รีวิว Xiaomi Mi 6 เรือธงบอดี้เงางาม! ขุมพลัง Snapdragon 835 แรม 6GB กล้องเลนส์คู่สวยโดนใจ ราคาคุ้มค่าเข้าถึงได้!
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ หลังจากที่ Xiaomi (เสี่ยวมี่) ได้ประกาศรุกตลาดสมาร์ทโฟนในไทย ภายใต้ความร่วมมือกับวีเอสที อีซีเอส พร้อมเปิดตัว Xiaomi Mi 6 เรือธงกล้องเลนส์คู่สเปคไม่ธรรมดา และ Xiaomi Redmi Note 4 สมาร์ทโฟนระดับกลางแบตเตอรี่สุดอึด 4100 mAh ไปเมื่อท้ายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (ดูเพิ่มเติม) โดยล่าสุดสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นมีวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย
และในวันนี้ฤกษ์งามยามดีที่เราจะหยิบเอาเจ้า Xiaomi Mi 6 สมาร์ทโฟนระดับเรือธงมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน ต้องบอกเลยว่าแอดมินประทับใจเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสเปคเครื่องที่ให้มา ดีไซน์งานออกแบบบอดี้เงางามสวยหรูส่องสะท้อนเงา หรือแม้กระทั่งกล้องหลังเลนส์คู่ที่ทำออกมาได้โดนใจสุดๆ และที่สำคัญราคาเข้าถึงได้ง่ายๆ
เอาเป็นว่าหากเพื่อนๆ กำลังมองหาสมาร์ทโฟนสเปคเทพ กล้องสวย ราคาจับต้องได้ ห้ามพลาดที่จะชมบทความรีวิวของเราในวันนี้ ยังไงก็อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้แอดมิน และทีมงานด้วยนะคะ อย่ารอช้าเราไปชมรีวิวกันเลยค่ะ ♥
ข้อมูลสเปค Xiaomi Mi 6
Features | Xiaomi Mi 6 |
วันเปิดตัว : | – สิงหาคม 2560 |
ราคา : | – 13,790.- (64GB) |
– 15,990.- (128GB) (ณ วันที่ 24 ก.ย.60) | |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 7.1.1 (Nougat) ครอบทับ MIUI 8.0 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS LCD |
– ขนาด 5.15 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล | |
– Multitouch | |
CPU : | – Snapdragon 835 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.45GHz |
GPU : | – Adreno 540 |
RAM : | – 6GB |
ความจำตัวเครื่อง : | – 64GB |
– 128GB | |
กล้องหลัง : | – Dual 12MP (Wide Angle) + 12MP (Telephoto) |
– ค่ารูรับแสง f/1.8 (Wide Angle) + f/2.6 (Telephoto) | |
– dual tone LED flash | |
– กันสั่น OIS | |
– PDAF | |
– HDR | |
– Panorama | |
– Face recognition | |
– 2x optical zoom | |
– geo-tagging | |
– touch focus | |
กล้องหน้า : | – 8MP |
– 36 Smart Beautify | |
– Face recognition | |
– บันทึกวิดีโอ 1080p | |
Video : | – 4K@30 fps |
Battery : | – 3350 mAh รองรับ Quick Charge 3.0 |
ขนาด : | – 145.17×70.49×7.45 มม. |
น้ำหนัก : | – 168 กรัม |
รองรับซิม : | – Dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 3G : HSDPA 850/900/1900/2100 MHz |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11a/b/g/n |
– Bluetooth 5.0 | |
– NFC | |
– Infrared port | |
– USBType-C | |
GPS : | – GPRS |
– AGPS | |
– GLONASS | |
– BeiDou | |
Sensor : | – Fingerprint |
– Gyroscope | |
– Accelerometer | |
– Proximity | |
– Ambient light | |
– E-compass | |
– Barometer | |
– Hall | |
สี : | – สีดำ (64GB) |
– สีน้ำเงิน (128GB) |
แกะกล่อง Xiaomi Mi 6
Xiaomi Mi 6 บรรจุมาในกล่องสีขาวสะอาดตา หน้ากล่องมีระบุชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่มาพร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB จับคู่ความจุ 128GB
ด้านหลังกล่องระบุรหัส IMEI พร้อมสเปคการใช้งานต่างๆ เป็นแบบภาษาจีน อาทิ ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 835, สนับสนุน 4G, หน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว, หน่วยความจำ RAM 6GB และความจุ 128GB เป็นต้น
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– ตัวเครื่อง Xiaomi Mi 6 ตัวเครื่องสีน้ำเงินเงางาม
– สายชาร์จ USB Type-C
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ Quick Charge 3.0
– หัวแปลงหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– เคสกันรอยแบบใส
สำหรับ Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ของ Xiaomi Mi 6 สามารถรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 แบบ 18W ใช้งานร่วมกับสายชาร์จ micro USB
ทำความรู้จัก Xiaomi Mi 6
ด้านหน้า Xiaomi Mi 6 มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD นาด 5.15 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล 428 PPI หลายๆ คนอาจคิดว่าหน้าจอมีขนาดที่เล็กไป แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่ากำลังดีเลยค่ะ แสดงคอนเทนต์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี หน้าจอคมชัด
ด้านหน้าส่วนบน ประกอบไปด้วย กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับ Beautify, Face recognition และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p, ลำโพงฟังเสียงสนทนา และเช็นเซอร์ต่างๆ ส่วนไฟแจ้งเตือนจะขึ้นเป็นสีแดงที่มุมขวาบนค่ะ
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบไปด้วย ปุ่มย้อนกลับ และปุ่ม Recent Apps ที่ใช้งานแบบ Capacitive Button และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ในปุ่มโฮมตรงกลางค่ะ
ด้านหลัง โดดเด่นสุดๆ กับตัวเครื่องบอดี้วัสดุกระจกสีน้ำเงินเงางามดูหรูหรา ขอบโค้งมนรอบด้านจับกระชับมือ ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้ง 2.5D กรอบเครื่องสแตนเลสสตีลสวยตัดกับสีน้ำเงินดูลงตัว ตัวเครื่องมีความบางเพียง 7.45 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบาเพียง 168 กรัม พกพาไปไหนก็สะดวกสบายค่ะ
ด้านหลังส่วนบน Xiaomi Mi 6 มาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12MP ค่ารูรับแสง f/1.8 ชุดเลนส์ 6 ชิ้น (Wide) + 12MP ค่ารูรับแสง f/2.6 ชุดเลนส์ 5 ชิ้น (Telephoto) พร้อม dual tone LED flash, กันสั่น OIS สี่แกน, PDAF, Face recognition และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K@30fps
ด้านหลังส่วนล่าง มีโลโก้แบรนด์สีทองสกรีนเอาไว้
ด้านบนตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย รูสัญญาณอินฟาเรดสำหรับใช้งานกับแอปฯ รีโมท เเละรูไมค์โครโฟน
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และลำโพงเสียงสำหรับความบันเทิง (ขวา)
ด้านซ้ายตัวเครื่อง พบแค่เพียงช่องใส่ซิมการ์ด Nano SIM
รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Full NetCom แต่เสียดายที่ไม่รองรับ microSD Card ค่ะ
ด้านขวาตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ปุ่มพาวเวอร์ และปุ่มปรับระดับเสียง
การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดระดับเสียง + พาวเวอร์ทางด้านขวาตัวเครื่อง
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ Xiaomi Mi 6 ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 835 ชิปเซ็ตระดับเรือธงแบบ Octa-Core ความเร็ว 2.45GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 540 เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมทะลุแสน! รวมแล้วอยู่ที่ 181492 คะแนน
คะแนนค่อนข้างมากเลยทีเดียว และเมื่ออ้างอิงข้อมูลผลทดสอบความแรงของสมาร์ทโฟนประจำเดือนสิงหาคม 2017 พบว่า Xiaomi Mi 6 สามารถทำคะแนนได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจาก OnePlus 5 ที่สามารถทำคะแนนไปได้ 181507 คะแนน
ตามมาด้วย Nubia Z17 ทำคะแนนอยู่ที่ 178300 คะแนน และ HTC U11 ทำคะแนนอยู่ที่ 175956 คะแนน (ดูเพิ่มเติม) ซึ่งหากเมื่อมองจากสเปคการใช้งานของ Xiaomi Mi 6 กับราคาวางจำหน่าย Mi 6 ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงสเปคเทพในราคาบ้านๆ
Xiaomi Mi 6 สเปคการใช้งานตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 835 แบบ Octa-Core จำนวน 8 แกนสมอง จีพียู Adreno 540 หน้าจอความละเอียด Full HD กล้องหลังความละเอียด 12.2MP และกล้องหน้าความละเอียด 8.3MP และรองรับ NFC เป็นต้น
Interface
หน้าจอ Lock screen สามารถปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน หรือปัดไปทางซ้ายเพื่อใช้งานกล้องถ่ายภาพ
หน้า Home screen มีมาให้จำนวน 2 หน้า สามารถเพิ่มหน้าได้ภายหลัง แอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างครบครัน
เมนูการตั้งค่าภายในตัวเครื่อง
หน้าจอสามารถปรับระดับความสว่างได้เอง มีโหมดอ่านช่วยปรับหน้าจอให้เป็นโทนสีเหลืองนวล หรือเรียกง่ายๆ ว่าโหมดถนอมสายตานั่นเองค่ะ
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือถูกฝังไว้ใต้ปุ่มโฮมด้านหน้าตัวเครื่อง สามารถรองรับลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ และก่อนจะตั้งค่าสแกนลายนิ้วมือจำเป็นจะต้องเลือกรูปแบบตั้งค่าการล็อกหน้าจอควบคู่ไปกับการสแกนลายนิ้วมือก่อนด้วยค่ะ
การเปิดใช้งานพื้นที่ทับซ้อนทำให้เราสามารถแยกงานไปทำได้อีกส่วนหนึ่ง เสมือนว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง มีการแบ่งพื้นที่การใช้งานอย่างชัดเจน ขณะที่โหมดถนัดมือหรือโหมดย่อหน้าจอใช้งานตามความถนัดของมือเรานั่นเอง
การตั้งค่าในส่วนของหูฟังที่เราใช้งาน และปุ่มการใช้งานต่างๆ
Mi Mover สำหรับย้ายแอปฯ หรือข้อมูลภายในตัวเครื่องจากอุปกรณ์เครื่องเก่าไปยังสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ รองรับการย้ายรายชื่อ, ข้อความ, ภาพถ่าย, เพลง, วิดีโอ, เอกสาร, แอปฯ ที่ติดตั้ง และข้อมูลอื่นๆ ง่ายต่อการใช้งานด้วยการสแกนรหัส QR แล้วถ่ายโอนข้อมูลได้ทันที
หน้าจัดการแอปฯ ทั้งหมดในตัวเครื่อง
หน้าอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด
แอปโคลนให้ใช้งานแอปฯ คู่แฝดด้วย 2 ไอดีภายในเครื่องเดียว
การสำรองข้อมูล รีเซ็ตตั้งค่าใหม่ทั้งหมดภายในตัวเครื่อง และดูความจุภายในตัวเครื่องที่ใช้งานไปแล้วทั้งหมด
การโทรสนทนา และการส่งข้อความ
หน้าดาวน์โหลดธีม ตั้งค่าภาพพื้นหลัง และการใช้งานธีมภายในเครื่อง
เครื่องมือการใช้งานต่างๆ มีมาให้อย่างครบครัน เริ่มที่นาฬิกาปลุก
เครื่องคิดเลขเจ๋งสุดๆ มีให้แปลงค่าสกุลเงิน, แปลงหน่วยวิทยาศาสตร์, ความยาว, วัดพื้นที่, ปริมาตร, ความเร็ว หรืออุณหภูมิ เป็นต้น
บันทึกเสียง และเข็มทิศ
ปฏิทิน และการบันทึกหน้าจอเป็นวิดีโอ
แอปฯ วัดสภาพอากาศ และสมุดโน้ตบันทึกข้อความต่างๆ
มีโหมดประหยัดแบตเตอรี่ให้เปิดใช้งาน
แอปพลิเคชันจาก Google, การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ และสามารถดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่มเติมได้ที่ Play Store
หน้ากำจัดแคชภายในตัวเครื่อง และการตั้งล็อกแอปฯ ต่างๆ
แอปฯ ใช้งานร่วมกับรีโมท Xiaomi ต้องล็อกอินเข้าระบบด้วยนะคะ
หน้าทำความสะอาดไฟล์ โฟลเดอร์ และข้อมูลอื่นๆ ภายในตัวเครื่อง
แอปฯ ความปลอดภัยใช้บูตเครื่องเพื่อเพิ่มความเร็ว, สแกนไวรัส, ตั้งค่าการใช้งานแบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดีเยี่ยมอยู่เสมอๆ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้ง 2 เลนส์กันบ้าง โดยจะรองรับการถ่ายภาพ Portrait หน้าชัดหลังเบลอ มีฟิลเตอร์สีต่างๆ ให้เลือกใช้งาน
มีโหมดการใช้งานพิเศษให้เลือกใช้พอสมควร ได้แก่ ถ่ายพาโนรามา, ตั้งเวลาในการถ่ายภาพ, ถ่ายภาพพร้อมบันทึกเสียง, ถ่ายภาพแบบมีเส้นกะความเอียง, ถ่ายปกติมีให้ปรับโฟกัส ปรับไวท์บาลานซ์, โหมดถ่ายบิวตี้ปรับค่าผิวเนียน, ถ่ายเซลฟี่กรุ๊ปช็อต หรือถ่ายภาพกลางคืน เป็นต้น
กล้องหลังรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 4K สามารถเลือกบันทึกแบบ Slow หรือแบบ Timelapse ก็ได้ค่ะ
มาต่อกันที่กล้องหน้าของ Xiaomi Mi 6 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีโหมดการใช้งานพิเศษมาให้ 3 โหมดเด่นๆ ได้แก่ ตั้งเวลาในการถ่าย, ถ่ายพร้อมบันทึกเสียง และถ่ายเซลฟี่กรุ๊ปช็อต
กล้องหน้ารองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดที่ความละเอียด Full HD ขณะที่การตั้งเวลาระหว่างถ่ายภาพตั้งได้สูงสุด 10 วินาที
มีโหมดบิวตี้ให้ปรับความสลิมของใบหน้า รวมถึงปรับค่าผิวเนียนได้ด้วยค่ะ
เมนูการตั้งค่ากล้องของ Xiaomi Mi 6
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก Xiaomi Mi 6
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Xiaomi Mi 6
Xiaomi Mi 6 มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับโหมด Beautify ปรับผิวขาวสวยเนียนทันใจ สามารถบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียด Full HD จากภาพตัวอย่างถ่ายด้วยโหมด Beautify ปรับความสลิมและผิวเนียนอยู่ที่ระดับกลาง ผลลัพธ์ที่ได้ทำออกมาอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ถึงกับว้าว ภาพดูสีจืดไปนิดไม่คมเท่าไร แตกต่างจากกล้องหลังเลนส์คู่ที่ถ่ายออกมาได้ภาพสวยโดนใจคมชัดสุดๆ
จุดเด่น
– Xiaomi Mi 6 มีให้เลือก 2 เวอร์ชัน แบ่งตามสี กับความจุ ได้แก่ สีดำ (64GB) และสีน้ำเงิน (128GB)
– ดีไซน์งานออกแบบโค้งมน ตัวเครื่องจับถนัดมือ น้ำหนักเบาพกพาสะดวก
– ตัวเครื่องงานประกอบไร้รอยต่อด้วยกระจก และเซรามิกขอบโค้ง
– ตัวเครื่องสีน้ำเงินที่ได้มารีวิว สวยหรูดูแพงมากๆ
– ราคาจำหน่ายไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับสเปคที่ให้ คือมีราคาจำหน่ายแค่หมื่นกลางๆ เท่านั้น
– หน้าจอ Full HD ขนาด 5.15 นิ้ว ขนาดกำลังดีไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป ดูหนัง เล่นเกม ได้แบบเพลินๆ
– มีให้เลือก 2 ความจุ ได้แก่ 64GB (13,790 บาท) และ 128GB (15,990 บาท) ใช้แรม 6GB ทั้ง 2 เวอร์ชัน เชียร์ให้ซื้อสีน้ำเงินขาดใจค่ะ แต่ถ้าใครชอบแนวดาร์กก็จัดสีดำตามใจชอบสวยคนละแบบค่ะ
– รันระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 (Nougat) ครอบทับ MIUI 8.0
– ใช้ชิปเซ็ตทรงพลัง Snapdragon 835 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.45GHz บวกจีพียู Adreno 540 คะแนนการทดสอบทะลุแสน!
– กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12MP (Wide Angle) ค่ารูรับแสง f/1.8 + 12MP ค่ารูรับแสง f/2.6 (Telephoto) ถ่ายออกมาได้สวยมาก (ก. ไก่ล้านตัว)
– กล้องหลังมาพร้อม dual tone LED flash, กันสั่น OIS, ซูมแบบออปติคอลได้ 2 เท่า รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K@30 fps
– กล้องเซลฟี่ความละเอียด 8MP มาพร้อมโหมด Beautify และ Portrait บันทึกวิดีโอระดับ Full HD
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, Bluetooth 5.0, USB Type-C, NFC, GPRS และสนับสนุน 4G LTE
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฉับไว
– แบตเตอรี่ความจุ 3350 mAh รองรับ Quick Charge 3.0 ใช้งานได้นาน ชาร์จได้ไว
ข้อสังเกต
– ตัวเครื่องกันละอองน้ำ (Splash-Resistant) แต่จะไม่สามารถนำเครื่องจุ่มลงไปในน้ำได้นะคะ
– ไม่รองรับ microSD Card
– รุ่นที่วางจำหน่ายในไทยมีเพียง 2 สี แบ่งตามความจุ ได้แก่ สีดำ และสีน้ำเงิน
– ตัวเครื่องเงาสะท้อนเป็นรอยนิ้วมือง่าย ควรใส่เคสป้องกันรอยต่างๆ
– เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนกล้องสวย สเปคเยี่ยม ในราคาหมื่นกลาง
– กล้องหน้าเซลฟี่ยังไม่คมเท่าไหร่ ขณะที่กล้องหลังคู่ทำออกมาได้ดีมากๆ สวย คมชัด
– ลำโพงเสียงดีนะคะ ดังกังวาน ส่วนตัวคิดว่าดังสะใจดีค่ะ
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Asus ZenFone 4 (ZE554KL)
– Huawei P10
– Moto Z2 Play
– Nubia Z11
– OPPO R9s Plus
– Samsung Galaxy S7
– Samsung Galaxy C9 Pro
– Sony Xperia XZ
– vivo V5 Plus
ขอขอบคุณ Xiaomi
Leave a Reply