เผยนวัตกรรมที่ทำให้ ‘สมาร์ตโฟน’ ได้ติดยศเป็น ‘เรือธง’ และทำให้ผู้คนอยากจับจองเป็นเจ้าของมากที่สุดในตอนนี้!!
ได้ยินคำว่าสมาร์ตโฟนเรือธงกันมาอย่างหนาหูแล้วสำหรับในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เพราะแต่ละค่ายต่างก็ทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวท็อปออกสู่ท้องตลาดกันอย่างเรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใคร แล้ว “สเปก” แบบไหนบ้างที่ผู้ผลิตต้องใส่มาแบบจัดเต็ม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ตโฟนระดับ“เรือธง” ที่เมื่อเปิดตัวแล้วผู้คนต้องอยากมีไว้ในครอบครอง คงไม่ใช่ว่ามีกล้องระดับพอถ่ายได้ ฟีเจอร์เดิม ๆ หรือดีไซน์ที่ใคร ๆ ก็ทำกันอย่างแน่นอน ต่อไปนี้คือ 3 เทรนด์นวัตกรรมที่สมาร์ตโฟนระดับเรือธงไม่ควรมองข้ามในปีนี้
รองรับการใช้สัญญาณ 5G นวัตกรรมแห่งยุคที่มาแรงที่สุดในปีนี้
สมาร์ตโฟนเรือธงของปี 2020 นี้ ถ้าพลาดการรองรับ 5G ก็เหมือนไม่ใช่สมาร์ตโฟนพรีเมียมของยุคนี้ ตั้งแต่ที่ประเทศไทยประมูลสัมปทานเครือข่ายสัญญาณ 5G กันไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ต้นปี พร้อมเริ่มใช้งาน ผู้ให้บริการทุกเครือข่ายต่างก็ทุ่มการโปรโมท ประโคมโฆษณาไม่มียั้งเพราะต่างรู้ดีว่า 5G จะเป็นอนาคตของผู้ใช้สมาร์ตโฟนและสมาร์ทดีไวซ์แน่นอน ไม่ต่างจากเมื่อครั้ง 4G เพิ่งเป็นที่รู้จัก ถ้าใครที่คิดจะซื้อสมาร์ตโฟนใหม่ในปีนี้ คงต้องคิดเผื่ออนาคตไว้ยาว ๆ ให้รองรับเครือข่ายสัญญาณ 5G
จากที่เคยใช้เวลาในการดาวน์โหลดข้อมูลขนาดใหญ่บนออนไลน์เป็นเวลานาน เทคโนโลยี 5G จะทำให้เรื่องนี้เร็วราวกระพริบตา ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและได้ใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อยกระดับการใช้งานและอำนวยความสะดวก เช่น AR, VR, การแชร์หน้าจอระหว่างอุปกรณ์ หรือการสตรีมเกมส์จากคลาวด์ เป็นต้น
และสิ่งที่ต้องเช็คให้ คือ สมาร์ตโฟนนั้นสามารถรองรับย่านความถี่ 5G ที่ให้บริการในประเทศไทยได้ครบถ้วนหรือไม่ เพราะหากไม่ครบ เราก็ต้องมาดูกันอีกว่าสมาร์ตโฟนรองรับ 5G ของเครือข่ายโทรศัพท์เจ้าใดบ้าง นอกจากนี้เพื่อให้สามารถใช้สมาร์ตโฟนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพความเร็วระดับ 5G สมาร์ตโฟนดังกล่าวควรมาพร้อมกับชิปเซ็ตที่ประมวลผลฉับไว และมีหน้าจอที่มี refresh rate เหมาะสมและประหยัดพลังงาน
นวัตกรรมการออกแบบที่ชาญฉลาด ตอบโจทย์การใช้งานจริง และเลอค่าด้วยดีไซน์ไร้กาลเวลา
ดีไซน์คือด่านแรกของการเลือกของใช้ รวมถึงสมาร์ตโฟนซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ติดกับตัวของผู้ใช้ ความสวยงามและหรูหราเหนือระดับที่สะท้อนให้เห็นถึงความเลอค่า คือสิ่งที่ผู้จ่ายเงินซื้อมือถือเรือธงต้องการ นอกจากความพรีเมียมของวัสดุที่เลือกใช้และรูปแบบการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ความชาญฉลาดในการออกแบบที่คำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานคืออีกหนึ่งสิ่งสำคัญ จะเห็นได้จากดีไซน์หน้าจอของสมาร์ตโฟนปัจจุบันที่เป็น FullView Display
หรือมีงานดีไซน์แบบจอโค้ง 4 มุม ที่ให้การแสดงผลลื่นไหล ให้ภาพเต็มตาเสมือนไร้ขอบ ปัจจุบันยังมีดีไซน์ที่ล้ำขั้นขึ้นไปอีก ด้วยสมาร์ตโฟนจอพับ ซึ่งก็ต้องมาดูในเรื่องของดีไซน์กลไกการพับของหน้าจอที่ตอบโจทย์การใช้งาน แข็งแกร่งทนทาน ไม่ต้องกังวลเมื่อพับ และสามารถแสดงผลภาพบนจอได้อย่างไร้รอยต่อแม้พับอยู่ วัสดุพรีเมียมบวกกับเทคโนโลยี อย่างเช่น การใช้เซรามิกเผาไฟเคลือบเทคโนโลยีนาโน หรือโลหะเหลว เป็นต้น ยิ่งเพิ่มมูลค่าให้สมฐานะการเป็นสมาร์ตโฟนเรือธง
นวัตกรรมการถ่ายภาพสุดล้ำ ด้วยกล้องคุณภาพสูงและเทคโนโลยีใหม่ ๆ
คงจะมีความรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่พอประมาณถ้าเกิดใครมาเห็นรูปที่เราถ่ายด้วยสมาร์ตโฟนแล้วถามว่า “นี่เธอใช้กล้องโปรรุ่นอะไร” เพราะคงต้องยอมรับจริง ๆ ว่ายุคนี้แยกยากแล้วว่าภาพไหนถ่ายด้วยกล้อง DLSR ภาพไหนถ่ายด้วยกล้องมือถือ ดังนั้นประเด็น “กล้อง” จึงเป็นหนึ่งในเรื่องที่สมาร์ตโฟนเรือธงในปี 2020 แข่งกันแบบเอาเป็นเอาตาย จะมามีแค่ 2-3 กล้องไม่ได้แล้ว เพราะนวัตกรรมกล้องถ่ายรูปเดียวนี้วิวัฒนาการไปจนถึง 4 กล้อง 5 กล้อง และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 100 เท่ากันแล้ว
โดยเฉพาะถ้าแบรนด์สมาร์ตโฟนไปร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทผลิตเลนส์กล้องดัง ๆ ก็ยิ่งทำให้เชื่อมั่นในคุณภาพกล้องได้อีกขั้น หรือหากต้องการตัวช่วยตัดสินใจที่เป็นกลาง ก็สามารถเช็คอันดับสมาร์ตโฟนที่กล้องดีที่สุดได้จาก DXOmark เว็บไซต์ที่ให้คะแนนอย่างเป็นกลางในเรื่องความสามารถของกล้องและการถ่ายภาพ นอกจากกล้องและเลนส์ เทคโนโลยีภายใน ระบบเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ทำให้ถ่ายภาพได้สวยในทุกสภาพแสง หรือ AI ที่ช่วยเก็บโมเม้นท์สำคัญ คัดสรรและแก้ไขภาพได้แบบอัตโนมัติ คือสิ่งที่ทุกคนมองหา เพราะนั้นแปลว่า แม้ไม่มีทักษะด้านการถ่ายภาพหรือการตกแต่งภาพ ก็สามารถมีรูปสวย ๆ ได้
Huawei P40 Pro+ 5G และ Huawei Mate Xs 5G สมาร์ตโฟนเรือธงตัวท็อปที่สุดของครึ่งแรกปี 2020
สองสมาร์ตโฟนเรือธงที่เพิ่งเปิดตัวไปพร้อมกันเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ นับได้ว่าสมกับการรอคอย และเป็นที่สนใจของเหล่าบล็อกเกอร์ด้านไอที เพราะมาพร้อมสเปกแรงจัดเต็มมากที่สุดเท่าที่นวัตกรรมของหัวเว่ยจะจัดให้ได้ Huawei P40 Pro+ สมาร์ตโฟนตัวท็อปของ P40 Series จัดเต็มกล้องหลังคุณภาพ 5 ตัวจาก Leica ที่เรียกรวมกันว่า Ultra Vision Leica Penta Camera มอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่เหนือระดับ คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้เทียบได้กับกล้อง DSLR
ทั้งยังมาพร้อมเลนส์ซูมแบบ SuperZoom Array รองรับการซูมแบบออพติคัลถึง 10 เท่า และซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดถึง 100 เท่า ด้านหลังตัวเครื่องใช้วัสดุเซรามิกนาโนเทคโนโลยีสี Ceramic White ให้ความรู้สึกอ่อนช้อยงดงาม ผ่านกระบวนการเผาและเคลือบอย่างดีให้คงทน ขอบจอทั้ง 4 ด้านเป็นดีไซน์โค้งมนเสมือนไร้ขอบซึ่งเรียกว่า Quad-curve Overflow Display รับชมภาพเต็มตาและให้ความรู้สึกสมจริง ทั้งยังมาพร้อม Kirin 990 5G ชิปเซ็ตทรงพลังที่ประมวลผลรวดเร็วด้วยการรวมเอาโปรเซสเซอร์และโมเด็มเข้าไว้ด้วยกัน รองรับ 5G ได้ทั้ง 2 ซิมตามระบบ
ส่วน Huawei Mate Xs สมาร์ตโฟนจอพับได้ก็มาพร้อมการออกแบบกลไกพานพับแบบใหม่ที่เรียกว่า Falcon Wing Design ที่มีชิ้นส่วนมากกว่า 100 ชิ้นร้อยต่อกันและทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบ แถมเสริมความแข็งแกร่งของกลไกบานพับด้วยชิ้นส่วนใหม่ที่ผลิตด้วยโลหะเหลวที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเซอร์โคเนียม (Zirconium-based Liquid Metal) แข็งแรงกว่าอลูมิเนียมอัลลอยถึง 30 เปอร์เซ็นต์
และทำให้หน้าจอสามารถพับได้เต็มและกางออกได้ถึง 180 องศา ให้จอกว้างสะใจถึง 8 นิ้ว ส่วนการถ่ายภาพก็ไม่น้อยหน้าเพราะติดตั้งกล้องคุณภาพจาก Leica ไว้ถึง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 40 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นสุดเก๋เพียงพับจอและใช้กล้องหลังถ่ายเซลฟี่ได้เลย ไม่ต้องเสริมกล้องหน้าให้หนัก และแน่นอนว่าสมาร์ตโฟนเรือธงจากหัวเว่ยรองรับการใช้งานสัญญาณ 5G ครบทุกย่านความถี่ที่มีให้บริการในประเทศไทย ไม่ว่าจะเลือกเครือข่ายไหนก็พร้อมใช้งานไม่มีติดขัด
Huawei P40 Pro+ ในสี Ceramic White จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 27 มิถุนายน ราคา 40,990 บาท โดยพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 4 -26 มิถุนายน พร้อมของสมนาคุณมูลค่ารวม 12,200 บาท สำหรับ Huawei Mate Xs มาพร้อมสี Interstellar Blue ที่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าคือหัวเว่ย วางจำหน่ายแล้ว ในราคา 89,990 บาท พร้อมของสมนาคุณมูลค่ารวม 21,900 บาท
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ ของ Huawei P40 Pro+ 5G และ Huawei Mate Xs 5G ได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย): https://consumer.Huawei.com/th/
Leave a Reply