ZTE เผยกำไรไตรมาสแรกพุ่ง 27.8% หลังยอดขายสมาร์ทโฟน-โซลูชั่นเครือข่ายแข็งแกร่ง

ZTE เผยกำไรไตรมาสแรกพุ่ง 27.8% หลังยอดขายสมาร์ทโฟน-โซลูชั่นเครือข่ายแข็งแกร่ง

ZTE

ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชั่นโทรคมนาคม โซลูชั่นระดับองค์กร และเทคโนโลยีผู้บริโภคสำหรับแวดวงอินเทอร์เน็ตมือถือรายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 27.8% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายสมาร์ทโฟนและโซลูชั่นเครือข่ายโทรคมนาคมที่ปรับตัวสูงขึ้น

รายงานผลประกอบการรายไตรมาสของ ZTE ระบุว่า กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญในบริษัทพุ่งขึ้นแตะ 1.21 พันล้านหยวนในไตรมาสแรก ส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 17.8% สู่ระดับ 2.575 หมื่นล้านหยวน นวัตกรรมเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจของ ZTE โดยการวิจัยและพัฒนาของบริษัทมีสัดส่วนเกือบ 13% ของรายได้ในไตรมาสแรก

ZTE กำลังสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการวิจัย 5G โดยบริษัทได้ยกระดับความร่วมมือกับบรรดาผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก ด้วยโซลูชั่น Massive MIMO ที่ใช้เทคโนโลยี FDD-LTE อันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ขณะที่ผลิตภัณฑ์ Pre5G สุดล้ำของ ZTE ก็ถูกนำไปใช้ในกว่า 40 เครือข่าย ใน 30 ประเทศ

และ ZTE ยังมีแผนเริ่มใช้งานเครือข่าย 5G ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2561 ก่อนเปิดตัวเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบในปี 2562 นอกจากนี้ โซลูชั่นเครือข่ายเสมือนของ ZTE ยังถูกนำไปติดตั้งในกว่า 180 เครือข่ายทั่วโลก และในปีนี้ บริษัทยังได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Carrier DevOps เป็นครั้งแรกของโลกด้วย

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Wireline นั้น ZTE ก็เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเครือข่ายเชื่อมต่อ 5G ที่ผสมผสานเทคโนโลยี IP และออปติคอลเข้าด้วยกัน โดยได้เปิดตัวโซลูชั่น 5G Flexhaul ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเดียวกัน บริษัทยังครองความเป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์เครือข่ายเชิงแสงแบบพาสซีฟ (PON) และผลิตภัณฑ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบอยู่กับที่ (fixed access) ทั้งยังครองส่วนแบ่งเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูลมากถึง 70% ในการประมูลประจำปีเมื่อไม่นานนี้โดย China Mobile

ในไตรมาสแรกของปีนี้ยอดการส่งมอบ set top box ของ ZTE ขยายตัวมากกว่า 25% เนื่องจากธุรกิจ Big Video ของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ZTE ยังชิงส่วนแบ่งได้มากขึ้นในตลาด Rich Communications Suite (RCS) และโซลูชั่น Cloud Computing เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนานวัตกรรมการแปลงเครือข่ายให้เป็นคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์

ในส่วนของ IoT (Internet of Things) บริษัทได้กลายเป็นผู้นำในการพัฒนาบริการ Narrowband-IoT (NB-IoT) และเป็นรายแรกที่ทดสอบระบบจอดรถอัจริยะที่ใช้เทคโนโลยี NB-IoT ก่อนเปิดตัวเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ โดยได้รับการสนับสนุนจากนวัตกรรมเครือข่าย ชิปเซ็ต และอุปกรณ์ต่างๆ อันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โดยชิปเซ็ตที่ ZTE พัฒนาขึ้นเองนั้น มียอดส่งมอบเพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบรายปีในช่วงไตรมาสแรก

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟน AXON และ Blade ได้เปิดตัว “AXON 7” สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทที่รองรับ Google Daydream ซึ่งมอบประสบการณ์เสมือนจริงอันน่าตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ใช้งาน หลังจากที่ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน “Blade V8” ในมหกรรม Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัสเมื่อเดือนมกราคม โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้รองรับการถ่ายภาพโบเก้และภาพสามมิติด้วย

ZTE หนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำในสหรัฐ ได้กระชับความร่วมมือกับบรรดาผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น ผ่านโซลูชั่นยานพาหนะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและสินค้าผู้บริโภคอันล้ำสมัย นอกจากนี้ ZTE ยังเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์รายใหญ่ของ China Mobile และเป็นผู้นำด้านการพัฒนาสมาร์ทโฟนเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยข้อมูลที่สูงขึ้น

ในด้านลูกค้าภาครัฐและองค์กรนั้น ZTE ก็ได้สร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยี Smart City โดยมีการดำเนินโครงการต่างๆในเมืองใหญ่ของจีน รวมถึงในยุโรปตะวันตก เช่น เยอรมนีและฝรั่งเศส เป็นต้น

ในอนาคต ZTE จะเดินหน้าคว้าโอกาสในการเติบโตต่อไป โดยบริษัทจะสานต่อพันธกิจในด้านการวิจัยและพัฒนารวมถึงการบริหารจัดการ พร้อมกับกระชับความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์และลูกค้า เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย