รีวิว vivo V7+ จอบิ๊กไซส์ไร้ขอบ FullView Display กล้องเซลฟี่ 24MP พร้อม Selfie Softlight flash มีชิปเสียง Hi-Fi และระบบจดจำใบหน้า
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ สำหรับ vivo V7+ ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย ซึ่งเพื่อนๆ หลายคนอาจได้ชม Live สดหน้าเพจกันไปบ้างแล้ว โดยสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวชูจุดเด่นที่หน้าจอไร้ขอบแบบ FullView Display ขนาดกว้าง 5.99 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจับเครื่องที่มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว เนื่องจากตัวเครื่องไม่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้น ดีไซน์ตัวเครื่องจับกระชับมือ
กล้องหน้าเซลฟี่มีความละเอียดมากถึง 24 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 มีเซ็นเซอร์ภาพขนาดกว้าง 1/2.8 นิ้ว พร้อมคอนเซ็ปต์การถ่ายภาพแบบใหม่ “Clearer Selfie Perfect Shot” ที่จะทำให้ทุกภาพถ่ายเซลฟี่คมชัดมากยิ่งขึ้น เก็บรายละเอียดได้สูงมากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุด ขณะที่สเปคการใช้งานอื่นๆ จัดมาให้แบบเน้นๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมระบบโฟกัสแบบ PDAF
ซีพียู Snapdragon 450 แบบ Octa-Core แรม 4GB ความจุ 64GB รองรับ microSD Card ระบบเสียง Hi-Fi ชิปเซ็ต AK4376A มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมระบบจดจำใบหน้า รองรับการใช้งาน2 ซิมการ์ดแบบ Triple Slot และอื่นๆ แบบครบเครื่อง โดย vivo V7+ มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 9,999 บาท และในวันนี้เราได้ตัวเครื่อง vivo V7+ สีดำ Matte Black มารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน พูดแล้วอย่ารอช้าเราไปติดตามกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค vivo V7+
Features | vivo V7+ |
วันเปิดตัว : | – กันยายน 2560 |
ราคา : | – 9,999.- (ณ วันที่ 10 เม.ย. 61) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 7.1 (Nougat) ครอบทับ Funtouch OS 3.2 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS |
– ขนาด 5.99 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1440×720 พิกเซล | |
– Corning Gorilla Glass 4 | |
– ขอบโค้ง 2.5D | |
– Multitouch | |
CPU : | – Snapdragon 450 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.8GHz |
GPU : | – Adreno 506 |
RAM : | – 4GB |
ROM : | – 64GB |
– microSD Card สูงสุด 256GB | |
กล้องหลัง : | – 16 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f2.0 | |
– LED flash | |
– Portrait Bokeh | |
– Ultra HD | |
– Face Beauty | |
– Group Selfie | |
– PDAF | |
– Panorama | |
กล้องหน้า : | – 24 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f2.0 | |
– Selfie Softlight flash | |
– Face Beauty | |
Video : | – 1080p@30fps |
Battery : | – 3225 mAh |
ขนาด : | – 155.87×75.74×7.7 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก : | – 160 กรัม |
รองรับซิม : | – dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : WCDMA 850/900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 b/g/n/ac |
– Bluetooth 4.2 | |
– ระบบเสียง Hi-Fi ชิปเซ็ต AK4376A | |
– USB 2.0 | |
– 3.5mm jack | |
– FM radio | |
– OTG | |
GPS : | – GPS |
– BeiDou | |
– GLONASS | |
Sensor : | – Fingerprint |
– จดจำใบหน้า | |
– E-compass | |
– Accelerometer | |
– Ambient Light | |
– Proximity | |
สี : | – ดำ |
– ทอง |
แกะกล่อง vivo V7+
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– ตัวเครื่อง vivo V7+ สีดำ Matte Black
– หูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
– คู่มือการใช้งาน ใบรับประกันตัวเครื่อง
– สาย USB
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– เคสกันรอยแบบใส
– ฟิล์มกันรอย (ติดให้เรียบร้อยแล้ว)
สำหรับ Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ของ vivo V7+ จะไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
ทำความรู้จัก vivo V7+
ด้านหน้า vivo V7+ มาพร้อมหน้าจอไร้ขอบ FullView Display ขนาด 5.99 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจับเครื่องที่มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว เนื่องจากตัวเครื่องไม่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้น การออกแบบของ FullView Display ทำให้ขนาดตัวเครื่องมีความบางถึง 2.15 มิลลิเมตร ลดพื้นที่ด้านบนลง 47% และลดขนาดช่องว่างที่ด้านล่างลง 44% จึงทำให้สัดส่วนของหน้าจอของ vivo V7+ มีสัดส่วนถึง 84.4% ดูหนัง เล่นเกม ท่องอินเตอร์เน็ตได้แบบเพลินๆ ส่วนเรื่องความละเอียด HD+ หรือ 1440×720 พิกเซล ให้ความคมชัดดีไม่ติดขัดอะไรค่ะ
ด้านหน้าส่วนบน ประกอบด้วย เลนส์กล้องเซลฟี่ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 ปฏิวัติทุกการถ่ายภาพเซลฟี่สวยใสเป็นธรรมชาติแม้ในที่แสงน้อย พร้อมรองรับโหมด Face Beauty เวอร์ชัน 7.0, ลำโพงฟังเสียงสนทนา, Selfie Softlight flash และ Light Sensor และ Proximity Sensor โดยกล้องหน้าของ V7+ รองรับ Portrait Mode หรือโหมดถ่ายภาพบุคคล ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และมีไฟแจ้งเตือนอยู่ที่มุมซ้ายบน
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ แบบทัชสกรีนในหน้าจอทั้งหมด
ด้านหลัง ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย มีเสารับสัญญาณรูปทรงโค้งตัวยูทั้งด้านบนและด้านล่าง รวมถึงมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานอย่างถนัดมือมากยิ่งขึ้น มีขนาดตัวเครื่อง 155.87×75.74×7.7 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา 160 กรัม พกพาสะดวก โดยตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีทอง และสีดำ
ด้านหลังส่วนบน ประกอบไปด้วย เลนส์กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 มีระบบโฟกัสแบบ PDAF พร้อม LED flash ถัดลงมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และโลโก้แบรนด์
ด้านหลังส่วนล่าง พบข้อความลิขสิทธิ์สกรีนเอาไว้
ด้านบนตัวเครื่อง พบแค่เพียงรูไมค์โครโฟนตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, รูไมค์โครโฟนตัดเสียงรบกวน, พอร์ตเชื่อมต่อ micro USB และลำโพงเสียง Hi-Fi ชิปรุ่นพิเศษ AK4376A ได้เสียงที่มีคุณภาพ และไพเราะมากยิ่งขึ้น
ด้านซ้ายตัวเครื่อง จะมีแค่เพียงช่องใส่ซิมการ์ด
โดยจะรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot กล่าวคือใช้งาน SIM + SIM + microSD Card ได้ในถาดเดียว
ด้านขวาตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ปุ่มพาวเวอร์เปิด-ปิดตัวเครื่อง และปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง
การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์
ทดสอบประสิทธิภาพ
vivo V7+ ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 450 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.8GHz จีพียู Adreno 506 เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 58061 คะแนน ถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับราคาเดียวกัน
ข้อมูลสเปคการใช้งานของ vivo V7+ ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล vivo 1716 รันบนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.2 ชิปเซ็ต 8 Core หรือ Octa Core จีพียู Adreno 506 หน้าจอความละเอียด 1440×720 พิกเซล กล้องหลัง 15.9 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 23.8 ล้านพิกเซล เป็นต้น
Interface
หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการเลื่อนหน้าจอด้านล่างขึ้น หรือหากติดตั้งระบบจดจำใบหน้าแล้ว ก็สามารถสแกนใบหน้าปลดล็อคตัวเครื่องเพื่อใช้งานได้ทันที และมุมล่างขวาจะเป็นการเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูปแบบฉับไว ขณะที่หน้า Home screen มีมาให้จำนวน 2 หน้า สามารถเพิ่มเติมได้ในภายหลัง แอปฯ ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงานจัดวางอย่างเหมาะสมไม่รกตา
การเปลี่ยนย้ายตำแหน่งของแอปฯ บนหน้า Home screen ทำได้ด้วยการกดค้างไปที่หน้าจอหรือแอปฯ ที่ต้องการ จากนั้นก็จะเคลื่อนย้ายได้ตามสะดวก และหากต้องการลบแอปฯ ทิ้งให้กดไปที่รูปกากบาทมุมซ้ายบนของแอปฯ นั้นๆ เพื่อถอนการติดตั้งแอปฯ ค่ะ
เมื่อสไลด์หน้าจอด้านล่างขึ้นจะพบกับหน้า Quick settings สำหรับเปิด-ปิดการใช้งานเมนูอื่นๆ ที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว
การโทรสนทนา และส่งข้อความปุ่มกดตัวใหญ่กำลังดีใช้งานสะดวก
เมนูการตั้งค่าการใช้งานภายในตัวเครื่อง
โหมดถนอมสายตา Bluelight Filter ที่ระบบจะทำการตัดแสงสีฟ้าของหน้าจอออกเป็นโทนเหลืองนวล สามารถปรับได้หลายช่วงตามความต้องการของผู้ใช้งาน และสามารถตั้งค่ากำหนดเวลาเริ่มหรือสิ้นสุดการใช้งานโหมดถนอมสายตาได้อีกด้วย
การตั้งค่าแถบแจ้งเตือนต่างๆ และการสำรองข้อมูลภายในตัวเครื่อง
vivo V7+ มาพร้อมโหมดพลังงานขั้นสูงที่จะรองรับแค่นาฬิกาปลุก, รายชื่อเบอร์โทร, โทรศัพท์สนทนา และข้อความเท่านั้น
หน้าแจ้งเตือนอัปเดทเป็น Android เวอร์ชั่นล่าสุด
ระบบจดจำใบหน้าเพื่อปลดล็อคการใช้งาน ช่วยยกระดับระบบความปลอดภัยของสมาร์ทโฟนให้ดียิ่งขึ้น เพียงแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นคล้ายๆ กับกำลังถ่ายเซลฟี่ ก็สามารถปลดล็อคเครื่องได้อย่างรวดเร็ว ง่าย และสะดวกสบายมากขึ้น
และนอกจาก vivo V7+ จะรองรับระบบจดจำใบหน้าแล้ว ยังรองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องอีกด้วย โดยสแกนลายนิ้วมือสามารถปลดล็อคเครื่องได้อย่างรวดเร็ว รองรับสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ
vivo V7+ รองรับ Smart Split 3.0 ฟังก์ชั่นที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แอปพลิเคชั่นได้หลายแอพฯ เช่น Facebook, WhatsApp, LINE, WeChat, YouTube ได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว เพียงใช้ 3 นิ้ว ลากลงมาที่หน้าจอ ก็สามารถแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ส่วน ให้ผู้ใช้งานได้สนุกทั้งความบันเทิง และการแชทได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ยังรองรับ App Clone ฟังก์ชั่นใหม่ที่ช่วยให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยสามารถเข้าใช้งานแอปพลิเคชันด้วยบัญชี 2 บัญชีพร้อมกันอย่างง่ายดายอีกด้วย
การทำงานของ Smart Split 3.0 หลังจากใช้ 3 นิ้ว ลากลงบนหน้าจอ
การใช้งานอัจฉริยะ เป็นการเปิดการใช้งานฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เพื่อปลุกหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น SmartWake การวาดตัวอักษรที่กำหนดผ่านหน้าจอที่กำลังสลีป, ใช้งานโดยไม่สัมผัส, เปิด/ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ, การโทรอัจฉริยะ, เขย่าเพื่อเปิดไฟฉาย, ซูมโดยการเอียงโทรศัพท์, การเตือนอัจฉริยะ และมีโหมดการใช้งานมือเดียวอีกด้วย
หากต้องการเปลี่ยนธีมหรือภาพพื้นหลังต่างๆ ก็เข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีๆ ที่ iTheme
iManager เป็นการจัดการพื้นที่ต่างๆ ภายในเครื่องให้ลื่นไหลขึ้น ด้วยการล้างข้อมูลขยะต่างๆ ในตัวเครื่อง หรือตั้งค่าการรับส่งข้อมูล รายละเอียดของข้อมูล รวมไปถึงการตั้งค่าเกี่ยวกับการใช้บริการเครือข่ายด้วย
เครื่องมือการใช้งานมีมาให้ครบครัน เริ่มต้นที่สมุดโน้ต ที่สามารถ วาด เขียน และพิมพ์ได้ตามสะดวก
เครื่องคิดเลข ตัวเลขใหญ่กดสะดวกสบาย
เครื่องบันทึกเสียง และเข็มทิศ
วิทยุ FM และ WPS Office สำหรับเปิดอ่านหรือแก้ไขไฟล์เอกสารต่างๆ
ปฏิทินมีแสดงเหตุการณ์สำคัญๆ เอาไว้ด้วย
นาฬิกาปลุก และตัวจัดการไฟล์ภายในตัวเครื่อง
V-Appstore และ Play Store สำหรับดาวน์โหลดแอปฯ ต่างๆ
แอปฯ EasyShare สำหรับรับส่งข้อมูล ไฟล์ โอนข้อมูลต่างๆ
vivo Cloud เราสามารถสำรองข้อมูล ผู้ติดต่อ ข้อความ และบุ๊คมาร์ก โดยข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บรักษาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง เมื่อทำการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในครั้งต่อไป แค่ทำการล็อกอินข้อมูลก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิมทุกประการ และมีแอปฯ Lazada มาให้ช้อปปิ้งด้วย
ศูนย์รวมแอปฯ Google มีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ หรือยูทูป เป็นต้น ขณะที่เว็บเบราว์เซอร์ค้นหาได้รวดเร็ว
เมื่อกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะขึ้นหน้าแอปฯ ที่ใช้งานไปแล้วทั้งหมด สามารถเคลียร์แอปฯ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดไปที่กากบาท
เมื่อสไลด์หน้าจอด้านบนลงจะพบกับรายการแจ้งเตือนต่างๆ และหากกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องจะปรากฏเมนูรีสตาร์ท และปิดการใช้งานตัวเครื่อง
ตอบโจทย์การรับชมคอนเท้นท์ต่างๆ แบบไร้ขีดจำกัดด้วยหน้าจอ FullView Display ขนาดกว้าง 5.99 นิ้ว บนความละเอียดจอ 1440×720 พิกเซล ให้มุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกม หรืออ่านไฟล์เอกสารต่างๆ โดยเราสามารถปรับขนาดหน้าจอได้ตามสะดวก 3 ระดับ ได้แก่ แบบเต็มหน้าจอ, คร็อปภาพให้เต็มหน้าจอ และแบบเต็มจอ ด้านระบบเสียง Hi-Fi ชิปเซ็ต AK4376A เสียงดังคมสะใจ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
โหมดการใช้งานกล้องหน้าของ vivo V7+ ประกอบไปด้วย โหมดถ่ายเซลฟี่กรุ๊ปช็อต, โหมด Face Beauty 7.0 ปรับผิวนวล โทนสีผิว ปรับผิวขาว, โหมดถ่ายภาพปกติ และโหมดถ่ายวิดีโอ มาเริ่มกันที่โหมดถ่ายเซลฟี่กรุ๊ปช็อต หรือถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่ม ส่วนนี้จะคล้ายๆ กับถ่ายภาพพาโนรามา สามารถเก็บภาพได้ในแนวที่กว้างขึ้น เซลฟี่ได้ทั่วถึงแบบไม่ตกเฟรม และสามารถเปิดใช้งาน Selfie Softlight flash ได้ด้วย
โหมด Face Beauty 7.0 หรือปรับแต่งผิวเนียนสวยทันใจ มีให้ปรับค่าผิวเนียน, โทนสีผิว และปรับค่าผิวขาว พร้อมรองรับการใช้งาน Selfie Softlight flash, HDR, Portrait Mode หรือโหมดถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ และตั้งค่าการใช้งานกล้องต่างๆ
โหมดถ่ายภาพปกติ สามารถเปิดใช้งานภาพถ่ายไดนามิคเก็บรายละเอียดแสงได้ดี พร้อมมี Selfie Softlight flash ปรับความนวลให้ใบหน้าขณะแสงน้อย
โหมดถ่ายวิดีโอกล้องหน้าเซลฟี่ของ vivo V7+ รองรับการบันทึกวิดีโอที่ระดับ 480p, 720p (HD) และ 1080p (Full HD) และสามารถเปิดใช้งาน Selfie Softlight flash ระหว่างถ่ายวิดีโอได้ด้วย
ตามมาด้วยโหมดการใช้งานกล้องหลังของ vivo V7+ ประกอบไปด้วย โหมดถ่ายภาพพาโนรามา, โหมด Face Beauty 7.0, โหมดถ่ายภาพปกติ และโหมดถ่ายวิดีโอ เริ่มกันที่โหมดถ่ายภาพพาโนรามา เก็บภาพได้ในแนวกว้างแบบรอบทิศทาง
โหมด Face Beauty 7.0 มีให้ปรับค่าผิวเนียน, โทนสีผิว และปรับค่าผิวขาว เหมือนกับกล้องหน้า
โหมดถ่ายภาพปกติ เก็บภาพถ่ายไดนามิค, เปิดใช้งานแฟลชกล้องหลัง, เปิดใช้งาน HDR, ปรับฟิลเตอร์สี และโหมดถ่ายภาพพิเศษ
ได้แก่ โหมด Untra HD ทำให้ได้ภาพความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล, โหมด PTT แก้ไขไฟล์ภาพอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพมืออาชีพปรับตั้งค่าการใช้งานกล้องในส่วนต่างๆ ได้เองตามสะดวก, โหมดถ่ายภาพเคลื่อนไหวช้า และภาพเร็วต่อเนื่องความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD
โหมดถ่ายวิดีโอกล้องหลังของ vivo V7+ รองรับการบันทึกวิดีโอที่ระดับ 480p, 720p (HD) และ 1080p (Full HD) และสามารถเปิดใช้งาน LED flash ระหว่างถ่ายวิดีโอได้เหมือนกับกล้องหน้า
ท้ายสุดปรับฟิลเตอร์สีต่างๆ มีมาให้เลือกใช้แบบหลากหลาย
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก vivo V7+
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก vivo V7+
สำหรับกล้องหน้าของ vivo V7+ มาพร้อมความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ถือว่าสูงมากเลยทีเดียว พร้อมมีค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 และ Selfie Softlight flash แสงไฟแฟลชขนาดย่อมๆ ช่วยให้ใบหน้าสว่างแม้ถ่ายในที่แสงน้อย พร้อมโหมด Face Beauty 7.0 ช่วยปรับผิวหน้าเนียนใสเอาใจสายเซลฟี่ จากภาพตัวอย่างปรับค่าผิวเนียน ผิวขาว และโทนสีผิวอยู่ในระดับต้นๆ พร้อมเปิดใช้งาน Selfie Softlight flash ภาพที่ได้ถือว่ามีความคมชัดเลยทีเดียว เห็นรายละเอียดเส้นผมได้ดี
นอกจากนี้ยังรองรับ Portrait Mode หรือโหมดถ่ายภาพบุคคลหน้าชัดหลังเบลอ ที่ทำออกมาได้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดยการเปิดใช้งาน Portrait Mode จะไม่สามารถปรับระดับได้ แต่ยังถือว่าฉากหลังที่เบลอนั้นทำให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้น และยังคงความละเอียดของใบหน้าได้เป็นอย่างดี เอาเป็นว่ากล้องหน้าของ vivo V7+ กล้องสวยคมชัด มีโหมดบิวตี้ถูกใจสาวๆ ทั้งยังมี Selfie Softlight flash ใช้งานได้ดีในที่แสงน้อย แถมระบบโฟกัสภาพยังทำงานได้ว่องไวอีกด้วย
จุดเด่น
– หน้าจอ IPS ขนาด 5.99 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 จอกว้างเต็มตา ดูหนังหรือเล่นเกมได้แบบเต็มอรรถรส
– หน้าจอความละเอียด HD+ หรือ 1440×720 พิกเซล คมชัดดี
– ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 3.2 บนพื้นฐาน Android 7.1 Nougat
– ซีพียู Snapdragon 450 แบบ Octa-Core ทำงานได้ลื่นไหล ไม่มีสะดุด
– หน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB ความจุ 64GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256GB
– ระบบเสียง Hi-Fi ชิปเซ็ต AK4376A เสียงคมชัดดี น้ำเสียงไพเราะ
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot (SIM + SIM + microSD Card)
– กล้องหลังความละเอียด 16MP พร้อม LED flash มีโหมด Portrait Bokeh, โหมดถ่ายภาพ Ultra HD สูงถึง 64 ล้านพิกเซล , Face Beauty และ Group Selfie
– กล้องหน้าความละเอียดสูง 24MP รูรับแสง f/2.0 พร้อม Selfie Softlight flash ถ่ายได้ดีในที่แสงน้อย และมี Face Beauty 7.0 ปรับผิวขาวเนียนทันใจ
– แบตเตอรี่ความจุ 3225 mAh ใช้งานได้นาน เพียงพอในแต่ละวัน
– ตัวเครื่องดีไซน์เรียบง่าย น้ำหนักเบา พกพาสะดวก จับถนัดมือ
– มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และระบบจดจำใบหน้า
– ราคาเข้าถึงได้ง่าย ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ใช้งานสายเซลฟี่ หรือผู้ชื่นชอบถ่ายภาพ
– มีระบบการจัดการ Smart Engine จัดสรรการใช้พลังงาน
– Smart Split 3.0 ใช้แอปพลิเคชั่นหลายแอพฯ ได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว
– App Clone สามารถเข้าใช้งานแอปพลิเคชันด้วยบัญชี 2 บัญชีพร้อมกัน
– มีระบบจดจำใบหน้า ใช้สำหรับปลดล็อกเครื่องได้อย่างรวดเร็ว ง่าย และสะดวกสบาย
ข้อสังเกต
– ไม่รองรับเทคโนโลยี NFC
– ไม่รองรับ Fast Charging
– หน้าจอยังไม่ใช่ Full HD
– สแกนลายนิ้วมือย้ายไปอยู่ด้านหลังดูแปลกตาเล็กน้อย
– สำหรับระบบจดจำใบหน้าทำงานได้ดี แต่บางครั้งยังดูงงๆ สแกนไม่ติดบ้าง
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Huawei nova 2i
– Moto G5s Plus
– Nubia Z11
– OPPO R9s Pro
– Samsung Galaxy J7 Pro (2017)
– Sony Xperia XA1 Ultra
– Asus ZenFone 4 Selfie
– vivo V5s
– Xiaomi Mi 6 (ความจุ 64GB)
ขอขอบคุณ บริษัท วีโว่ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
Leave a Reply