รีวิว Nokia 8 เรือธงขุมพลัง Snapdragon 835 แรม 4GB กล้องหน้า-หลังเลนส์ ZEISS พร้อมโหมด Bothie และระบบเสียง Nokia OZO แบบ 360 องศา
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ หลังหลังจากที่ HMD Global ได้ทำการเปิดตัว Nokia 8 สมาร์ทโฟนเรือธงกล้องคู่รุ่นล่าสุดไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (ดูเพิ่มเติม) โดยตอบโจทย์การใช้งานของเหล่าโซเชียลเป็นอย่างมากด้วยโหมด Bothie (โบธี) ของกล้องหน้าและหลังเลนส์ ZEISS ประสิทธิภาพระดับโลก ที่สามารถบันทึกได้ความละเอียดสูงสุดถึง 4K
พร้อมฉีกกฎของการ Live Steaming แบบเดิมๆ ด้วยมิติของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ได้พร้อมกันทั้งกล้องหน้าและหลัง สามารถ Live สดสู่โลกโซเชียลผ่าน Facebook หรือทาง YouTube ได้ทันทีอีกด้วย ตัวเครื่องใช้วัสดุอลูมิเนียมสุดบาง มีระบบเสียง Nokia OZO สามารถบันทึกเสียงได้แบบรอบทิศทาง 360 องศา และสเปคการใช้งานอื่นๆ ระดับเรือธง
สำหรับ Nokia 8 ที่วางจำหน่ายในไทยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงินเงา สีน้ำเงินเข้ม และสีเงิน ราคาจำหน่าย 19,500 บาท พร้อมวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปชมรีวิว Nokia 8 เรือธงรุ่นล่าสุดของ Nokia เครื่องนี้กันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค Nokia 8
Features | Nokia 8 |
วันเปิดตัว : | – สิงหาคม 2560 |
ราคา : | – 19,500.- (ณ วันที่ 22 ต.ค. 60) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 7.1.1 Nougat |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS |
– ขนาด 5.3 นิ้ว | |
– ความละเอียด 2560×1440 พิกเซล | |
– Always-on display | |
– Gorilla Glass 5 | |
– ขอบโค้ง 2.5D | |
– Touchscreen | |
CPU : | – Snapdragon 835 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.5GHz |
GPU : | – Adreno 540 |
RAM : | – 4GB |
ROM : | – 64GB |
– microSD Card สูงสุด 256GB | |
กล้องหลัง : | – 13 MP (สี + OIS) + 13 MP (ขาวดำ) |
– dual tone LED flash | |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– PDAF | |
– face detection | |
– กันสั่น OIS | |
– geo-tagging | |
– touch focus | |
– HDR | |
– panorama | |
กล้องหน้า : | – 13 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– PDAF | |
– จอภาพแฟลช | |
Video : | – 2160p@30fps, 1080p@30fps |
Battery : | – 3090 mAh รองรับ Quick Charge 3.0 |
ขนาด : | – 151.5×73.7×7.9 มม. |
น้ำหนัก : | – 160 กรัม |
รองรับซิม : | – dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – IP54 |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/1900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (MIMO) |
– Bluetooth 5.0 | |
– NFC ANT+ | |
– 3.5mm jack | |
– USB Type C | |
– OZO audio | |
GPS | – AGPS |
– GLONASS | |
– BDS | |
Sensor : | – Fingerprint |
– Accelerometer | |
– Gyro | |
– Proximity | |
– Compass | |
– Heart Rate | |
สี : | – เงิน (Steel) |
– น้ำเงินขัดเงา (Tempered Blue) | |
– น้ำเงินเข้ม (Polished Blue) |
แกะกล่อง Nokia 8
Nokia 8 บรรจุมาในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดที่หน้ากล่องยังคงมีรูปคนจับมือกันตามคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมของแบรนด์ Nokia สโลแกน Connecting People ที่เชื่อมต่อมนุษย์กับเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนเข้าด้วยกัน
ด้านหลังกล่องจะมีสเปคการใช้งานเด่นๆ ของ Nokia 8 ระบุเอาไว้ อาทิ ใช้กล้อง ZEISS ทั้งกล้องหน้าและหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 835, หน้าจอ 2K ขนาด 5.3 นิ้ว, แรม 4GB ความจุ 64GB รองรับ microSD Card และมีระบบเสียง Nokia OZO แบบ 360 องศา เป็นต้น
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– Nokia 8 ตัวเครื่อง สีเงิน
– สายชาร์จ USB
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– หูฟัง In Ear มีสมอลทอร์ค
– จุกหูฟัง
– คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
ทำความรู้จัก Nokia 8
ด้านหน้า Nokia 8 มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด 2560×1440 พิกเซล (2K) ครอบทับกระจกกันรอย Gorilla Glass 5 ขอบโค้ง 2.5D มีฟีเจอร์ Always-on display หรือ Glance สำหรับแจ้งเตือนการใช้งานต่างๆ ขณะหน้าจอล็อค ไม่ว่าจะเป็น เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่, วันที่และเวลา, สายที่ไม่ได้รับ และข้อความ เป็นต้น
ด้านหน้าส่วนบน ประกอบไปด้วย เลนส์กล้องหน้าเซลฟี่ออปติก ZEISS ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พิกเซลขนาด 1.12um เลนส์มุมกว้าง 78.4 องศา ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อม Screen Flash และโหมดบิวตี้, รูไมโครโฟน (ในช่องลำโพง), ลำโพงสำหรับสนทนา และโลโก้แบรนด์ Nokia
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบไปด้วย ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮมที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และปุ่ม Recent App โดยปุ่มนำทางจะใช้งานแบบสัมผัสมีไฟ Backlight
ด้านหลัง Nokia 8 มาพร้อมตัวเครื่องบอดี้โลหะแบบ Unibody ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมเกรด 6000 ขอบเครื่องโค้งมนจับกระชับมือ สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP54 ตัวเครื่องบางเพียง 7.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบาพกพาสะดวก 160 กรัม ตัวเครื่องสีเงินที่นำมารีวิวนั้นมีผิวสัมผัสเรียบด้านไร้รอยนิ้วมือ
ด้านหลังส่วนบน ประกอบด้วย กล้องหลังเลนส์ออปติก ZEISS ความละเอียด 13MP (สี) + 13MP (ขาวดำ) พร้อม dual tone LED flash ด้านบนเลนส์กล้องจะเป็นไมโครโฟนอีกหนึ่งตัว และกึ่งกลางตัวเครื่องจะเป็นโลโก้แบรนด์ Nokia
ด้านหลังส่วนล่าง มีข้อความสกรีนไว้ระบุถึงรหัสโมเดลรุ่น การออกแบบดีไซน์ หรือสถานที่ผลิต และเส้นเสารับสัญญาณที่ขอบเครื่องด้านล่าง
ด้านบนตัวเครื่อง จะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และเส้นเสาสัญญาณอากาศ
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type C และรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และลำโพงเพื่อความบันเทิง โดยระบบเสียงของ Nokia 8 มีมิติเสียงดังกังวานชัดเจนดีเยี่ยม
ด้านซ้ายตัวเครื่อง จะมีแค่เพียงช่องใส่ซิมการ์ดชนิด Nano SIM โดยจะรองรับ 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid dual SIM
สำหรับ Hybrid dual SIM คือเราจะต้องเลือกใช้งานระหว่าง SIM + SIM หรือ SIM + microSD Card นั่นเองค่ะ (ทำความรู้จัก Hybrid Slot)
ด้านขวาตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ปุ่มพาวเวอร์สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือรีเซ็ตเครื่องใหม่ และปุ่มปรับระดับเสียง
การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ทางด้านขวาตัวเครื่อง
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ Nokia 8 ที่มาพร้อม Snapdragon 835 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.5GHz และหน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 540 เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมทะลุแสน! โดยอยู่ที่ 175,000 คะแนนเลยทีเดียว
สำหรับสเปคการใช้งานของ Nokia 8 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด Nokia 8 มีรหัสรุ่น TA – 1004 หน้าจอความละเอียด 2K กล้องหลัง 13MP กล้องหน้า 13MP ชิปเซ็ต 8 Core รัน Android 7.1.1 และรองรับ NFC เป็นต้น
สำหรับการเล่นเกมสามารถดาวน์โหลดเกมไฟล์ความจุเยอะมาเล่นได้แบบสบายๆ ทำงานลื่นไหล ไม่มีกระตุกค่ะ
Interface
หน้าจอ Lock screen สามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้ด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน สามารถเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการสไลด์มุมขวาขึ้น และเข้าถึงโหมดบันทึกเสียงได้ทันทีเมื่อสไลด์มุมซ้ายขึ้นค่ะ
หน้า Home screen หลังจากที่ทำการปลดล็อคเครื่องจะมีมาให้เพียงแค่หน้าเดียว เนื่องจากเป็น Pure Android จึงไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรมาก แอปฯ หน้าแรกมีมาให้น้อยจัดวางเป็นระเบียบ และเมื่อสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบนจะพาเข้าสู่หน้ารวมแอปฯ ที่ประกอบไปด้วยแอปฯ ต่างๆ รองรับการใช้งานอย่างครบครัน
สามารถปรับแต่งหน้า Home screen ได้เอง ไม่ว่าจะเป็น ตั้งค่าวอลเปเปอร์ หน้าวิดเจ็ต หรือการตั้งค่าอื่นๆ
แอปพลิเคชันจาก Google มีให้ใช้งานอย่างครบครัน และสามารถเข้าใช้งาน Google ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการปัดหน้าจอด้านซ้ายไปทางขวามือ
แอปฯ Play Games สนุกไปกับการแข่งขันร่วมกับเพื่อนๆ ติดตามรางวัลพิเศษที่ได้รับ และอวดคะแนนทักษะได้ที่โปรไฟล์เกมเมอร์ ทั้งยังแชร์ผ่าน YouTube ได้อีกด้วย มีเกมหลายพันเกมให้เลือกสรร และเพื่อนๆ สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ที่ต้องการได้ที่ Play Store
แอปฯ Google Duo คือแอปฯ สำหรับการสนทนาผ่านวิดีโอแบบง่ายๆ ที่ใครก็ใช้ได้ ออกแบบอย่างเรียบง่าย เชื่อถือได้ และใช้สนุก
เมนูการตั้งค่าภายในตัวเครื่อง
การใช้งานข้อมูลเครือข่ายมือถือ และหน้าระบุข้อมูลหน่วยความจำที่ใช้งานภายในตัวเครื่อง
Nokia 8 รองรับเทคโนโลยี NFC การสื่อสารไร้
การรีเซ็ตตั้งค่าใหม่ทั้งหมดในตัวเครื่อง
หน้าอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุด
Nokia 8 มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังไว้ใต้ปุ่มโฮม รองรับสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ และก่อนการบันทึกลายนิ้วมือจำเป็นต้องเลือกรูปแบบการปลดล็อกด้วย อาทิ ตั้งค่ารหัสผ่าน, รูปแบบการวาดรหัส และใส่พินไอดี เป็นต้น
การใช้งาน Smart Lock ช่วยรักษาอุปกรณ์และบัญชีให้ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย สามารถตั้งล็อคอุปกรณ์ได้ทันทีเมื่ออุปกรณ์ไม่ได้อยู่กับตัว, การใช้ Chromebook ล็อคโดยอัตโนมัติเมื่อไม่ได้อยู่กับตัว และปลดล็อคทันทีเมื่ออุปกรณ์อยู่ใกล้ๆ และไม่ได้ล็อคอยู่ หรือใช้รหัสผ่านลดความยุ่งยากในการรักษาบัญชีให้ปลอดภัย สามารถบันทึกรหัสผ่านไปยังบัญชี Google ใช้งานได้อย่างสะดวก และปลอดภัย
การโทรสนทนา และการส่งข้อความ
เครื่องคิดเลข ปฏิทิน และนาฬิกาปลุก
Nokia 8 รองรับฟีเจอร์ Android Pay บริการจ่ายชำระเงินที่ผู้ใช้งานผูกบัญชีไว้กับบัตรเครดิต และรองรับ Multi Window การใช้งาน 2 หน้าจอ ใช้งานอย่างง่ายดายด้วยการกดค้างไปที่ปุ่ม Recent App
เมื่อสไลด์หน้าจอด้านบนลงจะพาเข้าสู่หน้า Quick setting ที่แสดงการแจ้งเตือน และเปิดใช้งาน หรือตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ภายในตัวเครื่อง โดยด้านล่างจะมีแจ้งเตือนต่างๆ ด้วย
เมื่อกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะพบกับแอปฯ ที่ใช้งานไปแล้วทั้งหมด สามารถเคลียร์แอปฯ ทั้งหมดด้วยการกดที่ “ล้างทั้งหมด” และกดเปิด-ปิดหรือรีสตาร์ทเครื่องได้ด้วยการกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่อง
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
เริ่มกันที่โหมดการใช้งานกล้องหน้าของ Nokia 8 คือมีโหมดการถ่ายภาพหลักๆ ได้แก่ ถ่ายโดยปรับตั้งค่าอื่นๆ ได้เอง, โหมดถ่ายภาพปกติ รองรับโหมด Dual-Sight ถ่ายภาพและวิดีโอแบบ Bothie ที่ถ่ายได้ทั้งกล้องหน้าและหลังพร้อมๆ กันค่ะ และโหมดถ่ายภาพทัชอัพหรือโหมดถ่ายบิวตี้ ที่สามารถปรับระดับความเนียนของผิวได้ 20 ระดับ
ตัวอย่างการถ่ายภาพและวิดีโอแบบ Bothie กล้องหลังและกล้องหน้าพร้อมกันของ Nokia 8
มาต่อกันที่โหมดการถ่ายภาพกล้องหลังของ Nokia 8 มีโหมดถ่ายภาพหลักๆ ได้แก่ ถ่ายภาพปกติ ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บภาพจากเลนส์กล้องสีอย่างเดียว หรือเลนส์กล้องขาวดำอย่างเดียว หรือจะใช้งานกล้องคู่ทั้งสองเลนส์ก็ได้, โหมดปรับตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ด้วยตนเอง
โหมดถ่ายภาพไลฟ์โบเก้ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ สามารถเลือกจุดโฟกัสได้ตามต้องการ, ถ่ายภาพพาโนรามาเก็บภาพแนวกว้างรอบทิศทาง และโหมดถ่ายภาพทัชอัพหรือโหมดถ่ายบิวตี้ ที่สามารถปรับระดับความเนียนของผิวได้ 20 ระดับ เช่นเดียวกับกล้องหน้า
สำหรับโหมดการถ่ายวิดีโอทั้งกล้องหน้าและหลังของ Nokia 8 สามารถบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K ทั้งกล้องหน้าและหลัง ผู้ใช้งานสามารถสตรีมมิงวิดีโอสดใน Facebook และ YouTube ด้วยกล้องหน้าและหลังพร้อมกันทั้ง 2 ด้าน มีระบบจับเสียง OZO Audio ทำงานร่วมกับไมค์โครโฟนสามตัวเพื่อบันทึกเสียงให้มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่น และแบบไทม์แลปส์ได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก Nokia 8
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Nokia 8
Nokia 8 มาพร้อมกล้องหน้าเซลฟี่เลนส์ออปติก ZEISS ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อม PDAF, โหมดบิวตี้ และจอภาพแฟลช ภาพที่ได้มีความละเอียด เห็นรายละเอียดเส้นผมชัดเจนดี โหมดทัชอัพหรือโหมดบิวตี้ปรับได้ 20 ระดับ เพิ่มความเนียนให้กับใบหน้า ภาพถ่ายดูนวลๆ แต่ยังเห็นรอยคล้ำใต้ตาหรือรอยดำจากสิวอยู่เพียงเล็กน้อย ยังคงสภาพผิวจริงอยู่ทำให้ดูเป็นธรรมชาติไม่เนียนเวอร์จนเกินไป
จุดเด่น
– ตอบโจทย์สายโซเชียลด้วยโหมด Dual-Sight พร้อมนวัตกรรมล่าสุด “Bothie” ที่ให้สตรีมมิงวิดีโอสดใน Facebook และ YouTube ด้วยกล้องหน้าและหลังพร้อมกันทั้ง 2 ด้าน บันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K
– สตรีมมิ่งในกล้องไปยัง Facebook Live และ YouTube Live ได้ทันที
– มีระบบเสียง Nokia OZO ที่สามารถเก็บมิติเสียงและกระจายเสียงได้แบบ 360 องศา
– รันระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat มาพร้อมบริการของ Google อย่างเต็มรูปแบบ และจะอัปเดตเป็น Android 8.0 Oreo ในอนาคต
– กล้องหลังเลนส์ออปติก ZEISS ความละเอียด 13MP (สี) + 13MP (ขาวดำ) พร้อม dual tone LED flash รูรับแสง f/2.0 กล้องมีความละเอียด ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดี ภาพถ่ายออกมาสีสันสวยสดใส
– กล้องหน้าเซลฟี่เลนส์ออปติก ZEISS ความละเอียด 13MP รูรับแสง f/2.0 มีโหมดบิวตี้
– ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 835 หน่วยความจำ RAM 4GB ความจุ 64GB และรองรับ microSD Card สูงสุด 256GB
– รองรับ 4G LTE
– ตัวเครื่องบางเพียง 7.9 มิลิลเมตร และสามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP54
– หน้าจอ IPS LCD ความละเอียด Quad HD ขนาด 5.3 นิ้ว มีกระจกกันรอย Gorilla Glass 5 ขอบโค้ง 2.5D
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องได้อย่างรวดเร็ว
– รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0
ข้อสังเกต
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid ไม่สะดวกต่อผู้ใช้งานที่ต้องการใส่ 2 ซิมการ์ด และ microSD Card พร้อมๆ กัน
– เป็นเรือธงที่มีขนาดหน้าจอเล็กไปนิด
– กล้องหน้าโหมดบิวตี้ยังไม่โดนใจเท่าไหร่ แตกต่างจากกล้องหน้าเลนส์คู่ที่ให้ภาพสวยมีความละเอียด ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ ใช้งานง่ายค่ะ
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Asus ZenFone 4 Pro
– Huawei P10 (64GB)
– Huawei P10 Plus
– Moto Z2 Play
– iPhone SE
– OPPO R9s Plus
– Samsung Galaxy C9 Pro
– Samsung Galaxy S7
– Sony Xperia XZ
ขอขอบคุณ HMD Global
Leave a Reply