รีวิว Gionee A1 lite สมาร์ทโฟนกล้องเซลฟี่ 20MP พร้อมโหมดแต่งหน้าสวย แบตสุดอึด 4000 mAh ราคาไม่ถึงหมื่น
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว ninethaiphone ทุกท่าน เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ไปเห็นสมาร์ทโฟนดีไซน์สวยรุ่นหนึ่งมาจากเพจในเฟชบุ๊กครับ ซึ่งหากบอกชื่อแบรนด์ไปแล้วผมคิดว่าเพื่อนๆ ผู้อ่านส่วนใหญ่คงยังไม่ค่อยคุ้นหู โดยแบรนด์นี้มีชื่อว่า Gionee และถือได้ว่าเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาบุกในตลาดบ้านเราเลยก็ว่าได้
สำหรับสมาร์ทโฟนดีไซน์สวยที่ผมเกริ่นนำไปในช่วงแรกนั้นมีชื่อเรียกว่า Gionee A1 lite มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล IPS ความละเอียด 1280×720 พิกเซล (HD) กระจก Corning Gorilla Glass 3 พร้อมด้วยกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่ใช้เทคโนโลยี 4-Call ในกับจับภาพและมีราคาจำหน่ายอยูที่ 7,990 บาท สำหรับราคาประมาณนี้โดยส่วนตัวหากมองจากแพ็คเกจและการดีไซน์ผมมองว่าน่าใช้งานดีนะครับ
แต่ด้วยความที่เป็นแบรนด์น้องใหม่สำหรับในบ้านเราอาจทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่ค่อยให้ความสนใจสักเท่าไหร่ และด้วยคำว่าผู้ใช้งานไม่ค่อยให้ความสนใจเนี่ยแหละครับ ทำให้ผมตัดสินใจที่จะนำเจ้า Gionee A1 lite มารีวิวให้เพื่อนๆ ผู้อ่านได้ทราบถึงคุณสมบัติของ Gionee A1 lite เครื่องนี้กัน ก่อนอื่นผมขอบอกรายละเอียคเกี่ยวกับสเปคเครื่องก่อนที่จะไปในส่วนอื่นๆ กันต่อนะครับ
สเปคของ Gionee A1 lite มีดังต่อไปนี้
Features | Gionee A1 lite |
วันเปิดตัว : | – สิงหาคม 2560 |
ราคา : | – 7,990.- (ณ วันที่ 5 ก.ย. 60) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 7.0 Nougat ครอบทับ Amigo 4.0 |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS |
– ขนาด 5.3 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1280×720 พิกเซล (HD) | |
– Corning Gorilla Glass 3 | |
– Multitouch | |
CPU : | – MT6753 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.3GHz |
GPU : | – Mali-T720MP3 |
RAM : | – 3GB |
ROM : | – 32GB |
– รองรับ microSD Card สูงสุด 256GB | |
กล้องหลัง : | – 13 ล้านพิกเซล |
– dual LED flash | |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– geo-tagging | |
– touch focus | |
– face detection | |
– HDR | |
กล้องหน้า : | – 20 ล้านพิกเซล |
– เซ็นเซอร์ 1/2.8 นิ้ว | |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– เทคโนโลยี 4-Cell | |
– Selfie flash | |
Video : | – 1080p@30fps |
Battery : | – 4000 mAh |
ขนาด : | – 150.5×74.4×8.0 มม. |
น้ำหนัก : | – 161 กรัม |
รองรับซิม : | – dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : HSDPA 850/900/1900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi 802.11 a/b/g/n(2.4/5GHz) |
– Bluetooth 4.2 | |
– OTG | |
– microUSB 2.0 | |
– Split Screen | |
– IR Remote | |
– FM radio | |
– 3.5mm jack | |
GPS | – Gryo |
– GPRS | |
Sensor : | – Fingerprint |
– gyro | |
– E-compass | |
– accelerometer | |
– proximity | |
สี : | – ทอง |
– ดำ | |
– แดง |
แกะกล่อง Gionee A1 lite
หลังจากที่เพื่อนๆ ได้ทราบถึงรายละเอียดในส่วนสเปคเครื่องของ Gionee A1 lite ไปกันแล้ว มาต่อกันในส่วนของแพ็คเกจ ผมจัดให้รับชมแบบครบทุกด้าน (เอ่อลืมถ่ายด้านบนกับด้านล่างกล่องขอโทษด้วยครับ) โดยส่วนตัวแล้วมองว่าแพ็คเกจมีความเรียบง่ายและแน่นหนาดีครับ แม้อาจจะใหญ่จนดูเหมือนกล่องขนมโมจิแถวนครสวรรค์ไปซะหน่อย แต่ก็ถือว่าโอเคอยู่ครับ เพราะการจัดวางในเรื่องของภาพ และการบอกถึงรายละเอียดเด่นๆ ของตัวเครื่องมีครบถ้วนดีครับ
อุปกรณ์ภายในกล่อง Gionee A1 lite มีดังนี้
– ตัวเครื่อง Gionee A1 lite สีดำ
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
– หูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– สายชาร์จ micro USB
– เคสใส
– ซองใส
ก่อนอื่นต้องขอปรบมือให้กับเจ้า Gionee A1 lite เป็นอับดับแรก เพราะว่าถึงแม้จะเป็นสมาร์ทโฟนที่ราคาไม่ถึงหมื่นแต่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสุดอึดถึง 4000 mAh นอกจากนั้นทางผู้ผลิตยังเคลมมาอีกว่าเป็นรุ่นที่ชาร์จเร็วด้วยนะครับผม เรียกได้ว่าของดีต้องดูกันที่ภายในจริงๆ ครับ ต่อไปเราไปเริ่มทำความรู้จักกับ Gionee A1 lite กันแบบจริงจังกันดีกว่าครับ
ทำความรู้จัก Gionee A1 lite
ด้านหน้า Gionee A1 lite มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS ขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด 1280×720 พิกเซล (HD) ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ระบบ Multitouch ทำงานไหลลื่นใช้ได้
ด้านหน้าส่วนบน ประกอบไปด้วยกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ 1/2.8 นิ้ว ค่ารูรับแสง f/2.0 เทคโนโลยี 4-Cell พร้อม Selfie flash เป็นยังไงล่ะครับ เห็นแบบนี้เรียกได้ว่าเอาใจสายเซลฟี่แบบสุดๆ กันเลยทีเดียวครับ
ด้านหน้าส่วนล่าง ที่หน้าจอจะมีปุ่มแบบทัชสกรีนทั้งหมด 3 ปุ่มด้วยกัน คือ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
ด้านหลังเครื่อง Gionee A1 lite เป็นแบบผิวเรียบด้านแบบ Unibody ที่ด้านข้างมีความโค้งมนเล็กน้อยให้ความสัมผัสที่จับง่ายถนัดมือไม่ลื่นหลุดมือ ข้อดีของการดีไซน์ตัวเครื่องแบบนี้ทำให้หลังการใช้งานพบว่ามีลอยนิ้วมือบนตัวเครื่องน้อยกว่าตัวเครื่องที่เป็นแบบกระจกครับ
ด้านหลังส่วนบน ประกอบไปด้วย กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล dual LED flash ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อมที่สแกนลายนิ้วมือ
ด้านหลังส่วนล่าง จะมีลำโพงเสียงที่มีระดับความดังของเสียงอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้
ด้านบนตัวเครื่อง มีลักษณะโค้งมนเล็กน้อยไม่มีช่องเชื่อมต่อ หรือปุ่มกดใดๆ
ด้านล่าง ประกอบไปด้วย พอร์ตเชื่อมต่อ micro USB, ไมค์สำหรับสนทนา และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านขวา ประกอบไปด้วย 2 ปุ่มการใช้งานด้วยกัน สำหรับปุ่มยาวๆ ที่ด้านบนเป็นปุ่มสำหรับการเพิ่ม/ลดเสียง ส่วนปุ่มที่อยู่ทางด้านล่างเป็นปุ่มพาวเวอร์สำหรับใช้เปิด/ปิดเครื่อง
ด้านซ้าย เป็นลักษณะเรียบเนียนมีความโค้งมนเล็กน้อย และมีช่องใส่ซิมที่ด้านบนเป็นแบบถาดที่ต้องใช้เข็มจิ้ม
สำหรับช่องใส่ซิมของ Gionee A1 lite ถูกออกแบบมาด้วยความพิเศษ รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม พร้อมอีก 1 ช่องที่สามารถใส่การ์ด microSD เพิ่มได้อีกด้วย
การแคปภาพหน้าจอ กดปุ่มพาวเวอร์ + ปุ่มลดเสียงค้างไว้
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ Gionee A1 lite ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต MT6753 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.3GHz มาทำการทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุดพบว่า Gionee A1 lite สามารถทำคะแนนรวมไปได้ถึง 36290 คะแนน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้สำหรับสมาร์ทโฟนที่ราคาไม่ถึง 8,000 บาทครับ
สำหรับรายละเอียดภายในตัวเครื่องใช้งาน ตามฐานข้อมูลแอปพลิเคชัน AnTuTu ของ Gionee A1 lite ระบุว่าทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ครอบทับ Amigo 4.0 มีหน้าจอแสดงผลความละเอียด 720×1280 พิกเซล หน่วยความจำ RAM 3GB และความจุ 32GB กล้องหลังความละเอียด 20 ล้านพิกเซล กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
ซอฟต์แวร์
สำหรับการเข้าสู่หน้าจอ Home screen ของ Gionee A1 lite ที่ทดลองใช้งานสามารถทำได้ 2 วิธีคือใช้วิธีการใส่รหัสที่เราได้ตั้งไว้ กับใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
พอเข้ามาถึงหน้าจอ Home screen ของ Gionee A1 lite เมื่อผู้ใช้งานเลื่อนสไลด์จากด้านบนลงด้านล่างก็จะพบกับการแจ้งเตือนต่างๆ และหากเลื่อนสไลด์จากด้านล่างขึ้นด้านบนก็จะปรากฏเมนูการใช้งานและการเชื่อมต่อต่างๆ เช่น Wi-Fi, Bluetooth, ไฟฉาย, โหมดเครื่องบิน เป็นต้น
สำหรับตัวหน้า Home screen ของ Gionee A1 lite จะมีมาให้ทั้งหมด 4 หน้า Home screen ด้วยกัน เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการดาวน์โหลดแอปฯ หรือเกม ต่างๆ แน่นนอน
ส่วนแอปฯ ต่างๆ ที่ติดมาให้กับตัวเครื่องแล้วก็มีอย่างครบครันถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
สำหรับ Gionee A1 lite ในส่วนของภาพล็อคหน้าจอกับภาพ Home screen ก็มีให้เลือกเปลี่ยนเลือกใช้งานมากมายเลยครับ และที่สำคัญดาวน์โหลดฟรีอีกด้วย
นอกจากนั้นในส่วนของ Play Store ก็มีพร้อมให้เลือกดาวน์โหลดกับแบบครบถ้วน
การสนทนาและการส่งข้อความ
มีวิทยุให้เลือกฟังเวลาเบื่อๆ แต่ต้องเชื่อมต่อหูฟังก่อนจึงจะใช้งานได้ครับ
เมนูการตั้งค่าต่างๆ ภายในตัวเครื่อง
สามารถเข้าไปตรวจสอบเวอร์ชันหรืออัปเดตระบบปฏิบัติการได้โดยการเข้าไปที่ > การตั้งค่า > เกี่ยวกับโทรศัพท์ ก็จะปรากฎข้อมูลดังภาพครับ
หากผู้ใช้งานกดเลือกไปที่หัวข้อคุณสมบัติก็จะพบกับขั้นต้อนการใช้งานต่างๆ ซึ่งในภาพนี้จะเป็นในส่วนของ ซอฟค์ไลท์ เซลฟี่ ภาพทางด้านขวาก็จะบอกตั้งตอนการใช้งาน 4 ขั้นตอน หรือสามารถกดเลือกใช้ทันที่ก็ได้ โดยตัวเครื่องก็จะพาเราเข้าสู่โหมด ซอฟค์ไลท์ เซลฟี่แบบพร้อมใช้งานทันที
ต่อไปเป็นในส่วนของการตกแต่งภาพขณะอยู่ในโหมด VDO ซึ่งในโหมดนี้รองรับทั้ง WhatsApp และการ VDO คอต่างๆ โดยผู้ใช้งานสามารถปรับค่าความสวยงามได้ถึง 7 ระดับ โดยตัวกล้องจะทำการตรวจจับใบหน้าให้เราแบบอัตโนมัติ ซึ่งถือได้ว่าตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เป็นผู้หญิงอยู่พอสมควร
โหมดอัลบั้มภาพเซลฟี่ จะเป็นการแยกไฟล์ภาพที่ผู้ใช้งานถ่ายภาพเซลฟี่ออกจากภาพอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการจัดระเบียในคลังภาพให้กับผู้ใช้งาน
ในส่วนของตัวจัดการพลังงานบอกได้เลยว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานอย่างมากเพราะสามารถเลือกได้ถึง 2 แบบ
– โหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งเมื่อเลือกใช้งานแล้วตัวเครื่องจะทำการเซฟแบตเตอรี่ให้กับผู้ใช้งานโดยการลดประสิทธิภาพการทำงานของ CPU และ GPU ลง เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ให้สามารถใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
– โหมดเอ็กซ์ตรีม โหมดนี้จะทำการเปิดการทำงานแค่ รายชื่อติดต่อ ข้อความ และนาฬิกา เท่านั้น เอาไว้สำหรับใช้ในกรณีแบตเหลือน้อยแบบสุดๆ โหมดเอ็กซ์ตรีม นี้จะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นมาก
ในส่วนของโหมดการรักษาความปลอดภัยขอ Gionee A1 lite ก็มีระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเข้าไปบันทึกรหัสผ่าน และลายนิ้วมือตามขั้นตอนดังภาพได้เลยครับ
มาถึงการใช้งานที่คิดว่าน่าจะเป็นคุณสมบัติเด่นและน่าสดใจที่สุดของ Gionee A1 lite แล้วนะครับ คือโหมดของการแบ่งหน้าจอ ที่ผู้ใช้งานสามารถใช้งานแอปพลิเคชัน 2 แอปฯ ในหน้าจอเดียวกันได้ครับ และมีขั้นตอนการใช้งานดังภาพด้านบนครับ
นอกจากนั้นแล้วเจ้า Gionee A1 lite ยังมีระบบสแกนไวรัสในตัวอีกด้วย ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับปัญหาไวรัสเข้าเครื่องอีกต่อไป
อันสุดท้ายเป็น โปรแกรมโคลนข้อมูล คือเมื่อเปิดการใช้งานตัวเครื่องจะทำการโอนข้อมูลจากโทรศัพท์ในส่วนของรายชื่อผู้ติดต่อ เพลง วิดีโอ และแอปฯ ต่างๆ จากโทรศัพท์เครื่องเก่าไปยังโทรศัพเครื่องใหม่ของผู้ใช้งานโดยไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อใหม่หรือหาเพลงใหม่ หรือแม้แต่แอปฯ ต่างๆ ซึ่งถือได้ว่าโหมดการใช้งานในส่วนนี้ใช้ประหยัดเวลาได้อย่างมากเลยทีเดียวครับ
โหมดการใช้งานกล้องถ่ายภาพ Gionee A1 lite
กล้องด้านหลังของ Gionee A1 lite มาพร้อมกับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล dual LED flash ค่ารูรับแสง f/2.0 โดยมีให้เลือกใช้งานดังนี้
สำหรับในส่วนของกล้องด้านหลังของ Gionee A1 lite ผู้ใช้งานสามารถปรับการตั้งค่าต่างๆ ได้
นอกจากนั้นแล้ว Gionee A1 lite ยังมีโหมดเฟซบิวตี้เพิ่มความสวยงานให้กับใบหน้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปรับผิวสวย, หน้าขาวใส, หน้าเรียว, ตาโต โดยผู้ใช้งานสามารถปรับได้ตั้งแต่ 1-100 และหากผู้ใช้งานกดไปที่ ด้านล่างสุดทางซ้ายมือก็จะพบกับโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ ที่ถูกเก็บไว้
สำหรับในโหมดของการถ่ายภาพของ Gionee A1 lite นั้น มีด้วยกันหลายโหมด และโหมดที่น่าสนใจก็คือโหมดมืออาชีพ จะเป็นโหมดที่ทำให้ผู้ใช้งานมีอิสระกับการถ่ายภาพมากยิ่งขึ้นด้วยการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเร็วของชัดเตอร์ ค่า White balance ค่า ISO รวมไปถึงการโฟกัสภาพ
นอกจากนั้นแล้ว Gionee A1 lite ยังมีโหมดแปลภาษาที่เชื่อมต่อกับระบบกล้องแถมยังเลือกได้หลายภาษาอีกด้วย
ในส่วนของกล้องด้านหน้าของ Gionee A1 lite ก็จะมีโหมดการใช้งานในส่วนต่างๆ เหมือนกับกล้องด้านหลัง แต่จะแตกต่างกันตรงที่กล้องด้านหน้ามีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล บอกได้เลยว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจผู้ใช้งานที่ชอบถ่ายภาพเซลฟี่โดยเฉพาะ
และที่สำคัญฟีเจอร์การปรับแต่งความสวยยังสามารถใช้งานได้กับโหมดการถ่าย VDO อีกด้วย โดยสามารถปรับได้ 7 ระดับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Gionee A1 lite
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Gionee A1 lite
สำหรับในส่วนของภาพถ่ายตัวอย่างกล้องหน้าของ Gionee A1 lite ที่มาพร้อมกับความละเอียด 20 ล้านพิกเซลนั้น ผมได้ทำการทดสอบโดยการใช้งานในโหมดเฟชบิวตี้ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มในส่วนของหน้าเรียว ตาโต และ ขาวใส โดยเป็นการปรับแบบให้เห็นถึงความถึงความแตกต่างของภาพ ซึ่งในการใช้งานจริงๆ แล้ว ผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับค่าในส่วนต่างๆ ได้ตามความชอบครับ และยังมีโหมดการใช้งานอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกใช้งานครับ
จุดเด่น
– หน้าจอ IPS ขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด 1280×720 พิกเซล (HD) พร้อมกระจก Corning Gorilla Glass 3
– กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 มีเทคโนโลยี 4-call ในการจับภาพ และมีโหมดเพิ่มความสวยงามของใบหน้าที่สามารถปรับได้ตั้ง 1-100 รวมไปถึงการถ่าย VDO ที่สามารถปรับความสวยงานได้อีก 7 ระดับ
– กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 มีโหมดการใช้งานที่หลากหลายให้เลือกใช้งานทำให้เกิดความสนุกและเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพและ VDO
– ชิปเซ็ต MT6753 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.3GHz
– ชิปกราฟฟิก Mali-T720MP3
– ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ครอบทับ Amigo 4.0
– หน่วยความจำ RAM 3GB + ROM 32GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256GB สามารถใช้งานโปรแกรมได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด
– แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh มีเทคโนโลยีประหยัดพลังงานซึ่งในขณะที่ไม่ได้ใช้งานตัว A1 lite จะทำการประหยัดพลังงานให้แบบอัตโนิมัติ และหากมีการใช้งานใดที่ใช้พลังงานสูงเกินตัว A1 lite ก็จะทำการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานทราบ (ทางผู้ผลิตเคลมว่าเป็นรุ่นที่ชาร์จเร็ว)
– มีระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง ที่สามารถปลดล็อคเร็วเพียงแค่ 0.2 วินาที
– รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n(2.4/5GHz), Bluetooth 4.2, Split Screen, FM radio, microUSB 2.0
– ซิมการ์ด ถูกออกแบบมาพิเศษ รองรับ 2 ซิม พร้อม 1 ช่องที่สามารถใส่ microSD เพิ่มได้อีก
– ตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ สีทอง และสีแดง
– ราคา 7,990 บาท
ข้อสังเกต
– เมื่อใช้งานแล้วในส่วนของการถ่ายภาพของกล้องด้านหลังพบว่า เมื่อปรับเป็นโหมดการถ่ายภาพแบบ HDR จะใช้ระยะเวลาการประมวลผลของภาพนานไปหน่อย
– ในโหมดการใช้งานแปลภาษาที่เชื่อมต่อกับระบบกล้องไม่รองรับการแปลเป็นภาษาไทย
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Asus ZenFone 3 Max
– Huawei GR5 2017
– Lenovo VIBE K5 Note
– LG Stylus 2
– Nokia 6
– OPPO F1s
– vivo V3
– Xiaomi Redmi Note 4
– Wiko U Feel Prime
– ZTE Blade V580
ขอขอบคุณ Gionee Thailand
Leave a Reply