แชร์วิธีดูแลและถนอมแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่เสื่อมเร็ว

แชร์วิธีดูแลและถนอมแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่เสื่อมเร็ว

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หากพูดถึงปัจจัยสำคัญในการใช้งานมือถือสมาร์ทโฟน อีกหนึ่งข้อที่สำคัญไม่น้อยคือในส่วนของแบตเตอรี่ การทะนุถนอมและการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนมีความสำคัญมากและมักจะมีความเชื่อแบบผิดๆ เกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ที่อาจนำมาซึ่งความเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว มีอายุการใช้งานน้อย

เริ่มด้วยก่อนหน้านี้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนจะเป็นแบบ Nickel (นิกเกิล) ซึ่งมีวิธีการชาร์จที่แตกต่างจากแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแบตเตอรี่แบบนิกเกิลมีอักษรย่อว่า Ni-MH (Nickel-Metal-Hydride) พัฒนามาจากแบตเตอรี่รุ่นแรกอย่าง Ni-Cd (Nickel-Cadmium) ถูกปรับปรุงให้มีความจุมากขึ้นในขนาดเท่าเดิม

แบตเตอรี่แบบนิกเกิลมักจะมีปัญหาเรื่อง Memory Effect ที่จะต้องทำการคลายประจุออกให้หมดเสียก่อนจึงจะทำการชาร์จแบตเตอรี่เข้าไปใหม่จาก 0% จนเต็ม 100% ได้ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้โทรศัพท์มือถือเมื่อ 10 ปีก่อน ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่บ่อยหากยังไม่หมดเพราะนี่คือสาเหตุที่จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไว การชาร์จทั้งที่แบตเตอรี่ยังไม่หมด จะเป็นสร้างความจำให้กับแบตเตอรี่ว่ามีความจุภายในน้อยลงนั่นเอง

ขณะที่แบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion หรือ Li-Ion แตกต่างจากแบตเตอรี่แบบนิกเกิลอย่างสิ้นเชิง นอกจากจะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้มีขนาดเล็กลงแล้ว ยังตัดปัญหาเรื่อง Memory Effect ออกไปด้วย ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้บ่อยและไม่จำเป็นต้องชาร์จจนเต็ม 100% แบตเตอรี่ประเภทนี้จะมี Charge Cycle หรือตัวเลขที่ประมาณรอบการใช้งานของแบตเตอรี่ก่อนที่จะเริ่มเสื่อม เราไปดูปัจจัยที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมกันเลยค่ะ

อุณหภูมิร้อนจัด และเย็นจัด ทำแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว  อุณหภูมิที่ร้อนจัด หรือเย็นจัด ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่โดยตรง ซึ่งเป็นกับทุกอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่บรรจุ ไม่ใช่เฉพาะสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว อุณหภูมิที่เหมาะสมมากที่สุดก็คืออุณหภูมิห้อง

ควรชาร์จแบตเตอรี่เมื่อเหลือ 50%  แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ไม่ควรใช้งานจนเหลือ 0% เพราะเป็นการทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไว เนื่องจากแบตเตอรี่ประเภทนี้ไม่ใช่แบบ Fully Discharged เหมือนแบตเตอรี่แบบนิกเกิล

ควรชาร์จแบตเตอรี่เมื่อลดลงกี่เปอร์เซ็นต์ ถึงจะส่งผลดีต่อตัวแบตเตอรี่?  ทาง Apple ได้เคยชี้แจงว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการชาร์จแบตเตอรี่ คือช่วงที่แบตเตอรี่ลดลงเหลือประมาณ 50% และไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่ลดเหลือ 5-10% แล้วค่อยชาร์จนั่นจะทำให้แบตเตอรี่ยิ่งเสื่อมไว

โน้ตบุ๊ค เสียบสายชาร์จค้างไว้ ดีหรือไม่?   สำหรับใครที่ใช้งานโน้ตบุ๊คเมื่อใดก็ตามที่ตัวเครื่องต้องประมวลผลหนักตัวเครื่องจะมีอาการร้อนจัด ซึ่งความร้อนนี้เองเป็นตัวการสำคัญที่จะส่งผลเสียกับแบตเตอรี่โดยตรง หากเป็นโน้ตบุ๊คที่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ให้ถอดแบตออกถ้าหากต้องเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา แต่สำหรับโน้ตบุ๊คที่ไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ออกได้ อย่างเช่น MacBook Air หรือ MacBook Pro ก็ไม่ต้องกังวล เนื่องจากมีระบบตัดไฟเมื่อมีการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม

วิธีถนอมแบตเตอรี่ ให้ใช้งานได้อย่างยาวนานขึ้น

1. ในการชาร์จครั้งแรก ไม่ควรทิ้งไว้ข้ามคืน  ความเชื่อแบบผิดๆ สำหรับการใช้งานโทรศัพท์มือถือในครั้งแรก ที่ว่าควรจะชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ข้ามคืน วิธีดังกล่าวเหมาะสำหรับแบบนิกเกิลเท่านั้น แต่สำหรับแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ไม่เหมาะไม่ควรค่ะ

2. หลีกเลี่ยงการใช้งานอุปกรณ์ขณะชาร์จแบตเตอรี่  การชาร์จแบตเตอรี่ตัวเครื่องจะเกิดความร้อนสูง แต่เมื่อใดที่ทำการชาร์จไปเล่นไปพร้อมกัน กระแสไฟที่ส่งเข้ามาจะเกิดการแบ่งไฟ ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณกระแสไฟสูงขึ้น ส่งผลทำให้ตัวเครื่องร้อนกว่าเดิมและแบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น

3. อย่าใช้งานจนแบตเตอรี่หมด  การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดคือการทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น แต่ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ เนื่องจากไม่สามารถหาที่ชาร์จแบตเตอรี่ได้ในตอนนั้น จะต้องรีบหาทางชาร์จแบตเตอรี่ให้เร็วที่สุด เพราะการชาร์จแบตเตอรี่ในขณะที่แบตเตอรี่เหลือน้อยจะทำให้เสื่อมเร็วกว่าเดิม

4. ชาร์จบ่อยได้ แต่ไม่จำเป็นต้องชาร์จจนเต็ม  แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเหลือ 0% สามารถเสียบชาร์จได้บ่อยครั้ง แต่ไม่ควรชาร์จจนเต็ม 100% ควรชาร์จเมื่อแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 50% และไม่ควรให้แบตเตอรี่ลดลง 5-10% แล้วค่อยชาร์จ

5. หลีกเลี่ยงการเก็บอุปกรณ์ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง  อาจมีบางครั้งบางคราที่ผู้ใช้งานอาจเผลอลืมมือถือของตนไว้ในรถเป็นประจำ รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมเช่นนี้ส่งผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น เนื่องมาจากอุณหภูมิที่ร้อนจัด หรืออุณหภูมิที่เย็นจัด เป็นตัวการทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวและมีอายุการใช้งานน้อยลง

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.howtogeek.com, www.techmoblog.com