รีวิว Nokia 6 ลำโพงคู่ Dolby Atmos บอดี้สวยพรีเมียม RAM 3GB รัน Android 7.1.1 มีสแกนลายนิ้วมือ ราคาไม่แพง!
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ หลังจากที่เราได้รีวิว Nokia 3 สมาร์ทโฟนน้องเล็กราคาเบาๆ (ชมรีวิว Nokia 3 คลิก) และ Nokia 5 พี่กลางสเปคครบครันราคาประหยัดกันไปแล้วก่อนหน้านี้ (ชมรีวิว Nokia 5 คลิก)
และล่าสุดทาง HMD Global ก็เพิ่งเปิดตัว Nokia 8 สมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นแรกอย่างเป็นทางการในไทยเมื่อไม่นานมานี้ และแน่นอนหากทางเรามีโอกาสจะนำมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ชมกันอย่างแน่นอนค่ะ แต่ในครั้งนี้มาถึงคิวของ Nokia 6 สมาร์ทโฟนพี่ใหญ่ระดับกลางสเปคครบเครื่องที่เราจะนำมาให้รีวิวให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้บ้าง
สำหรับ Nokia 6 มีราคาจำหน่าย 7,990 บาท เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางมาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่ทนทานแข็งแรง ผิวโลหะเรียบด้านสุดเนี้ยบใช้วัสดุอลูมิเนียมขัดผิวโลหะด้วยความแม่นยำสูง ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat และได้รับการยืนยันมาแล้วว่าจะได้อัปเดตเป็น Android 8.0 Oreo เร็วๆ นี้ พร้อมรองรับความบันเทิงด้วยลำโพงคู่ระบบเสียง Dolby Atmos เสียงดังกังวาน ทุ้มลึก และมีความคมชัดที่ยอดเยี่ยม เราไปชมรีวิว Nokia 6 เครื่องนี้กันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค Nokia 6
Features | Nokia 6 |
วันเปิดตัว : | – พฤษภาคม 2560 |
ราคา : | – 7,990.- (ณ วันที่ 30 ส.ค. 60) |
ระบบปฏิบัติการ : | – Android 7.1.1 Nougat |
หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS |
– ขนาด 5.5 นิ้ว | |
– ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล | |
– ขอบโค้ง 2.5D | |
– กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass | |
– Touchscreen | |
CPU : | – Snapdragon 430 แบบ Octa Core ความเร็ว 1.4GHz |
GPU : | – Adreno 505 |
RAM : | – 3GB |
ROM : | – 32GB |
– microSD Card สูงสุด 128GB | |
กล้องหลัง : | – 16 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
– Dual LED flash | |
– Auto Focus | |
– Touch Focus | |
– Face Detection | |
– Panorama | |
– HDR | |
กล้องหน้า : | – 8 ล้านพิกเซล |
– ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
Video : | – 1080p |
Battery : | – 3000 mAh |
ขนาด : | – 154 x 75.8 x 7.85 มม. |
น้ำหนัก : | – 169 กรัม |
รองรับซิม : | – dual SIM |
ระบบกันน้ำ : | – |
ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
– 3G : WCDMA 850/900/1900/2100 MHz | |
– 4G LTE | |
ระบบเชื่อมต่อ : | – Wi-Fi |
– Bluetooth 4.1 | |
– OTG | |
– NFC | |
– Micro USB 2.0 | |
– FM radio | |
– Google Drive | |
– 3.5mm jack | |
– ลำโพงคู่ Dolby Atmos | |
GPS | – GPRS |
– A-GPS | |
– GLONASS | |
Sensor : | – Fingerprint |
– Gyroscope | |
– Proximity | |
– Accelerometer | |
– Ambient light | |
– E-compass | |
– Hall | |
สี : | – ดำ |
– น้ำเงินเข้ม | |
– เงิน | |
– ทองแดง |
แกะกล่อง Nokia 6
Nokia 6 ถูกบรรจุมาในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัด หน้ากล่องยังคงมีรูปคนจับมือกันตามคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมของแบรนด์ Nokia ในสโลแกน Connecting People ที่เชื่อมต่อมนุษย์กับเทคโนโลยีมือถือสมาร์ทโฟนเข้าด้วยกัน
ด้านหลังกล่องระบุมีการระบุสเปคการใช้งานที่โดดเด่นของ Nokia 6 อาทิ บอดี้อลูมิเนียมแบบ Unibody, สนับสนุน 4G VoLTE, หน่วยความจำ RAM ขนาด 32GB ความจุ 32GB รองรับ microSD Card, กล้องหลัง 16MP รองรับ PDAF, กล้องเซลฟี่ 8MP, ชิปเซ็ต Octa-Core 64 บิต จาก Qualcomm, เต็มอิ่มกับทุกความบันเทิงด้วยลำโพงคู่ระบบเสียง Dolby Atmos เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีภาพตัวเครื่องสีดำสุดพรีเมียมโชว์ดีไซน์กันแบบชัดๆ อีกด้วย
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– Nokia 6 ตัวเครื่องสีเงิน
– สายชาร์จ micro USB
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่
– หูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
– คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
สำหรับ Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ของ Nokia รองรับ 5V/2A สายสีดำหนา รองรับ micro USB ไม่ใช่ USB-C หูฟังสเตอริโอมีสมอลทอร์ค
ทำความรู้จัก Nokia 6
ด้านหน้า Nokia 6 มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD อัตราส่วน 16:9 ปกป้องด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass ขอบโค้ง 2.5D ความหนาแน่น ppi ความสว่าง 450 nits เคลือบโพลาไรซ์ลดแสงสะท้อนเมื่อใช้งานในที่แสงจ้า
ด้านหน้าส่วนบน ประกอบด้วย เลนส์กล้องเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1.12um ค่ารูรับแสง f/2.0 เลนส์มุมกว้าง 84 องศา พร้อมออโต้โฟกัส, รองรับบันทึกวิดีโอระดับ Full HD, โลโก้แบรนด์, ลำโพงฟังเสียงสนทนา, ไฟเเจ้งเตือนสถานะมุมซ้ายบน และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบไปด้วย ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮมที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และปุ่ม Recent App โดยปุ่มนำทางจะใช้งานแบบสัมผัสมีไฟ Backlight
ด้านหลัง Nokia 6 มาพร้อมดีไซน์บอดี้โลหะอลูมิเนียมผิวสัมผัสเรียบด้านแบบ Unibody เมื่ออยู่ในห้องแอร์ผิวสัมผัสเย็นเจี๊ยบเลยค่ะ เส้นเสารับสัญญาณพาดอยู่ขอบด้านบน – ล่าง พร้อมโลโก้แบรนด์อยู่กึ่งกลางด้านหลังเครื่องถัดลงมาจากเลนส์กล้องดิจิทัล และไฟแฟลช
ด้านหลังส่วนบน ประกอบไปด้วย เลนส์กล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 รองรับออโต้โฟกัส พร้อม dual LED flash โดยจัดวางในแนวตั้ง เหนือเลนส์กล้องเพียงเล็กน้อยจะเป็นรูไมค์โครโฟน และเส้นเสารับสัญญาณสีขาวขุ่น
ด้านหลังส่วนล่าง มีข้อความสกรีนไว้ระบุถึงรหัสโมเดลรุ่น การออกแบบดีไซน์ หรือสถานที่ผลิต และเส้นเสารับสัญญาณ
ด้านบนตัวเครื่อง พบแค่เพียงช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย รูไมค์โครโฟน, ช่องเสียบ micro USB (ไม่ใช่ USB-C) และลำโพงคู่ระบบเสียง Dolby Atmos เสียงดังกังวาน ชัดเจนมากค่ะ
ด้านซ้ายตัวเครื่อง พบเพียงแค่ถาดใส่ซิมการ์ด
โดย Nokia 6 จะรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot คือจะต้องเลือกว่าจะใช้งาน SIM + SIM หรือ SIM + microSD Card นั่นเอง (ทำความรู้จัก Hybrid Slot)
ด้านขวาตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ปุ่มพาวเวอร์สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือรีเซ็ตเครื่องใหม่ และปุ่มปรับระดับเสียง
การแคปภาพหน้าจอ กดไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ทางด้านขวาตัวเครื่อง
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อนำ Nokia 6 ที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 430 แบบ Octa Core ความเร็ว 1.4GHz ใช้จีพียู Adreno 505 เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุด พบว่ามีคะแนนรวมอยู่ที่ 45425 คะแนน ทำได้มากกว่า Nokia 5 ที่ทำได้ 45364 คะแนน เพียงเล็กน้อย (ชมรีวิว Nokia 5) เบื้องต้นการทำงานลื่นไหลดี ยังไม่มีอาการสะดุดให้เห็นค่ะ
สเปคการใช้งานของ Nokia 6 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชั่นล่าสุดระบุว่า มีรหัสรุ่นโมเดล TA-1021 รันระบบ Android 7.1.1 Nougat ชิปประมวลผลแบบ Octa Core จำนวนแปดแกนสมอง จีพียู Adreno 505 หน้าจอความละเอียด Full HD รองรับ NFC มีแรมเหลือใช้งานจริง 1189MB และความจุใช้งานจริง 21.44GB
Interface
หน้าจอ Lock screen สามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้ด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน และเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการสไลด์มุมขวาขึ้น
หน้า Home screen หลังจากที่ทำการปลดล็อกเครื่องจะมีมาให้เพียงแค่หน้าเดียว แอปฯ หน้าแรกมีมาให้น้อยจัดวางเป็นระเบียบ และเมื่อสไลด์หน้าจอขึ้นจะพาเข้าสู่หน้ารวมแอปฯ ที่ประกอบไปด้วยแอปฯ ต่างๆ ที่ครบครัน
เมื่อกดค้างไปยังพื้นที่ว่างบนหน้าจอจะพาเข้าสู่หน้าตั้งค่าภาพพื้นหลังวอลเปอร์ วิดเจ็ต และตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ เพิ่มเติม
สามารถเปลี่ยนวอลเปเปอร์ได้เอง จะใช้ที่มีมาให้หรือใช้ภาพจากอัลบั้มส่วนตัวก็ได้ และสามารถปรับแต่งหน้าวิดเจ็ตได้เองอีกด้วย
แอปฯ การใช้งานของ Google มีมาให้อย่างครบครัน และเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยการเข้าไปที่หน้า Home screen แล้วปัดหน้าจอไปทางขวามือค่ะ
แอปฯ Play เกมมีให้เลือกดาวน์โหลดมากมาย ขณะที่ Play Books มีหนังสือให้ดาวน์โหลดอ่านฟรี และแบบเสียเงิน
ในส่วนนี้จะเป็น Play Movies ชมภาพยนตร์และรายการทีวีผ่านมือถือเครื่องโปรด และการสนับสนุนของสมาร์ทโฟน Nokia
แอปฯ Duo การใช้งานโทรวิดีโอคอลแบบง่ายๆ แค่มีเบอร์โทรศัพท์ก็สามารถใช้งานได้ทันที และแอปฯ ช่วยชำระเงินโดยใช้สมาร์ทโฟนนั่นเอง
การโทรสนทนา และข้อความ
เครื่องคิดเลข และปฏิทิน
วิทยุ FM ที่จำเป็นต้องเสียบหูฟังเพื่อใช้เป็นเสาสัญญาณ
การใช้งานนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าแจ้งเตือน ตั้งปลุก หรือจับเวลา และสมุดโน้ตในตัวเครื่อง
เมนูการตั้งค่าใช้งานต่างๆ ภายในตัวเครื่อง
Nokia 6 มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังไว้ใต้ปุ่มโฮม โดยจะรองรับสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ และก่อนการบันทึกลายนิ้วมือจำเป็นต้องเลือกรูปแบบการปลดล็อกด้วย อาทิ ตั้งค่ารหัสผ่าน, รูปแบบการวาดรหัส และใส่พินไอดี เป็นต้น
การอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชั่นใหม่ๆ สามารถเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับอัปเดตได้ที่หน้า เกี่ยวกับโทรศัพท์ > การอัปเดตระบบ
สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนแอปฯ ต่างๆ ได้ด้วยตนเอง
Nokia 6 รองรับ NFC เพื่อการแชร์ข้อมูลในระยะเวลาเพียงสั้นๆ ขณะที่ปุ่มนำทางการใช้งานสามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการจะให้มีไฟแจ้งเตือน LED อย่างไร
มีโหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ที่สามารถช่วยได้จริงมาให้ใช้งานด้วย
สามารถตั้งค่าการใช้งานเคลื่อนที่ได้ มีทั้งการพลิกโทรศัพท์เพื่อการตัดสายโทรเข้า หรือปิดเสียงเมื่อหยิบอุปกรณ์ขึ้นมา
หากต้องการรีเซ็ตการตั้งค่าต่างๆ หรือสำรองข้อมูลภายในตัวเครื่องให้เข้าไปที่ การสำรองข้อมูลและการรีเซ็ต
หน้าแสดงหน่วยความจำทั้งหมดภายในเครื่อง ที่ใช้งานไปแล้ว และสามารถดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่มเติมได้ที่ Google Play
เมื่อสไลด์หน้าจอด้านบนลงจะพาเข้าสู่หน้า Quick setting ที่แสดงการแจ้งเตือน และเปิดใช้งาน หรือตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ภายในตัวเครื่อง
เมื่อกดไปที่ปุ่ม Recent Apps จะพาเข้าสู่หน้าเคลียร์แอปฯ ทั้งหมดที่ใช้งาน และหากกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ด้านตัวเครื่องจะเป็นการปิดหรือรีสตาร์ทเครื่องค่ะ
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่เมนูการใช้งานกล้องหลังของ Nokia 6 มีโหมดถ่ายภาพมาให้น้อยพอสมควร ได้แก่ ถ่ายภาพปกติ, ทัชอัพผิวถ่ายภาพสวยเนียนปรับได้ 20 ระดับ และแบบพาโนรามา ระหว่างใช้งานสามารถเลือกเปิดใช้งานแฟลช, HDR, ตั้งเวลาในการถ่ายภาพได้
โหมดทัชอัพผิวปรับตั้งค่าผิวเนียนได้ 20 ระดับ
โหมดถ่ายภาพพาโนรามามุมกว้างรอบทิศทาง
โหมดบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด Full HD สามารถเลือกปรับค่าความเร็วของวีดีโอที่จะบันทึกได้ค่ะ
ถัดมาจะเป็นในส่วนของเมนูการใช้งานกล้องหน้าของ Nokia 6 มีมาให้ใช้งานเพียง 2 โหมด ได้แก่ โหมดถ่ายภาพปกติ และโหมดถ่ายภาพแบบทัชอัพผิว มีให้เปิดใช้งานแฟลชหน้าจอ, HDR และตั้งเวลาในการถ่ายภาพ
โหมดทัชอัพเหมือนกับกล้องหลัง สามารถเลือกปรับได้ 20 ระดับ
สุดท้ายจะเป็นโหมดบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดคือระดับ Full HD และสามารถเลือกปรับค่าความเร็วของวีดีโอที่จะบันทึกได้เหมือนกับกล้องหลังด้วยค่ะ
เมนูการตั้งค่าใช้งานกล้องหน้า-หลัง ได้แก่ เพิ่มค่าลายน้ำ, ตารางเส้น, เข็มทิศ, การควบคุมชัตเตอร์, เสียงชัตเตอร์, แท็กตำแหน่งที่ตั้ง, ขนาดของภาพถ่าย, เลือกคุณภาพวิดีโอ หรือรีเซ็ตการตั้งค่ากล้องทั้งหมดได้
สำหรับกล้องหลังของ Nokia มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล สามารถตั้งค่าถ่ายภาพโดยลดความละเอียดของกล้องได้ต่ำสุดคือ 4 ล้านพิกเซล
และกล้องหน้าของ Nokia 6 มาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ตั้งค่าความละเอียดต่ำสุดจะอยู่ที่ 2 ล้านพิกเซล ซึ่งทั้งกล้องหน้า-หลังจะรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD หรือ 1920×1080 พิกเซล
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก Nokia 6
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก Nokia 6
สำหรับ Nokia 6 มาพร้อมกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 จากตัวอย่างภาพเลือกปรับตั้งค่าผิวเนียนที่ค่ากลางระดับ 10 การปรับโฟกัสของกล้องหน้ายังไม่นิ่ง บางครั้งสว่างไปบางครั้งก็มืดไป ต้องปรับโฟกัสเองจนกว่าจะถูกใจ ถ่ายในที่แสงน้อย (ในห้อง) ได้ไม่ค่อยถูกใจดูโทนเหลืองเล็กน้อย โดยรวมกล้องหน้าของ Nokia 6 ความละเอียดต่ำไปนิด ไม่ใช่ว่าไม่ดีถือว่าพอใช้ได้แต่ยังไม่ทำให้ว้าวเท่าไหร่ เก็บรายละเอียดเส้นผมยังดูนัวๆ อยู่ค่ะ แตกต่างจากกล้องหลังที่ใช้งานง่ายถ่ายสวย
จุดเด่น
– สมาร์ทโฟนราคาไม่เกินหมื่นบาท
– รันระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat พร้อมรองรับอัปเดตเป็น Android 8.0 Oreo
– หน้าจอ Full HD ขนาด 5.5 นิ้ว ครอบทับกระจกกันรอย Gorilla Glass ทัชสกรีนลื่นไหล
– ตัวเครื่องโลหะอลูมิเนียมสวยหรูเกินราคา ขนาดบาง 7.85 มิลลิเมตร
– งานประกอบดี ตัวบอดี้แข็งแรงทนทาน
– ใช้ชิประดับกลาง Snapdragon 430 แบบ Octa Core ความเร็ว 1.4GHz จีพียู Adreno 505
– หน่วยความจำ RAM 3GB ความจุ 32GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128GB
– กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 พร้อม dual LED flash, Auto Focus
– กล้องหน้าเซลฟี่ 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0
– แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid
– สนับสนุน 4G LTE และ VoLTE
– รองรับ OTG, NFC, Micro USB 2.0, Bluetooth 4.1, FM radio, Google Drive และ Wi-Fi
– ลำโพงคู่ระบบเสียง Dolby Atmos ดังกังวานชัดเจนดี
– มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ข้อสังเกต
– กล้องหน้ายังไม่โดนใจ ถ่ายในที่แสงน้อยได้ไม่ดี โฟกัสไม่นิ่ง
– หูฟังที่แถมมาให้ดูธรรมดามาก (แต่เสียงใช้ได้ในระดับนึง)
– กล้องหน้าดูโทนเหลืองเล็กน้อย
– หน่วยความจำต่างๆ อาจไม่เพียงพอต่อผู้ใช้งานบางท่าน
– ไม่รองรับชาร์จเร็ว ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จพอสมควร
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– Alcatel Idol 4
– Asus ZenFone 4 Max Pro Edition
– Huawei GR5 2017
– Lenovo K6 Note
– Moto G4 Plus
– Nokia 5
– Nubia Z11 Max
– OPPO F1s
– Samsung Galaxy J7 Prime (2017)
– Samsung Galaxy J7 Version2
– Sony Xperia XA
– vivo V5
– Wiko U feel Prime
ขอขอบคุณ HMD Global
Leave a Reply