7 เช็กลิสต์ต้องคิดก่อนซื้อสมาร์ตโฟนในปี 2020
เข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปีที่มีสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ๆ ออกมาสู่ตลาดให้จับจองมากมายหลายสเปค จนถ้าจะตัดสินใจซื้อคงเลือกค่อนข้างยาก วันนี้เลยมาสรุปให้ฟังกันดีกว่าว่าสมาร์ตโฟนที่ดีในยุค 2020 ก้าวสู่ 2021 ที่ควรต้องไปให้สุดในทุกทาง ตอบโจทย์ทั้งความพอใจส่วนตัว ความอัจฉริยะทันยุคทันสมัย และความคุ้มค่าเงินในกระเป๋านั้นควรมีอะไรบ้าง เรามาพิจารณาจาก 7 ข้อนี้ ก่อนตัดสินใจซื้อกันดีกว่า
1. ดีไซน์ต้องเตะตาไม่เหมือนใคร
เมื่อมีวิวัฒนาการของสมาร์ตโฟนเกิดขึ้น คนเราก็เริ่มใช้มือถือหน้าตาเหมือนกันเยอะขึ้น หลายแบรนด์จึงเริ่มคิดค้นสีใหม่ ๆ หรือพื้นผิวด้านหลังของสมาร์ตโฟนที่มีเอกลักษณ์มากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ตามเทรนด์สี หรือแฟชั่นในตอนนั้น โดยสีที่มาแรงก็คงไม่พ้น ชมพู ม่วง สีที่โดดเด่นเกินใครอย่างสีที่มีมิติเหลือบเงาสะท้อนแสง หรือบางคนที่ยังคงติดความเรียบง่าย ก็ทำให้มือถือแทบทุกรุ่นมีสีที่เข้ากับทุกการแต่งกายให้เลือก
นอกจากสีแล้ว นวัตกรรมสมัยนี้ยังเอื้อให้ดีไซน์ของมือถือมาในรูปแบบ จอแบน จอมน จอพับ ขึ้นอยู่กับความถนัดในการใช้งานของแต่ละคน ขอบจอที่โค้งลงมารับกับการจับอย่างถนัดมือเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้ผู้ใช้จับโทรศัพท์ได้แน่นขึ้น และดูหรูหรา พร้อมจอภาพที่ขยายเต็มหน้าจอดูไร้ขอบ หากใช้ตัวเครื่องสีเงินก็จะดูเนียนเรียบไปกับจอ เสมือนเป็นสมาร์ตโฟนแห่งโลกอนาคต
2. กล้องหลังสวยปังลูกเล่นเยอะ
ภาพสวยน่าประทับใจของช่างภาพบนโซเชียลมีเดียที่ใคร ๆ เห็นแล้วต่างก็ถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “กล้องยี่ห้ออะไร” ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอีกแล้ว แต่ความจริงที่ว่ามือถือเครื่องเดียวสามารถเนรมิตภาพทิวทัศน์ที่สวยจนลืมหายใจได้ก็ยังทำให้ตื่นเต้นได้อยู่ดี
กล้องจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจเลือกสมาร์ตโฟน กล้องหลักเพียงเลนส์เดียวทุกวันนี้หากไม่เก่งจริงคงตอบโจทย์ได้ไม่เต็มที่ ยุคนี้ต้องมี 3-5 เลนส์ขึ้นไป เพื่อจะได้ถ่ายแบบคมชัดได้ 1 เลนส์ มุมกว้าง 1 เลนส์ เลนส์เทเลโฟโต้ 1 เลนส์ และบางคนอาจต้องการถ่ายภาพแบบมาโครด้วย เลนส์มุมแคบพิเศษอีก 1 เลนส์
อีกฟังก์ชั่นน่าสนใจที่เกิดขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับกล้องหลัง คือการถ่ายภาพโหมดกลางคืน โดยการนำเทคโนโลยีจากกล้องดีเอสแอลอาร์มาใช้ เพิ่มความสามารถในการรับแสงของเลนส์ และทำให้ Grain และ Noise ลดลง ภาพไม่ดูหยาบ เห็นรายละเอียดในความมืดมากขึ้น และส่วนที่สว่างไม่จ้าจนเกินไป ยิ่งถ้ามีเอไอที่สามารถทำให้ภาพมีความนิ่ง และสามารถระบุวัตถุได้ด้วยก็ยิ่งดี
3. กล้องหน้าต้องถ่ายแล้วดูดีสีไม่โป๊ะ
ถ้ากล้องหลังล้ำแล้ว กล้องหน้าก็ต้องตามทัน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคนช่วยถ่ายภาพทุกครั้งที่อยากลงโซเชียล โดยสิ่งที่ใคร ๆ กำลังมองหาคือกล้องหน้าที่ถ่ายแล้วสวยโดยไม่ต้องเข้าแอปฯ แต่งรูป และสามารถถ่ายในที่มืดได้คมชัดพอ ๆ กับการใช้กล้องหลัง
ดังนั้นจึงควรเลือกสมาร์ตโฟนที่มีเอไอช่วยถ่ายเซลฟี่โดยทำหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างสมูท มีบิวตี้โหมดช่วยปรับให้ผิวหน้าดูกระจ่าง และเรียบเนียน ถ้าสายชิลอยากให้ถ่ายภาพเซลฟี่ตอนกลางคืนบนร้านอาหาร หรือรูฟท็อปบาร์ได้สวยด้วย กล้องหน้าก็ควรมีเทคโนโลยีลด Noise และ AI HDR+ เพื่อลดแสงจ้าด้านหลัง หากสามารถลดเงาสะท้อนบนกระจกหน้าต่างได้ด้วย ก็จะทำให้เห็นวิวยามค่ำคืนผ่านกล้องหน้าได้ชัดเจน
4. วิดีโอต้องโปรระดับวล็อกเกอร์
ใคร ๆ ก็เป็นวล็อกเกอร์ได้ เพราะทุกวันนี้ไม่ใช่แค่กล้องดิจิทัลที่สามารถถ่ายวิดีโอออกมาได้คุณภาพดี แต่สมาร์ตโฟนก็เพิ่มความสามารถให้กล้องสำหรับโหมดวิดีโอมากขึ้นแล้วเช่นกัน ทำให้คนรักการบันทึกเรื่องราวเป็นวิดีโอแชร์ลงช่องทางต่าง ๆ ไม่ต้องซื้อกล้องมาเพิ่ม เดี๋ยวนี้กล้องหลังที่มีเทคโนโลยีลด Noise ทำให้การอัดวิดีโอซึ่งคมชัดทั้งเวลาแสงมากและแสงน้อย
ทั้งการถ่ายกล้องหน้าและหลัง และถ้าสมาร์ตโฟนมีข้อได้เปรียบเรื่องกล้องหน้าและหลัง ทำให้สามารถเพิ่มลูกเล่นโหมดถ่ายวิดีโอแบบ dual view ขึ้นมาด้วยได้โดยไม่ต้องตัดต่อด้วยโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ และถ้ากล้องหน้าสามารถถ่ายเซลฟี่วิดีโอแบบใส่บิวตี้โหมด และควบคุมการสั่นสะเทือนได้ การถ่าย และตัดต่อวล็อกด้วยตัวเองก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก
5. ขุมพลังต้องจัดเต็มจัดหนัก
หลังจากพิจารณาจากสิ่งที่สมาร์ตโฟนทำได้แล้ว บางคนอาจจะมองข้ามสิ่งที่ทำงานเบื้องหลังทุกอย่างไป นั่นก็คือชิปเซ็ตนั่นเอง ชิปเซ็ตประกอบด้วยยูนิตต่าง ๆ ที่ทำให้เครื่องมีความแรง ประหยัดพลังงาน ภาพลื่น รวมถึงช่วยเติมเต็มฟีเจอร์อัจฉริยะที่ใช้บนกล้องต่าง ๆ อีกด้วย
โดยหาก CPU เป็น octa-core ก็จะโพรเซสได้เร็วทันใจ GPU ควรเลือกที่ทำให้เล่นเกมหนัก ๆ ได้เต็มที่ ส่วนสิ่งที่ช่วยเรื่องเอไอกล้องคือ NPU ในขณะที่เลือกอย่าลืมตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้สิ่งที่มองหาในคุณภาพที่ตรงใจที่สุด และตั้งแต่ปีนี้ชิปเซ็ต 5G ก็เป็นหนึ่งปัจจัยที่หลายคนกำลังมองหาเช่นกัน
6. การจัดการแอปฯ ต้องฉลาด
ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นทุกปี ในมือถือรุ่นใหม่ ๆ นั้นมาพร้อมฟังก์ชันการใช้แอปฯ ที่สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม นักเล่นเกมอาจจะชอบฟังก์ชันที่ทำให้สามารถตอบแชทได้โดยไม่ต้องออกจากเกม หรือไม่ก็สามารถเล่นโซเชียลมีเดียระหว่างรอเกมโหลดข้อมูลเสร็จได้ อีกทั้งหากสามารถตั้งค่าให้จอไม่ลดแสงลงจากการเอามือบังเซ็นเซอร์แสง ก็จะเป็นสมาร์ตโฟนในฝันของเกมเมอร์ได้เลย
7. ฟีเจอร์การสื่อสารต้องล้ำหน้า
แน่นอนว่าการสื่อสารไม่ได้หยุดอยู่แค่การโทรเข้าออก และการแชทอีกต่อไปแล้ว ทั้งการคุยส่วนตัว และการประชุมทำให้คนใช้วิดีโอคอลกันมากขึ้น แม้ไม่มีแล็ปท็อปอยู่กับตัว สมาร์ตโฟนบางรุ่นก็มีฟีเจอร์ที่ติดตั้งมาในเครื่องพร้อมให้วิดีโอคอลจากที่ใดก็ได้ และยังแชร์ไฟล์งานให้คู่สนทนาเห็นได้โดยไม่ต้องโหลดแอปฯ ประชุมมาอีกด้วย คนทำงานคงจะปลื้มถ้าฟีเจอร์วิดีโอคอลที่มากับสมาร์ตโฟนไม่มีการติดขัดแม้อับสัญญาณ หรือเห็นหน้าชัดเจนแม้อยู่ในที่แสงน้อย
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทที่ทำสมาร์ตโฟนที่มีเอกลักษณ์ตอบโจทย์คนหลายกลุ่มอย่างหัวเว่ยได้ปล่อย Huawei nova 7 Series เปิดประสบการณ์ความแรงระดับ 5G ในราคาหมื่นต้น ๆ ให้คนรุ่นใหม่ได้สนุกกับฟีเจอร์ที่ทันสมัย
ด้วยกล้องหลัง กล้องหน้า และกล้องวีดีโอที่มีความสามารถในการถ่ายทั้งมุมปกติ มุมกว้าง มุมโคลสอัพ และซูมแบบไฮบริดได้เกือบเท่ามือถือเรือธง โดยมีเอไอช่วยให้ประสบการณ์การเล่นโซเชียลมีเดียสะดวกยิ่งขึ้น ฟีเจอร์อำนวยความสะดวกตอบแชทระหว่างเล่นเกมได้ และมี MeeTime วิดีโอคอลที่ทำให้การทำงาน หรือติดต่อกับเพื่อน และครอบครัวเป็นไปได้อย่างราบรื่นอีกด้วย
วันนี้ทั้งสองรุ่นได้ปล่อยราคาสุดพิเศษ โดย Huawei nova 7 SE กับสีที่เป็นเอกลักษณ์ 2 สีคือ Crush Green, Space Silver ที่มีความเหลือบชมพูเล็กน้อย และใหม่ล่าสุด Midsummer Purple ลดราคาลงเหลือเพียง 10,990 บาท ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา
ส่วน Huawei nova 7 มี 2 สีให้เลือกได้แก่ Midsummer Purple และสีที่ไม่มีใครเหมือนคือ Space Silver ที่ออกแบบมาให้มีเอฟเฟคต์เหมือนแสงตกกระทบคริสตัลระยิบระยับ วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 14,990 บาท ตั้งแต่ที่ 19 ตุลาคมจนถึง 30 พฤศจิกายน 2563 เท่านั้น ที่ Huawei Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
Leave a Reply