการกลับมาเปลี่ยนโฉมโลกเทคโนโลยีอีกครั้งของ Apple เหมือนกับที่เคยทำเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
เพราะหลังจาก iPhone 6s เป็นต้นมา ยอดขาย iPhone ก็ไม่ค่อยโดดเด่นเหมือนอดีต เพราะ Apple รุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาไม่มีอะไรแตกต่างจากเครื่องรุ่นเดิมมากนัก แต่สำหรับ iPhone X เรียกได้ว่าเป็นเครื่องที่สเปคจัดเต็ม มีลูกเล่นใหม่ๆ และมีพัฒนาการของเทคโนโลยีอย่างโดดเด่น
แม้ช่วงแรกจะมีรายงานว่ายอดจองถล่มทลาย แต่ดูท่าผลงานของ iPhone X ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเท่าไหร่ ล่าสุด “DigiTimes” สำนักข่าวด้านไอทีจากไต้หวัน รายงานอ้างแหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ว่า Apple ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดจัดส่ง iPhone X จาก 50 ล้านเครื่อง เป็น 30 ล้านเครื่อง สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของการเปิดขาย
ขณะที่ยอดพรีออร์เดอร์ iPhone X ในไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา ไม่มากเท่าที่คาดการณ์เอาไว้ แม้ว่าบางตลาด เช่น ญี่ปุ่น จะยังมียอดจองจำนวนมากก็ตาม นอกจากนี้แหล่งข่าวนิรนามยังให้ความเห็นว่ายอดขาย iPhone X ในไตรมาสแรกของปี 2018 อาจจะชะลอตัวลงไปอีก
Zhang Bin นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ชิโนลิงค์ ของจีน คาดว่า ยอดจัดส่ง iPhone X ในไตรมาสแรกปี 2018 อาจลดลงเหลือเพียง 35 ล้านเครื่อง และอาจลดลงต่ำสุดแค่ 10 ล้านเครื่องเท่านั้น เนื่องจากราคาที่สูงมากของ iPhone X จึงทำให้ความต้องการลดลง
สอดคล้องกับนักวิเคราะห์จาก JL Warren Capital ประมาณการว่ายอดขาย iPhone X ไตรมาสแรกปี 2018 อาจลดลงเหลือราว 25 ล้านเครื่องเท่านั้น ด้วยเหตุผลเดียวกันว่าราคาสูง และไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจนัก
อีกปัจจัยที่จะเข้ามากระทบการเติบโตของยอดขาย iPhone 10 ก็คือ การกลับมาของ Samsung ด้วยการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่อย่าง Galaxy S8 และ Galaxy Note8 ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ หลังจากก้าวผ่านวิกฤตปัญหาการระเบิดของ “Samsung Galaxy Note7”
นอกจากนี้ ด้วยบทบาทและความแรงของแบรนด์มือถือจีน ที่มุ่งเน้นพัฒนาแบรนด์ให้มีคุณภาพเทียบเท่าระดับโลก และผงาดขึ้นมาชิงส่วนแบ่งตลาดของ Apple ทั้ง Huawei, Xiaomi รวมไปถึง OPPO ที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดบ้านเกิดอย่างจีน ซึ่งถือเป็นตลาดมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก และปัจจุบันหลายๆ ค่ายก็เปิดเกมรุกขยายตลาดออกนอกบ้านเกิด โดยเฉพาะการรุกตลาด “อินเดีย” ซึ่งถือว่าเป็นตลาดสมาร์ทโฟนใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ขณะที่ผลสำรวจตลาดสมาร์ทโฟนโลกจากสำนักสถิติ “Statista” ระบุว่า ไตรมาส 3/2017 “Samsung” ยังครองแชมป์ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 22.8% ตามมาด้วย Apple จำนวน 12.5%, Huawei จำนวน 10.5%, OPPO จำนวน 8.2% และ Xiaomi จำนวน 7.4% จาก ณ สิ้นปี 2016 ทางด้าน Samsung มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 18.1%, Apple อยู่ที่ 18.3%, Huawei อยู่ที่ 10.6%, OPPO อยู่ที่ 7.3% และ vivo อยู่ที่ 5.8%
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนแบรนด์จีนได้ก้าวขึ้นมาติด Top 5 ของตลาดสมาร์ทโฟนโลกถึง 3 แบรนด์ ด้วยเพราะกลยุทธ์ราคาไม่แพง พร้อมด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่น่าสนใจเสมอ โดยเฉพาะ Huawei ที่เคยลั่นเอาไว้ว่าจะแซงหน้าขึ้นเป็นเจ้าตลาดอันดับ 2 แทน Apple ให้ได้เร็วๆ นี้
ดังนั้น ปัจจุบันที่แข่งขันกันเต็มอัตราศึกด้วยเทคโนโลยี จึงอาจเป็นโจทย์สำคัญของ “ทิม คุก” ซีอีโอของ Apple ว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับอนาคตของแบรนด์ เพราะการขายสินค้าด้วยความเชื่อมั่นว่าลูกค้ามีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ อาจจะไม่ใช่ไอเดียที่ดีอีกต่อไป เพราะมีคู่แข่งอีกมากมายที่พร้อมจะฟาดฟันด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดเวลา
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ prachachat.net
Leave a Reply