Samsung Galaxy Note Fan Edition ซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต แฟน เอดิชั่น ราคา
Samsung Galaxy Note Fan Edition ราคา 13,900 บาท (ณ วันที่ 22 พ.ย. 62)
Samsung Galaxy Note Fan Edition มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ 1.สีฟ้าคอรัล 2.สีดำโอนิกซ์
สเปคเครื่อง Samsung Galaxy Note Fan Edition
| Features | Samsung Galaxy Note Fan Edition |
| วันเปิดตัว : | – พฤศจิกายน 2560 |
| ราคา : | – 13,900.- (ณ วันที่ 22 พ.ย. 62) |
| ระบบปฏิบัติการ : | – Android 7.1.1 (Nougat) |
| หน้าจอ : | – หน้าจอ Super AMOLED |
| – ขนาด 5.7 นิ้ว | |
| – อัตราส่วน 16:9 | |
| – ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (Quad HD) | |
| – Always On Display | |
| – Gorilla Glass 5 | |
| – HDR10 | |
| – S Pen Support | |
| – Multitouch | |
| CPU : | – Exynos 8890 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz |
| GPU : | – Mali-T880 MP12 |
| RAM : | – 4GB |
| ความจำตัวเครื่อง : | – 64GB |
| – microSD Card สูงสุด 256GB | |
| กล้องหลัง : | – 12 ล้านพิกเซล |
| – ค่ารูรับแสง f/1.7 | |
| – LED flash | |
| – PDAF | |
| – Auto Focus | |
| – Auto HDR | |
| – OIS | |
| – Geo-tagging | |
| – Touch Focus | |
| – Face/Smile Detection | |
| – Panorama | |
| กล้องหน้า : | – 5 ล้านพิกเซล |
| – ค่ารูรับแสง f/1.7 | |
| – Auto HDR | |
| Video : | – 4K@30fps |
| Battery : | – 3200 mAh รองรับ Fast Charging |
| ขนาด : | – 153.5×73.9×7.9 มม. |
| น้ำหนัก : | – 167 กรัม |
| รองรับซิม : | – Dual SIM |
| ระบบกันน้ำ : | – IP68 |
| ระบบเครือข่าย : | – 3G : HSDPA 850/900/1700/1900/2100 MHz |
| – 4G LTE | |
| ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 2.4G+5GHz |
| – Bluetooth 4.2 | |
| – USB Type-C | |
| – NFC | |
| – PC Sync. | |
| – Samsung Pay | |
| – 3.5mm jack | |
| GPS : | – GLONASS |
| – Beidou | |
| – Galileo | |
| Sensor : | – Fingerprint |
| – Iris Scanner | |
| – Accelerometer | |
| – Barometer | |
| – Gyro | |
| – Geomagnetic Sensor | |
| – Hall Sensor | |
| – HR Sensor | |
| – Proximity | |
| – RGB Light | |
| สี : | – ฟ้าคอรัล (Blue Coral) |
| – ดำโอนิกซ์ (Black Onyx) |
S Pen: ดีไอคอนแห่งผลิตภัณฑ์ตระกูล Galaxy Note S Pen ของ Galaxy Note Fan Edition ได้พัฒนาขึ้นให้มีความแม่นยำสูงด้วยปลายปากกาขนาดเพียง 0.7 มิลลิเมตร โดยผู้ใช้งานสามารถจดไอเดียความคิดสร้างสรรค์ที่คิดขึ้นได้ดั่งใจคิดแม้ขณะไม่ได้ทำการปลดล็อคหน้าจอด้วยฟังก์ชั่น Screen Off Memo
นอกจากนี้ยังสามารถสร้างงานศิลปะในรูปแบบไฟล์ GIF Animation โดย Smart Select จากฟังก์ชั่น Air Command รวมถึงฟังก์ชั่น Magnify และ Translate ให้สามารถขยายหน้าจอหรือแปลภาษาต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
![screen-10.38.17[02.11.2017]](https://www.ninethaiphone.com/wp-content/uploads/2017/11/screen-10.38.1702.11.2017.png)
• อิสระในการทำงานด้วยดีไวซ์พกพาแบบมืออาชีพ: Samsung Galaxy Note Fan Edition ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาแม้ขณะเปียกน้ำหรือเปื้อนฝุ่น นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้ด้วยน้ำหนักเบาเพียง 167 กรัม และขนาดหน้าจอ 5.7 นิ้ว ที่จับได้พอดีมือ ง่ายต่อการพกพาและใช้งานในทุกที่ทุกเวลา
![screen-10.37.50[02.11.2017]](https://www.ninethaiphone.com/wp-content/uploads/2017/11/screen-10.37.5002.11.2017.png)
• ให้ความบันเทิงขีดสุดพร้อมการสั่งการเหนือชั้น: ด้วยจอภาพแสดงผลขนาด 5.7 นิ้ว แบบ QHD Super AMOLED และสัดส่วน 16:9 ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงขีดสุดเสมือนมีโรงภาพยนตร์ส่วนตัว รวมถึงฟังก์ชั่น HDR Streaming ซึ่งผู้ใช้สามารถเก็บรายละเอียดภาพยนตร์ได้อย่างครบครันเพื่ออรรถรสในการรับชม และยังรองรับการใช้งาน Bixby ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ
![screen-10.38.32[02.11.2017]](https://www.ninethaiphone.com/wp-content/uploads/2017/11/screen-10.38.3202.11.2017.png)
• ระบบรักษาความปลอดภัยการเข้าใช้งานสุดไฮเทค: Samsung Galaxy Note Fan Edition ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยชั้นยอด ด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริก (Biometric) ที่รวมถึงระบบสแกนม่านตา ระบบสแกนลายนิ้วมือ ผนวกกับซัมซุง นอกซ์ (Samsung Knox) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มความปลอดภัยระดับโลก
นอกเหนือจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถ เข้าเว็บไซต์ต่างๆ ใช้งานบนโมบายแบงค์กิ้งที่สะดวกและปลอดภัยกว่าเดิมผ่าน Samsung Pass ซึ่งล้วนต้องใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกเพื่อยืนยันตัวตนก่อนทุกครั้งและยากต่อการเลียนแบบ
• ความปลอดภัยของแบตเตอรี่: มั่นใจได้อย่างเต็มเปี่ยมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 3200 mAh ล็อตใหม่หมดซึ่งผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างละเอียดถึง 8 จุด อันเป็นมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนปัจจุบัน ประกอบด้วย การทดสอบความทนทาน (Durability), การตรวจสอบด้วยสายตาเปรียบเทียบตัวอย่างมาตรฐาน (Visual Inspection), การเอ็กซ์เรย์เพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติ (X-Ray Test)
การทดสอบจ่ายไฟเข้าและหยุดชาร์จตัวเครื่อง (Charge and Discharge Test), การทดสอบการรั่วไหลของกระแสไฟ (TVOC Test), การตรวจสอบคุณภาพจากส่วนประกอบถอดแยกของเซลล์แบตเตอรี่ (Disassembling Test), การจำลองการใช้งานจากสถานการณ์จริงของผู้บริโภค (Accelerated Usage Test) และการตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่โดยการทดสอบความเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟในสภาพอุณหภูมิปกติ (ΔOCV Test)
Leave a Reply