เปิดตัว iPhone X (ไอโฟนเท็น) รุ่นพิเศษ! กล้องหลังคู่เทคโนโลยี Dual OIS หน้าจอ OLED พร้อมชาร์จไร้สาย เคาะราคา $999
ล่าสุด Apple แบรนด์ผู้ผลิตชื่อดังก็ได้ทำการเปิดตัว iPhone X สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ฉลองครบรอบ 10 ปี นับตั้งแต่รุ่นแรกเปิดตัว โดยอ่านว่า “ไอโฟนเท็น” และอักษร X หมายถึงเลข 10 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยภายในงาน Apple Special Event 2017 ดีไซน์การออกแบบที่เรียกได้ว่าคล้ายคลึงกับภาพเรนเดอร์ที่เผยออกมาก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก เราไปชมสเปคการใช้งาน ราคา และจุดเด่นต่างๆ ของ iPhone X กันเลยค่ะ
ราคา และกำหนดการวางจำหน่าย
• ความจุ 64GB ราคา $999 หรือประมาณ 33,000 บาท
• ความจุ 256GB ราคา $1,149 หรือประมาณ 38,000 บาท
• เปิดพรีออเดอร์ 27 ตุลาคม 2017
• วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 3 พฤศจิกายน 2017
• ยังไม่ระบุวันเปิดจอง ราคา และกำหนดการวางจำหน่ายในไทย
• ตัวเครื่องวัสดุกระจกทั้งหน้าและหลังบอดี้โค้งมน กรอบเครื่องสแตนเลส มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา (Space Grey) และสีเงิน (Silver)
• ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
• รองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) ผ่านแท่นชาร์จ AirPower ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที
• AirPower แท่นชาร์จไร้สาย รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น iPhone X, AirPods หรือ Apple Watch พร้อมขายในปี 2018
• กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12MP ค่ารูรับแสง f/1.8 และ f/2.4 ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี รองรับเทคโนโลยี Dual OIS กันสั่นสองตัว และ Quad LED flash ไฟแฟลชสี่ดวง ซูมดิจิทัลได้ถึง 10 เท่า
• กล้องหน้าความละเอียด 7MP นวัตกรรม TrueDepth รองรับเซ็นเซอร์ Face ID สแกนใบหน้า และอื่นๆ ช่วยในการถ่ายเซลฟี่คมชัดขึ้น และมีมิติมากกว่าเดิม
• ฟังก์ชันการถ่ายภาพแบบใหม่ ได้แก่ Animoji อิโมจิแบบ 3 มิติ เปลี่ยนแปลงใบหน้าตามรูปแบบต่างๆ, Portrait Selfie เซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ, Portrait Lighting จัดแสงภาพถ่ายบุคคล
• หน้าจอ OLED สีสันสดใส ไร้ขอบไร้ปุ่มโฮมขนาด 5.8 นิ้ว เทคโนโลยี Super Retina Display พร้อม Function Area ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล (458ppi) คมชัดละเอียดมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และรองรับฟีเจอร์ 3D Touch
• หน้าจอมีความยืดหยุ่นประหยัดพลังงานในการแสดงผล และเป็นหน้าจอแบบ HDR (High Dynamic Range) สามารถรับชมได้ในรูปแบบ Dolby Vision และ HDR10
• ขุมพลัง Apple A11 Bionic นวัตกรรมการผลิต 10 นาโนเมตร แบบ 6 คอร์ 64 บิต ประหยัดพลังงาน และประสิทธิภาพแรงกว่า A10 กว่า 2 เท่า แบ่งเป็น 4 คอร์ เร็วขึ้นถึง 70% และ 2 คอร์ ประมวลผลการทำงานเร็วขึ้นกว่า 25%
• iPhone X มีให้เลือก 2 ความจุ ได้แก่ 64GB และ 256GB
• Face ID สแกนใบหน้า มาแทนที่ Touch ID สแกนลายนิ้วมือ หลังจากที่ iPhone X ถูกตัดปุ่มโฮมด้านหน้าตัวเครื่องออก
• สำหรับ Face ID จะใช้กล้องหน้านวัตกรรม TrueDepth ในการสแกนใบหน้าผู้ใช้งาน มีความแม่นยำ เร็วกว่า Touch ID และสามารถใช้จ่าย Apple Pay และล็อกอินเข้าแอปฯ ได้
• Face ID สแกนได้แม้จะอยู่ในที่มืดด้วยแสงอินฟาเรด
• เรียกใช้งาน Siri ด้วยการกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ Siri ใช้เสียงส่งข้อความ ตั้งเตือนความจำ ฟังและระบุชื่อเพลง เปิดใช้งานด้วยเสียงเมื่อพูดว่า “หวัดดี Siri”
• สไลด์ขึ้นเพื่อปลดล็อกหน้าจอ ซึ่งก่อนหน้านี้จะเป็นการสไลด์ไปทางขวา
• รองรับเทคโนโลยี Augmented Reality ระบบความจริงเสมือนเปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน iPhone X ด้วยเซ็นเซอร์ 3 มิติ
• สามารถแตะไปที่หน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อเปิดหน้าจอด้วยฟีเจอร์ “Tap To Wake” ได้อีกด้วย
• ไม่ระบุความจุของแบตเตอรี่ แต่เคลมว่าแบตเตอรี่ของ iPhone X สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า iPhone 7 มากถึง 2 ชั่วโมง
สเปคการใช้งาน iPhone X
– หน้าจอ OLED ขนาด 5.8 นิ้ว เทคโนโลยี Super Retina HDR รองรับ 3D Touch
– ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล (458 ppi)
– ระบบปฏิบัติการ iOS 11
– CPU A11 Bionic โปรเซสเซอร์ร่วม M11
– ความจุ 64GB และ 256GB
– กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 12MP เลนส์ Wide ค่ารูรับแสง f/1.8 เลนส์ Telephoto ค่ารูรับแสง f/2.4 ชุดเลนส์ 6 ชิ้น ซูมดิจิตอลได้สูงสุด 10 เท่า พร้อม Quad LED flash, Portrait, Focus Pixels, Dual OIS, บันทึกวิดีโอระดับ 4K
– กล้องหน้าความละเอียด 7MP เทคโนโลยี TrueDepth ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อม Retina Flash, Portrait Selfie, Animoji, Live Photos, บันทึกวิดีโอระดับ HD
– Face ID เปิดใช้งานด้วยกล้อง TrueDepth เพื่อการรู้จำใบหน้า
– กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
– รองรับ Wi-Fi 802.11ac MIMO, Bluetooth 5.0, NFC, GPS, GLONASS, พอร์ต Lightning, ลำโพงสเตอริโอ, Nano SIM
– เซ็นเซอร์ Face ID, Gyro 3 แกน, บารอมิเตอร์, ตรวจจับการเคลื่อนไหว, ตรวจจับระยะ, ตรวจวัดแสงโดยรอบ
– รองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย และชาร์จเร็ว
– ขนาดตัวเครื่อง 143.6×70.9×7.7 มิลลิเมตร
– น้ำหนัก 174 กรัม
ชมคลิป
ชมคลิป
ชมคลิป
https://youtu.be/K4wEI5zhHB0
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.apple.com, www.theverge.com
Leave a Reply